free web tracker, fire_lady 8 ข้อห้ามสำหรับคนเป็นกรดไหลย้อน…ไม่อยากทุกข์ทรมาน รีบปฎิบัติตามโดยด่วน! • สุขภาพดี

8 ข้อห้ามสำหรับคนเป็นกรดไหลย้อน...ไม่อยากทุกข์ทรมาน รีบปฎิบัติตามโดยด่วน!

ข้อห้ามสำหรับคนเป็นกรดไหลย้อน

"กรดไหลย้อน" เป็นโรคที่หลายคนคุ้นหูแต่ไม่เคยเป็น แต่อาการของโรคนี้บอกได้เลยว่าสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยไม่น้อย แถมยังเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำได้เพียงดูแลไม่ให้แสดงอาการ หรือเกิดอาการแย่ลงเท่านั้น ซึ่งถ้าหากต้องการไม่ให้ตัวโรคกำเริบ ต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กระตุ้นการเกิดโรค ส่วนสาเหตุของโรคกรดไหลย้อน ข้อห้ามสำหรับคนเป็นกรดไหลย้อนควรปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้ทรมานกับอาการของโรคได้อย่างไร มาดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ

โรคกรดไหลย้อน คือ?

โรคกรดไหลย้อน คือภาวะกรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นไป ทำให้หลอดอาหารและลำคอระคายเคือง บางคนอาจจะมีอาการเรอเปรี้ยว จุกเสียด แสบร้อนกลางอก หรือกล่องเสียงอักเสบได้ โรคกรดไหลย้อนเป็นโรคที่พบได้ในทุกช่วงอายุ แต่จะพบมากที่สุดในคนอายุมาก

สาเหตุของโรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อนเกิดจากหูรูดส่วนล่างของหลอดอาหารหย่อนยาน ปิดไม่สนิท จึงทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาด้านบน น้ำย่อยนี้มีฤทธิ์เป็นกรด จึงทำให้เยื่อบุลำคอและหลอดอาหารระคายเคือง ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดเกี่ยวกับหูรูดหย่อนยาน แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดจากปัจจัยความเสื่อมตามอายุที่มากขึ้นเป็นสำคัญ

ข้อห้ามสำหรับคนเป็นกรดไหลย้อน

1. ห้ามละเลยการทานยา โรคกรดไหลย้อน เป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้ยาก จึงมักเป็นๆ หายๆ ดังนั้นต้องทานยาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาโรคไม่ให้กำเริบ เพราะถึงรักษาไม่หายแต่สามารถประคองอาการให้สงบได้

2. ห้ามทานอาหารที่กระตุ้นให้โรคกำเริบ  อาหารเป็นสาเหตุหลักๆ ที่กระตุ้นให้โรคกรดไหลย้อนกำเริบ ดังนั้นต้องคอยสังเกตว่าตัวเองทานอาหารชนิดใดแล้วส่งผลต่อโรคแล้วหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น อาหารที่ผู้ป่วยโรคนี้ต้องหลีกเลี่ยง เช่น ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม อาหารเผ็ด อาหารมัน ผลไม้รสเปรี้ยว ช็อคโกแลต กระเทียม หอม สะระแหน่ ซอสมะเขือเทศ เป็นต้น

3. ห้ามทานอาหารคราวละมากๆ ทานมากไปอาหารจะดันขึ้นด้านบน ท้องอืด จุกเสียด อาการจะแย่ลง ดังนั้นเปลี่ยนมาทานอาหารคราวละน้อยๆ และเคี้ยวให้ละเอียดจะดีกว่า

4. ห้ามทานอาหารมื้อหนักก่อนจะนอน  มื้อเย็นควรทานห่างจากเวลานอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และทานอาหารเบาๆ ย่อยง่าย เช่น ผัก ผลไม้ นม

5. ห้ามดื่มน้ำมากเกินไประหว่างมื้ออาหาร การดื่มน้ำมากๆ ในระหว่างมื้ออาหารทำไปกรดที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารเจือจางลง ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ท้องอืด จุกเสียด เหมือนอาการอาหารไม่ย่อยนั่นเอง

6. ห้ามนอนทันทีหลังทานอาหารเสร็จ เพราะกรดจะไหลกลับขึ้นด้านบนได้ง่ายจากแรงดันของอาหารที่เพิ่งทานเข้าไป ควรรอประมาณ 2-3 ชั่วโมงเพื่อให้อาหารย่อยแล้วค่อยนอน แนะนำให้นอนในท่าเอนตัว นอกจากนี้ไม่ควรก้มเก็บของ นั่งงอตัว หรือโค้งตัวลงต่ำหลังทานอาหารเสร็จ

7. ห้ามใส่เสื้อที่คับแน่นมากจนเกินไป เพราะเสื้อผ้าที่คับแน่นจะเพิ่มแรงดันในกระเพาะอาหาร

8. ห้ามผิดนัดแพทย์  เพื่อติดตามอาการและรับยาอย่างต่อเนื่อง ควรไปตามที่แพทย์ รับการรักษาจนกว่าอาการจะเป็นปกติ

คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน

  •  ลดน้ำหนัก สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกิน พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • ไม่เครียด พยายามรักษาร่างกายให้แข็งแรงและสุขภาพจิตให้แจ่มใส เพราะความเครียดมีส่วนกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากขึ้น อาจจะทำให้อาการกำเริบได้
  • เคี้ยวหมากฝรั่งหลังทานอาหาร การเคี้ยวหมากฝรั่ง กระตุ้นการสร้างน้ำลายมาก ซึ่งจะไปช่วยเจือจางกรดในกระเพาะอาหาร แต่ควรหลีกเลี่ยงหมากฝรั่งรสเปปเปอร์มิ้น
  • หนุนหมอนสูงๆ ประมาณ 6-8 นิ้ว ใช้หมอนหรือใช้อุปกรณ์พิเศษอื่นๆ สอดข้างใต้  ท่านอนมีลักษณะเอียงลาด เพื่อลดความดันในช่องท้อง
  • รักษาโรคอื่นๆ ที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคกรดไหลย้อน โรคบางโรค เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหืด โรคถุงลมโป่งพอง เป็นสาเหตุและเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้โรคกรดไหลย้อนกำเริบได้
  • ไปพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ โดยปกติแล้วโรคนี้อาจจะสร้างความรำคาญและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยค่อนข้างมาก แต่ไม่มีอันตรายจนถึงแก่ชีวิต แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น อาเจียนเป็นเลือด ไอหรือสำลักบ่อย เจ็บคอ กลืนอาหารไม่ได้ ปวดท้อง อุจจาระมีสีดำและเหนียวข้น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ซีด น้ำหนักลด ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

ถึงกรดไหลย้อนจะเป็นโรคที่ไม่อันตรายมาก แต่ก็ต้องระวังตัวมากเลยทีเดียว ทั้งเรื่องการรับประทาน การนอน รวมไปถึงการใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ถ้าใครที่ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนแล้วอยากให้โรคอยู่แบบสงบนิ่ง แนะนำให้ปฎิบัติตนตามข้อห้ามสำหรับคนเป็นกรดไหลย้อนตามที่แนะนำมา เชื่อแน่ว่าช่วยลดความเสี่ยงในการทุกข์ทรมานกับโรคกรดไหลย้อนอย่างแน่นอน