13 วิธีแก้ปัญหาขาหนีบดำ...อยากใส่บิกินี่อย่างมั่นใจ ทำอย่างไรไม่ให้ขาหนีบดำ

ขึ้นชื่อว่าสาวๆ ความสวยงามย่อมเป็นของคู่กัน และเมื่อสวยแล้วก็ต้องสวยทั้งตัวจะมาสวยนอกร่มผ้าแต่ "ขาหนีบดำ" มันก็ไม่ใช่น๊า สำหรับปัญหาขาหนีบดำถึงแม้เสื้อผ้าจะปกปิดอยู่ คนภายนอกมองไม่เห็นบ่อยนัก แต่แหมมันก็ทำให้เสียความมั่นใจได้เหมือนกันโดยเฉพาะเมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำ อยากผิวขาวเนียนทั้งตัว อยากมั่นใจเมื่อใส่บิกินี่ เดินชิวๆ ตามหาดทราย ต้องทำอย่างไรบ้าง ตามมาดู 13 วิธีแก้ขาหนีบดำ ที่นำมาฝากกันได้เลยค่ะ

1. การเสียดสี เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ขาหนีบดำ เพราะขาหนีบเป็นบริเวณที่มีการเสียดสีได้ง่าย หากมีน้ำหนักตัวมาก ออกกำลังกายบ่อยหรือใส่กางเกงรัดมากอยู่เป็นประจำ เมื่อเสียดสีบ่อย ผิวจะไหม้ เป็นรอยดำ บางรายอาจจะคัน เป็นผื่นแดงหรือถลอกได้เลย

2. การตั้งครรภ์ ในขณะตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมนบางชนิดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังบางบริเวณดำคล้ำขึ้น เช่น ผิวหน้า หัวนม ซอกรักแร้ หน้าท้อง ขาหนีบ

3. โรคผิวหนังช้าง ส่วนใหญ่เกิดกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เนื่องจากอินซูลินหากมีมากเกินไป จะกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตเม็ดสีผิวมากขึ้น ผิวจะคล้ำมากขึ้น อาจจะเป็นผื่นแข็งหนาจนสัมผัสได้

4. ยารักษาโรค ยาบางชนิดหากมีผลในการเพิ่มปริมาณอินซูลินในร่างกาย ก็จะส่งผลกระทบต่อการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนังเช่นกัน

1. หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงรัดรูป กางเกงยีนส์รัดๆ หรือกางเกงที่มีเนื้อผ้าหนาที่รัดมากๆ เพราะจะทำให้ผ้ากับผิวเสียดสีกันอยู่ตลอดระยะเวลาที่ใส่ หันไปใส่กางเกงที่ผ้าบางๆ สวมใส่สบายและพอดีตัวจะดีกว่าค่ะ

2. ลดน้ำหนัก ขาหนีบเป็นจุดที่เสียดสีกันง่ายมากอยู่แล้ว หากน้ำหนักตัวเยอะ ก็จะยิ่งเสียดสีมากขึ้นไปใหญ่ ผิวหนังจะเป็นปื้นๆ สีดำคล้ำ ดังนั้นการออกกำลังกายลดน้ำหนักจะช่วยได้มาก จะลดการเสียดสีลงและบำรุงรักษาได้มากขึ้น

6. ควบคุมอาหารและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ สำหรับใครที่เป็นโรคผิวหนังช้าง ควรลดอาหารที่มีน้ำตาลสูงเพื่อลดการหลั่งอินซูลินในร่างกาย อันเป็นสาเหตุของโรค และไม่ว่าจะผู้ที่สุขภาพปกติหรือเป็นโรคผิวหนังช้างด้วยก็ตาม ควรเลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี แอนโทไซยานิน สารเหล่านี้จะพบในผักผลไม้หลากสี ถั่ว ไข่ ข้าวสีม่วง สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยบำรุงผิวให้แข็ง ลดการอักเสบ

7. ทาครีมบำรุงผิว เลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีไวท์เทนนิ่งหรือวิตามินเพื่อช่วยให้ผิวขาวขึ้น โดยทาเป็นประจำทุกครั้งหลังอาบน้ำ

8. บำรุงผิวด้วยน้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติ  น้ำมันจากพืชธรรมชาติมีหลายชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก อาร์เก้นออยล์ น้ำมันจากดอกไม้ต่างๆ ซึ่งน้ำมันเหล่าเหล่านี้อุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งเป็นอาหารผิวชั้นเลิศ หากนำมาทาผิวจะช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ลดเลือนริ้วรอยจุดด่างดำต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

9. เปลี่ยนยารักษา หากใครที่เจ็บป่วยแล้วต้องทานยาที่มีผลข้างเคียงทำให้ผิวเข้มขึ้น ขาหนีบดำขึ้น ลองปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษา เพราะอาจจะมียาชนิดอื่นๆ ที่ไม่มีผลข้างเคียงต่อการเปลี่ยนแปลงสีผิว

10. รักษาผิวให้แห้งอยู่ตลอดเวลา หลังอาบน้ำต้องเช็ดตัวให้แห้ง เมื่อตากฝนต้องรีบอาบน้ำเช็ดตัว ไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่อับชื้นเด็ดขาด บางรายหากเหงื่อออกเยอะนิดหน่อยสามารถทาแป้งบางๆ เพื่อลดความอับชื้นในระหว่างวันได้

11. เลเซอร์ลดรอย ใช้ในกรณีที่ขาหนีบดำมากแล้วลองรักษาด้วยวิธีธรรมชาติมาหลายวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ผล เลเซอร์มีหลายชนิด บางชนิดใช้ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าแต่ก็สามารถนำมาใช้ลดรอดำที่ขาหนีบได้เช่นกัน การเลเซอร์นี้อาจจะต้องทำหลายครั้งและมีราคาแพงอยู่สักหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก

12. ใช้ยาปรับสภาพสีผิว เช่น กรดผลไม้ กรดยูเรีย กรดซาลิไซลิก สารบางตัวจะช่วยกดการทำงานของเม็ดสีหรือบางตัวอาจจะช่วยเร่งผลัดเซลล์ผิว แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรหาซื้อยามาใช้เอง เพราะสภาพผิวของคุณอาจจะไม่เหมาะสมกับยาที่ซื้อมาใช้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ให้ดี แต่ถ้าหากต้องการซื้อมาใช้เองจริงๆ อย่าลืมสอบถามข้อมูลจากเภสัชกรให้ครบถ้วน

13. ขาหนีบดำเมื่อตั้งครรภ์ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้สีผิวบางบริเวณดำขึ้น เช่น ต้นคอ หัวนม หน้าท้องและซอกพับต่างๆ ข้อนี้คุณแม่ไม่ต้องทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อยามาทาเอง เพราะยาบางตัวอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ อดใจรอสักนิด เมื่อคลอดแล้วผิวจะค่อยๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเองค่ะ

สำหรับใครที่ไม่อยากกังวลใจกับปัญหาขาหนีบดำอีกต่อไป สามารถนำวิธีแก้ขาหนีบดำทั้ง 13 วิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ได้ รับรองว่าเมื่อปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ คุณจะได้ผิวที่เรียบเนียน สีผิวกระจ่างใสกลับคืนมาอย่างแน่นอน