free web tracker, fire_lady 17 ข้อห้ามก่อน-หลังบริจาคเลือด…เช็คให้ชัวร์ก่อนบริจาค • สุขภาพดี

17 ข้อห้ามก่อน-หลังบริจาคเลือด...เช็คให้ชัวร์ก่อนบริจาค

ข้อห้ามสำหรับคนบริจาคเลือด

"การบริจาคเลือด" จัดเป็นการทำบุญใหญ่อย่างหนึ่ง เพราะเลือดที่บริจาคจะถูกนำไปช่วยเหลือผู้อื่นในยามฉุกเฉิน แต่การบริจาคเลือดมีกฎเกณฑ์และข้อห้ามมากมาย เพราะหลังบริจาคเลือดไปแล้วอาจมีผลกระทบทั้งต่อตัวผู้บริจาคและผู้รับบริจาค ดังนั้นเพื่อให้การบริจาคเกิดผล ควรรู้ถึงข้อควรปฎิบัติและข้อห้ามสำหรับคนบริจาคเลือดกันก่อนดีไหม...ส่วนจะมีอะไรบ้าง มาหาข้อมูลไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริจาคเลือด

การบริจาคเลือด 1 ถุงสามารถนำไปช่วยเหลือคนได้มากถึง 3 คน เพราะเลือดที่บริจาคจะแยกเป็นส่วนๆ ได้ คือ เกล็ดเลือด พลาสม่า และเม็ดเลือดแดง เลือดจึงไม่ได้ถูกทำไปช่วยเหลือคนไข้ผ่าตัดอย่างเดียวเท่านั้น  แต่นำไปรักษาผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือดได้อีกด้วย  สำหรับบางคนอาจสงสัยว่าหากบริจาคเลือดไปแล้ว จะทำให้ร่างกายอ่อนแอลงหรือเปล่า ข้อเท็จจริงคือ การบริจาคเลือดไม่ได้ทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ในทางตรงกันข้าม กลับช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม เพราะการบริจาคเลือดเป็นการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือด รวมทั้งจะบริจาคต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงมากพอสมควร ดังนั้นการบริจาคเลือดจึงทำให้ร่างกายแข็งแรงไปโดยปริยาย คนเราสามารถบริจาคได้ปีละ 4 ครั้งและบริจาคได้ 212 ครั้งตลอดชีวิต ใครที่ร่างกายแข็งแรง อยากทำบุญให้กับผู้อื่น ไปบริจาคกันเถอะค่ะ

ข้อห้าม ควรรู้ก่อนบริจาคเลือด

ก่อนเข้าบริจาคเลือด มาเช็คให้ชัวร์กันก่อนดีไหมว่า...คุณอยู่ในเกณฑ์ข้อห้ามทั้ง 17 ข้อนี้หรือเปล่า?

1. ห้ามเด็กเกินไป ผู้บริจาคเลือดต้องมีอายุ 17 ปีขึ้นไป หากอายุยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์ ต้องได้รับการเซ็นยินยอมจากผู้ปกครอง

2. ห้ามแก่เกินไป ผู้บริจาคโลหิตครั้งแรกต้องมีอายุไม่เกิน 55 ปี ส่วนใครที่บริจาคอย่างสม่ำเสมอ สามารถบริจาคได้ถึง 70 ปี หากอายุ 60-65 ปี บริจาคได้ ทุก 4 เดือน หากอายุ 65-70 ปี บริจาคได้ทุก 6 เดือน แต่ในบางครั้งเลือดผู้สูงอายุมักจะไม่ผ่านเพราะมักป่วยเป็นโรคไขมันในเลือดและโรคความดันโลหิตสูง

3. ห้ามนอนน้อย ต้องนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอและไม่อ่อนเพลียในวันที่จะบริจาค ถึงจะนอนน้อยแล้วฝืนไปบริจาค เลือดคุณก็ไม่ผ่านอยู่ดี

4. ห้ามทานอาหารไขมันสูง ห้ามรับประทานอาหารมันๆ ทุกชนิดภายในเวลา 6 ชั่วโมงก่อนบริจาค เพราะพลาสม่าของเลือดที่ได้จะมีแต่ไขมันจนไม่สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยได้

5. ห้ามสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้ปอดฟอกโลหิตได้ไม่ดีพอ

6. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ โดยต้องงดแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนบริจาคเลือด

7. ห้ามสตรีตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ สตรีที่เพิ่งคลอดบุตร/แท้งบุตร หรือกำลังให้นมบุตร ต้องงดเว้นการบริจาคเลือดอย่างน้อย 6 เดือน เพราะร่างกายจะเสียเลือดมาก เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์หรือตัวมารดา

8. ห้ามสตรีที่กำลังมีประจำเดือน หากมีร่างกายแข็งแรง ไม่ได้มีประจำเดือนมากก็สามารถบริจาคได้ แต่ในช่วงที่ผู้หญิงกำลังมีประจำเดือน เสียเลือดอยู่แล้ว ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย จึงต้องหลีกเลี่ยงการบริจาคเลือดจนกว่าจะหมดประเดือน

9. ห้ามคนสักหรือเจาะผิวหนัง เช่น สักลาย เจาะจมูก เจาะหู โดยกำหนดให้ห้ามบริจาคภายใน 1 ปีหลังเจาะหรือสัก เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคซึ่งสามารถส่งต่อไปยังผู้ป่วยได้

10. ห้ามผู้ป่วยอุจจาระร่วงที่เพิ่งรักษาหาย ใครที่เพิ่งท้องร่วง ท้องเสีย อ่อนเพลีย หน้ามืดเป็นลมง่ายจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่มาก ไม่ควรบริจาคเลือด เพราะนอกจากเสี่ยงต่อผู้บริจาคแล้ว ผู้รับบริจาคอาจได้รับเชื้อโรคจากเลือดของผู้บริจาคด้วย

11. ห้ามผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการผ่าตัด หากเป็นการผ่าตัดใหญ่ (ใช้ยาชาเข้าไขสันหลังหรือวางยาสลบ ต้องงดบริจาค 6 เดือน หากผ่าตัดเล็ก (ใช้ยาชาเฉพาะที่) ต้องงดบริจาค  1 เดือน ส่วนผู้ป่วยรายใดที่ได้รับเลือดจากการผ่าตัดต้องงดบริจาค 1 ปี

12. ห้ามผู้ที่รักษาฟันภายใน 3 วัน เช่น ถอนฟัน ขูดหินปูน อุดฟัน เป็นต้น เพราะปากมีบาดแผล ซึ่งอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือดชั่วคราวจากการรักษาซึ่งสามารถส่งต่อไปถึงผู้ป่วยได้ ดังนั้นใครที่เพิ่งรักษาฟันมา ต้องงดบริจาคเลือด 7 วัน

13. ห้ามลุกจากเตียงทันทีหลังบริจาคเสร็จ เพราะอาจทำให้หน้ามืด วิงเวียนศีรษะหรือเป็นลม ควรนอนพักอย่างน้อย 5-10 นาทีหลังบริจาคเลือดเสร็จ จึงจะลุกขึ้นจากเตียงได้

14. ห้ามใส่เสื้อผ้าที่แน่นจนเกินไป เพราะอาจจะดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้ยาก และทำให้อึดอัด ไม่สบายตัวหลังบริจาคเสร็จ

15. ห้ามซาวน่า ออกกำลังกายหรือทำงานหนัก ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังบริจาคเลือด ไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้ร่างกายสุญเสียเหงื่อมาก รวมทั้งงดใช้งานแขนข้างที่บริจาคด้วย

16. ห้ามปีนป่ายที่สูงและทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกลหนัก งดเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังบริจาค เพราะอาจเกิดอาการเป็นลม หน้ามืด ซึ่งหากเป็นในขณะอยู่ที่สูงหรือกำลังทำงานกับเครื่องจักร จะเกิดอันตรายได้

17. ห้ามละเลยการทานธาตุเหล็ก หลังบริจาค เจ้าหน้าที่จะให้ธาตุเหล็ก ควรรับประทานทุกวัน วันละ 1 เม็ดจนกว่าจะหมด เพื่อชดเชยธาตุเหล็กที่สูญเสียไป หากบริจาคเลือดบ่อยๆ แต่ไม่ยอมทานธาตุเหล็ก จะทำให้เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูงในอนาคตได้

ได้รู้ถึงข้อควรปฎิบัติ และข้อห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการบริจาคเลือดกันไปแล้ว หากร่างกายคุณแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยใดๆ ไม่มีข้อห้ามตามเกณฑ์ของสภากาชาดไทย แนะนำไปจูงมือกันไปบริจาคเลือด เพราะตอนนี้ประเทศไทยขาดแคลนเลือดมาก การบริจาคเลือดเป็นการทำบุญที่ได้ช่วยเหลือชีวิตของผู้อื่นอย่างแท้จริงค่ะ