free web tracker, fire_lady 25 วิธีดับกลิ่นจุดซ่อนเร้น จะกลิ่นแรงแค่ไหน ก็รักษาได้อยู่หมัด • สุขภาพดี

25 วิธีดับกลิ่นจุดซ่อนเร้น จะกลิ่นแรงแค่ไหน ก็รักษาได้อยู่หมัด

จุดซ่อนเร้นก็สำคัญกับสาวๆ ไม่แพ้ใบหน้า เพราะมีความบอบบาง แพ้ง่าย ต้องใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ถ้าจุดซ่อนเร้นมีกลิ่น จะถือเป็นเรื่องที่น่าอายสำหรับสาวๆ อย่างมาก เพราะบางคนกลิ่นแรงจนคนรอบข้างได้กลิ่น ทำให้หมดความมั่นใจในการใช้ชีวิตไปเลย มาดูกันว่ากลิ่นจากจุดซ่อนเร้นนี้เกิดจากสาเหตุใดและสามารถแก้ไข กำจัดกลิ่นจุดซ่อนเร้นได้ด้วยวิธีใดบ้าง

กลิ่นจากจุดซ่อนเร้น

บริเวณจุดซ่อนเร้นหรือช่องคลอดจะมีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อเมือก ซึ่งจะมีสารคัดหลั่งหลั่งออกมาเพื่อเคลือบเนื้อเยื่อเหล่านี้ให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอ ทำให้จุดซ่อนเร้นจะมีกลิ่นคาวเล็กน้อยตามธรรมชาติไม่ใช่เรื่องผิดปกติใดๆค่ะ แต่เนื่องจากสรีระบริเวณนี้ทำให้การรักษาความสะอาดอยู่ตลอดเวลาได้ยาก หากดูแลสุขอนามัยไม่ดีพอก็จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ง่าย หรือถ้าหากคอยล้างทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้งมากเกินไปก็ทำให้ช่องคลอดขาดความสมดุล เสี่ยงต่อการเป็นเชื้อรา ถ้าเป็นเชื้อราก็มีกลิ่นไม่พึงประสงค์อีก จัดเป็นอวัยวะที่บอบบางและต้องคอยเอาใจใส่มากเลยทีเดียวค่ะ

จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นเกิดจากสาเหตุใด

  • แบคทีเรียที่ช่องคลอดขาดสมดุล โดยปกติในช่องคลอดจะมีแบคทีเรียประจำถิ่นซึ่งไม่ก่อโรคอาศัยอยู่มากมาย ให้ภายในช่องคลอดนั้นมีความสมดุล หากเกิดความผิดปกติใดๆ ที่ทำให้เหล่าแบคทีเรียเหล่านี้ลดจำนวนลง จะทำให้แบคทีเรียชนิดอื่นๆ เจริญเติบโตมากขึ้น เป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ตกขาวมากผิดปกติ แสบคัน เป็นต้น ส่วนปัจจัยที่ทำให้สมดุลช่องคลอดเสียไปมีหลายสาเหตุ เช่น ใช้สบู่ที่เป็นเบสรุนแรง การกินยาฆ่าเชื้อพร่ำเพรื่อ การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ การตั้งครรภ์ การกินยาปรับฮอร์โมน  การสวนล้างช่องคลอด เป็นต้น
  • รักษาสุขอนามันทางเพศไม่ดีพอ เช่น ใส่กางเกงชั้นในซ้ำหรืออับชื้น ไม่เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่เช็ดทำความสะอาดหลังเข้าห้องน้ำ เป็นต้น
  • การติดเชื้อ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางโรคทำให้เซลล์เกิดการอักเสบและตายลง ทำให้เกิดกลิ่นได้ง่าย
  • ทานอาหารที่มีกลิ่นแรง อาหารบางชนิดทานแล้วจะมีกลิ่นกลิ่นออกมากับเหงื่อและปัสสาวะได้ หากปัสสาวะกลิ่นรุนแรงเมื่อล้างทำความสะอาดไม่ดีจะหมักหมมจนกลายเป็นกลิ่นเหม็นนั่นเอง อาหารทำให้ให้จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นได้ เช่น อาหารทะเล อาหารหมักดอง เครื่องเทศ เป็นต้น
  • พฤติกรรมอื่นๆ เช่น การใส่กางเกงรัดรูป การทาแป้ง การใช้โลชั่น/น้ำหอมบริเวณอวัยวะเพศ การตากกางเกงชั้นในในที่อับชื้น เป็นต้น

วิธีดับกลิ่นจุดซ่อนเร้น

  • ล้างทำความสะอาด สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความสะอาด คุณต้องรักษาสุขอนามัยของจุดซ่อนเร้นอยู่เสมอ การล้างทำความสะอาดต้องทำอย่างถูกต้อง โดยปกติคนเรามักจะอาบน้ำวันละ 2 ครั้งคือเช้าและเย็นก่อนเข้านอน ในตอนเช้าแนะนำให้ล้างแค่น้ำเปล่าก็เพียงพอ ส่วนตอนเย็นควรล้างด้วยสบู่ด้วยเพราะว่าในระหว่างวันเราทำกิจกรรมมากมาย ทำให้ร่างกายมีเหงื่อไคลและกลิ่นอับชื้นค่ะ การล้างต้องล้างจากด้านหน้าไปด้านล่าง ถูบริเวณซอกพับเบาๆ จากนั้นค่อยล้างลงไปที่บริเวณช่องคลอดและทวาร และที่สำคัญห้ามล้วงลึกเข้าในช่องคลอดเด็ดขาด
  • เลือกสบู่ที่เหมาะสม บริเวณช่องคลอดมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ หากใช้สบู่ที่มีความเป็นเบสสูง จะทำลายให้แบคทีเรียชนิดดีในนั้น ทำให้ช่องคลอดเสียสมดุลในที่สุด ทำให้ระคายเคือง ง่ายต่อการติดเชื้อ ดังนั้นเลือกสบู่ชนิดที่อ่อนโยนต่อจุดซ่อนเร้น หากไม่รู้จะเลือกแบบไหนให้เลือกชนิดที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีสี ไม่มีน้ำหอม เช่น สบู่เด็ก เป็นต้น
  • ไม่สวนล้างจุดซ่อนเร้น การสวนล้างจุดซ่อนเร้นนั้นทำลายสมดุลธรรมชาติอย่างรุนแรง หากใครทำบ่อยๆ รับรองได้เลยว่าอนาคตต้องมีการติดเชื้อย่างแน่นอน
  • เช็ดจากหน้าไปหลัง หลังทำกิจธุระเสร็จเรียบร้อย หากใช้ทิชชู่ทำความสะอาดต้องเช็ดจากหน้าไปหลัง เพราะด้านล่างนั้นมีเชื้อโรคและสิ่งสกปรกสะสมอยู่มาก ถ้าเช็ดผิดทิศทางจะทำให้เชื้อโรคกระจายเข้าสู่ท่อปัสสาวะและช่องคลอดได้ง่ายค่ะ
  • ล้างมือให้สะอาด เพราะในระหว่างวันมือสัมผัสสิ่งสกปรกมามากมาย ดังนั้นต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับจุดซ่อนเร้น ไม่ว่าจะผ้าอนามัย เจลหล่อลื่น ครีม โลชั่น หรือน้ำหอมใดๆ ก็ตาม เลือกแบบที่เป็นมิตรกับสภาพผิวบริเวณนั้น อย่างเจลหล่อลื่นให้เลือกแบบไม่ใช่สูตรซิลิโคนหรือมีกลิ่นหอมฉุนจนเกินไป ผลิตภัณฑ์ใดที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้ หรือหากใช้แล้วรู้สึกคัน ระคายเคือง มีผดผื่นขึ้น ให้หยุดใช้และรีบไปพบสูตินารีแพทย์ทันที
  • เลือกใส่กางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย กางเกงชั้นในเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องใส่ใจ ควรเลือกกางเกงชั้นมี่ผลิตมาจากเส้นใยธรรมชาติอย่างฝ้าย เพราะระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้นในระหว่างวัน
  • ไม่ใส่กางเกงชั้นในซ้ำ กางเกงชั้นในที่ใส่แล้วจะมีทั้งเหงื่อไคลและแบคทีเรีย ซึ่งจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หากใส่ซ้ำแบคทีเรียนั้นอาจจะเข้าสู่ช่องคลอดจนทำให้เสียสมดุลได้
  • รักษาความสะอาดของกางเกงชั้นในอยู่เสมอ ซักทำความสะอาดกางเกงชั้นในด้วยผงซักฟอกสูตรแอนตี้แบคทีเรีย จากนั้นนำไปตากในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ยิ่งมีแดดส่องแรงๆจะดีมาก เพราะจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดี
  • เปลี่ยนกางเกงชั้นใน สำหรับใครที่มีปัญหากางเกงชั้นในมีกลิ่นอับชื้นมานานจนแก้ไขไม่ได้ แนะนำให้โละของเก่าทิ้งและซื้อใหม่หมดค่ะ สำหรับบางคนปัญหากลิ่นจุดซ่อนเร้นดีขึ้นแทบจะทันทีแค่เพราะเปลี่ยนกางเกงชั้นในเท่านั้นเอง ส่วนคนทั่วๆ ไปถึงแม้จะไม่พบปัญหากลิ่นอับชิ้นแต่ก็ควรเปลี่ยนใหม่บ่อยๆ เช่นกัน
  • ไม่ใส่กางเกงฟิตเกินไป เลือกเสื้อผ้าที่พอดีตัว ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพราะจะระบายอากาศได้ไม่ดี บริเวณซอกชาและจุดซ่อนเร้นจะถูกกดทับ ทำให้เกิดการหมักหมมของเหงื่อไคลและสิ่งสกปรก อันเป็นต้นเหตุของกลิ่นอับไม่พึงประสงค์ได้
  • น้ำหอม ที่จริงแล้วการใช้น้ำหอมที่จุดซ่อนเร้นนั้นไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร แต่ว่าการแตะน้ำหอมที่ต้นขาด้านใดเป็นวิธีที่ใช้กันมานานแล้วหากต้องการให้บริเวณนั้นหอมเย้ายวนไร้กลิ่นอับมากวนใจ แต่สิ่งสำคัญคือต้องป้ายน้ำหอมห่างจากอวัยวะเพศอย่างน้อย 6 นิ้วจะดีที่สุด ส่วนน้ำหอมกลิ่นดึงดูดความสนใจที่สุดคือ น้ำหอมกลิ่นธรรมชาติอย่างกลิ่นมัสก์หรือวานิลลาค่ะ
  • ลดอาหารหวานๆ การทานอาหารหวานมากๆจะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูง ทำให้เชื้อยีสต์เจริญเติบโตได้ง่าย เพิ่มปริมาณมากขึ้น ทำให้เกิดกลิ่นและเกิดเชื้อราได้ง่ายขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองและกลิ่นแรง ปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการเกิดกลิ่นเหม็นที่จุดซ่อนเร้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่กลิ่นฉุนแรงและอาหารหมักดอง ดังนั้นถึงเวลาที่สาวๆต้องลดอาหารเหล่านี้ลงบ้างถ้าอยากให้น้องสาวไม่มีกลิ่นเหม็น ตัวอย่างอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น ปลาร้า ปูดอง กะปิ ปลาเค็ม ผลไม้ดอง ปลาหมึกแห้ง อาหารทะเลอื่นๆ กระเทียม เครื่องเทศ เป็นต้น อ่านมาถึงตอนนี้คอส้มตำคงแอบร้องไห้ในใจกับอาหารสุดโปรด แต่เพื่อสุขภาพกลิ่นจุดซ่อนเร้น เชื่อว่าหลายๆ คนยอมได้แน่นอนค่า
  • รับประทานโยเกิร์ต หลายๆเสียงยืนยันว่าการทานโยเกิร์ตสามารถช่วยฟื้นฟูน้องสาวให้กลับมาสุขภาพดีขึ้น ดังนั้นแนะนำให้ทานทุกวัน นอกจากชะช่วยลดกลิ่นเหม็นของจุดซ่อนเร้นแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคท้องผูก ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น อย่างไรก็ตามโยเกิร์ตส่วนใหญ่มีน้ำตาลอยู่สูงมาก ควรระมัดระวังไม่ทานมากเกินไป ถ้าจะให้ดีที่สุดคือเลือกสูตรที่ไม่เติมน้ำตาลค่ะ
  • สัปปะรด ลองทานสัปปะรดบ่อยๆ ค่ะ ถึงแม้ยังไม่มีงานวิจัยรับรองชัดเจน แต่หลายคนยืนยันว่าการทานสัปปะรดช่วยให้กลิ่นบริเวณนั้นดีขึ้นทั้งของสาวๆ และท่านชาย
  • หยุดทาแป้ง บางคนอาจจะคิดว่าการทาแป้งช่วยลดความอับชื้นและลดกลิ่นอับได้ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะคะ เพราะแป้งนั้นจะดูดความชื้นได้ดี เมื่อรวมกับเหงื่อและขี้ไคลจึงทำให้บริเวณซอกพับที่ทาแป้งนั้นมีสิ่งสกปรกมาสะสมมากกว่าเดิม ไม่อยากให้จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นต้องหยุดทาแป้ง ไม่เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่จากสารทัลคัมด้วยค่ะ
  • ตัดเล็มขนอยู่เสมอ ถึงแม้ขนจะช่วยกักเก็บกลิ่นไว้ได้ แต่ขนเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีหากใส่ใจในเรื่องความสะอาดไม่พอ หมั่นเล็มคนให้สั้นอยู่เสมอเพื่อให้ทำความสะอาดได้ง่าย บางคนอาจจะคิดว่างั้นก็โกนไปเลยน่าจะทำความสะอาดง่ายกว่าไหม? ง่ายกว่าค่ะแต่ว่าการโกนขนนั้นอาจทำให้ผิวหนังมีรอยถลอกและติดเชื้อได้ง่าย น้องสาวเสียดสีกับผ้าโดยตรงทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นคล้ำ อีกทั้งตอขนที่เพิ่งขึ้นใหม่ทำให้ระคายเคืองและไม่สบายตัวได้ค่ะ
  • พกทิชชูเปียกเมื่อใช้ห้องน้ำสาธารณะ เวลาไปเข้าห้องน้ำด้านนอกอย่าลืมพกทิชชู่เปียกไปด้วย เพราะว่าจะทำความสะอาดได้ดีกว่าทิชชู่ธรรมดา เวลาเช็ดให้เช็ดจากหน้าไปหลัง ไม่เช็ดล้วงลึกเข้าไปด้านใน เลือกทิชชู่ชนิดที่ไม่มีสีและน้ำหอม หรือจะเป็นรุ่นที่ใช้กับผิวเด็กก็ได้ค่ะ
  • เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เวลาเป็นประจำเดือนจะเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่ายมากๆ ดังนั้นต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ช่วยลดการเกิดกลิ่นเหม็นและความอับชื้น ผ้าอนามัยชนิดแผ่นต้องเปลี่ยนทุกๆ  2-4 ชั่วโมง แต่ถ้าเป็นผ้าอนามัยแบบสอดควรเปลี่ยนเร็วกว่านั้น เพราะสุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากใส่นานไป ถ้าใครไม่อยากเผชิญทั้งกลิ่นและความอับชื้น แนะนำให้ใช้ถ้วยอนามัยค่ะ
  • ใช้แผ่นอยามัยแค่ยามจำเป็น บางคนที่ตกขาวบ่อยๆมักจะใช้แผ่นอนามัยตลอดเพราะคิดว่ามันช่วยให้ไม่มีกลิ่นและอับชื้นน้อยลง แต่ว่าจริงๆแล้วมันจะทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เชื้อโรคและแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดี จึงทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ง่ายกว่าเดิม อีกทั้งยังทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ง่ายขึ้นด้วย
  • ไม่ทานยาฆ่าเชื้อพร่ำเพรื่อ การกินยาฆ่าเชื้อพร่ำเพรื่อหรือกินโดยไม่จำเป็นจะทำลายสมดุลในช่องคลอด เนื่องจากยาจะไปทำลายแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในนั้น เปิดโอกาสให้เชื้อราเจริญเติบโตและลุกลามได้ง่าย เมื่อเป็นเชื้อราจะคัน ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ซึ่งเหล่าสาวๆ คงไม่ชอบแน่นอน
  • ไม่อาบน้ำอุ่นบ่อยหรือแช่น้ำอุ่นนานๆ การอาบน้ำอุ่นบ่อยหรืออาบน้ำอุ่นจัดเกินไปจะทำให้แบคทีเรียที่มีตามธรรมชาติลดจำนวนลง ทำให้สมดุลที่มีเสียไป ดังนั้นอาบน้ำเย็นจะดีกว่า ช่วยให้รู้สึกสดชื่นและไม่ทำให้ผิวแห้งด้วยค่ะ
  • ระมัดระวังเกี่ยวกับกิจกรรมทางเพศ กิจกรรมทางเพศบางเรื่องอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ที่จุดซ่อนเร้นได้ การใช้อุปกรณ์เสริมที่ไม่รักษาความสะอาด การมีเพศสัมพันธ์ทางด้านหลังแล้วมาต่อด้วยด้านหน้าโดยที่ยังไม่ได้ล้างทำความสะอาด เป็นต้น และในบางครั้งการที่จุดซ่อนเร้นของสาวๆ มีกลิ่นเหม็นนั้นไม่ใช่เพราะตัวเอง แต่เป็นเพราะคุณผู้ชายไม่ใส่ใจเรื่องความสะอาด ดังนั้นควรรักษาความสะอาดกันทั้งสองคนจะดีที่สุดค่ะ
  • พบสูตินารีแพทย์  ใครที่มีอาการผิดปกติ เช่น ฉี่แสบขัด คัน ตกขาวมีสีเปลี่ยนไปและมีกลิ่นเหม็น แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ดีกว่าไปซื้อยามาใช้เอง เพราะคุณอาจจะกำลังเป็นเชื้อรา การรักษาด้วยตัวเองแบบผิดวิธี อาจทำให้โรคลุกลามมากกว่าเดิม ส่วนใครที่มีคู่แล้ว ควรพาไปด้วยกัน เพราะสาเหตุของเชื้อราอาจจะมาจากท่านชายก็ได้ ถ้าเป็นกรณีนี้ถึงสาวๆ จะรักษาหายแล้ว ถ้ากลับไปมีเพศสัมพันธ์กับคุณแฟนอีก โรคก็จะกลับมาเป็นอีกค่ะ ส่วนใครที่สุขภาพจุดซ่อนเร้นปกติดี ก็ควรหมั่นไปพบแพทย์อยู่เสมอเพื่อตรวจเช็คสุขภาพภายใน การตรวจภายในไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สามารถตรวจได้หลายโรค เช่น เชื้อรา หูด HPV โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นต้น หากมีอะไรผิดปกติแล้วตรวจเจอเร็ว จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ใครที่กำลังประสบปัญหานี้ลองสำรวจตัวเองว่าที่จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นมีสาเหตุมาจากอะไร จากนั้นรักษาให้ตรงจุด หากไม่ได้ผลควรไปพบแพทย์ อย่ากลัว อย่าอาย อย่าปกปิด เพราะปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องค่ะ

Click here to add a comment

Leave a comment: