free web tracker, fire_lady 53 วิธีแก้เท้าเหม็น...ดับกลิ่นเท้าแรง รักษาแบบได้ผล • สุขภาพดี

53 วิธีแก้เท้าเหม็น...ดับกลิ่นเท้าแรง รักษาแบบได้ผล

วิธีดับกลิ่นเท้าเหม็น

คาดว่าหลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้คงประสบกับปัญหา "กลิ่นเท้า" กันมาบ้าง ทั้งกับตัวเองรวมไปถึงเกิดจากบุคคลรอบๆ ตัวคุณ กลิ่นเท้าจัดเป็นกลิ่นที่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรงเช่นเดียวกันกับกลิ่นตัว สำหรับบางคนอาจจะรุนแรงมากกว่าด้วยซ้ำ ได้กลิ่นนานๆ อาจจะขมคอ หน้ามืดตาลายกันได้เลยทีเดียว เพื่อจัดการกับกลิ่นเหม็นของเท้า เรารวบรวม 53 กลเม็ดวิธีขจัดกลิ่นเท้าเหม็น กลิ่นเท้าแรงมาฝาก ส่วนวิธีไหนจะได้ผลกับคุณ งานนี้ต้องลองจึงจะรู้ค่ะ

สาเหตุของการเกิดกลิ่นเท้า

  • เหงื่อออกมาก เท้าเป็นอวัยวะที่มีต่อมเหงื่อเยอะมากๆ โดยปกติแล้วต่อมเหงื่อจะมี 2 ชนิดคือ ชนิดที่ผลิตเหงื่อไม่มีกลิ่นและแบบมีกลิ่น ต่อมเหงื่อที่เท้าจะเป็นชนิดแบบไม่มีกลิ่น แต่ว่าที่มีกลิ่นเพราะว่ามีแบคทีเรียจำนวนมากใช้พลังงานในเหงื่อเป็นพลังงาน เวลาย่อยก็จะปล่อยสารที่ทำให้เกิดกลิ่นออกมา ยิ่งคนที่เหงื่อออกเยอะๆ ก็เหมือนกับมีอาหารสำหรับแบคทีเรียเยอะมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นโรงอาหารขนาดใหญ่เลยทีเดียว
  • พันธุกรรม พันธุกรรมที่จริงแล้วไม่ได้ส่งผลโดยตรง แต่ว่าส่งผลต่อปริมาณเหงื่อมากกว่า เพราะถ้าหากพบว่ามีสมาชิกในครอบครัวเป็นคนเหงื่ออกมายาก สมาชิกรุ่นหลังๆมีโอกาสเหงื่ออกเยอะตามไปด้วย
  • รองเท้าและถุงเท้า รองเท้าและถุงเท้าที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ไม่มี จะทำให้อับชื้นได้ง่าย เมื่อเหงื่ออกแล้วจะแห้งช้าและอับชื้น เหมาะแก่การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่ใส่รองเท้าผ้าใบตลอดทั้ง ใส่ถุงเท้าซ้ำๆ ไม่ค่อยซัก เป็นต้น
  • อาหาร การทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนรุนแรงหรือรสจัดมากๆ ก็มีผลต่อกลิ่นเหงื่อและปริมาณเหงื่อได้
  • ยาและสารอาหารบางชนิด ยาและสารบางชนิดกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเหงื่อได้มากขึ้น เช่น นิโคติน คาเฟอีน ซิงค์ เป็นต้น เหงื่อออกมากๆ กลายเป็นบ่อเกิดกลิ่นเหงื่อในที่สุด
  • การไม่รักษาความสะอาด เล็บ ซอกเล็บและซอกนิ้วเท้านั้นสะสมสิ่งสกปรกได้ง่าย หากไม่ใส่ใจในสุขอนามัยของเท้ามากพอ
  • ความชื้น รองเท้าและถุงเท้าหากซักแล้วตากในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่ดีจะเกิดกลิ่นอับ ทำให้เท้าเหม็นได้ง่าย บางคนในขณะฝนตก ทำให้รองเท้าเปียกนานๆ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เท้าก็จะเหม็นเช่นกัน
  • แผลและโรค หากเป็นเรื้อรังที่เท้า เป็นโรคผิวหนังอย่างน้ำกัดเท้า แผลจะส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงได้ และเนื่องจากจะต้องใส่รองเท้าบ่อยๆ แผลเหล่านี้จึงหายได้ช้าลง ทั้งกลิ่นแผลกลิ่นเท้ารวมกัน อาจจะทำให้คนรอบข้างที่ได้กลิ่นสลบได้เลยทีเดียว
  • โรคเท้าเหม็น สาเหตุเกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อ Micrococcus Sedentarius มักเกิดกับผู้ที่ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นอยู่ตลอดทั้งวัน เมื่อเหงื่ออกและไม่ถูกระบายความชื้นออกไป ทำให้เกิดความอับชื้น ผิวหนังชั้นนอกตรงฝ่าเท้าจะเปื่อยยุ่ยและถูกย่อยสลายจนมีลักษณะเป็นหลุมเล็กๆ เมื่อผิวถูกย่อยแล้วจะได้สารเคมีชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าซัลเฟอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นนั่นเอง

53 วิธีการลดกลิ่นเท้า

1. รักษาความสะอาด เมื่อถึงเวลาต้องอาบน้ำชำระร่างกาย อย่าละเลยความสะอาดของเท้า ชื่อว่าหลายคนในที่นี้เคยอาบน้ำอย่างพิถีพิถันแต่ล้างเท้าแบบเร็วๆ ลวกๆ เพราะคิดว่าเท้าไม่สำคัญ หากใครรู้ตัวแล้ว ห้ามทำพฤติกรรมนี้ต่อเด็ดขาด การล้างเท้าควรล้างให้สะอาด เน้นตามข้างเล็บ ซอกนิ้ว ตาตุ่ม ฟอกสบู่ให้ทั่วแล้วล้างออก เช็ดให้แห้งแล้วบำรุงด้วยครีม ปล่อยให้แห้งก่อนจะใส่ถุงเท้ารองเท้า รวมไปถึงก่อนเข้านอนด้วย

2. ใช้สบู่ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เลือกใช้สบู่ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป ฟอกเป็นประจำ เช้า-เย็น แต่สบู่เหล่านี้โดยมากแล้วค่อนข้างรุนแรงกับผิวหนัง เพราะนอกจากช่วยฆ่าแบคทีเรียไม่ดีแล้ว แบคทีเรียดีๆ ก็ถูกกำจัดไปด้วย ผิวอาจจะแห้งคันได้ ดังนั้นแนะนำให้ใช้เฉพาะกับเท้าเท่านั้น ส่วนใครที่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ หากดูท่าไม่ดี ก็แนะนำให้ลองใช้วิธีอื่นแทน

3. ไม่ใส่ถุงเท้าซ้ำ ในระหว่างวัน ถุงเท้าได้ดูดซับเหงื่อไว้มากมาย แบคทีเรียได้เพิ่มจำนวนและอาศัยจังหวะนี้เจริญเติบโตอยู่ในถุงเท้า เมื่อนำมาใส่ซ้ำ แบคทีเรียจะเพิ่มจำนวนได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม เท้าจะเหม็นได้ง่ายมากๆ ดังนั้นเปลี่ยนถุงเท้าคู่ใหม่ทุกวัน จะดีต่อสุขภาพเท้ามากกว่า

4. ไม่ใส่ถุงเท้าหรือร้องเท้าที่อับชื้น หากถุงเท้าหรือรองเท้า ซักแล้วยังตากไม่แห้งดี ห้ามเอามาใส่เด็ดขาด เพราะความอับชื้นนั้นเหมาะแก่การเจริญเติบโตของแบคทีเรีย หากฝนตกแล้วต้องเปียกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้รีบหาโอกาสถอดหรือเปลี่ยนถุงเท้ารองเท้าให้ไวที่สุดค่ะ

5. ตากถุงเท้าและรองเท้าในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก หากซักทำความสะอาดรองเท้าและถุงเท้า ให้ตากในจุดที่แดดออกจัดๆ อากาศถ่ายเทสะดวก หรือถ้าขี่เกียจซัก ก็สามารถเอาออกมาตากเฉยๆ ได้เช่นกัน

6. ทำความสะอาดถุงเท้าและรองเท้า สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ การซักทำความสะอาด สำหรับถุงเท้ารองเท้า ก่อนซักแนะนำให้แช่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคโดยเฉพาะก่อนประมาณ 20-30 นาที แล้วค่อยซักด้วยวิธีปกติ หลังซักนำมาตากแดดให้แห้งสนิท ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี

7. รักษาความสะอาดของตู้เก็บรองเท้า นอกจากถุงเท้าและรองเท้าที่ต้องใส่ใจ ตู้เก็บรองเท้าก็ละเลยไม่ได้เช่นกัน ทำความสะอาดตู้เก็บรองเท้าอยู่เสมอ เช็ดหรือตากให้แห้งสนิท เลือกตู้ที่มีรูระบายอากาศ แต่ต้องไม่ใหญ่พอที่แมลงจะเข้าไปได้ อาจจะแขวนถุงหรือก้อนสมุนไพรดับกลิ่นด้วยก็ช่วยได้พอสมควร

8. ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ เล็บเป็นจุดที่สะสมความสกปรกได้ง่าย ทั้งฝุ่นผงและเชื้อโรค จะสังเกตได้ว่าบางทีเราตัดเล็บบริเวณหูเล็บแค่อันเล็กๆ แต่กลิ่นนี่โชยจนแทบสลบเลยก็ว่าได้ ดังนั้นควรตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ แต่ควรตัดให้เป็นแนวตรง หากพยายามตัดให้โค้งไปตามรูปทรงเล็บ มุมเล็บที่เป็นเหลี่ยมมุมอาจจะไปทิ่มเนื้อจนกลายเป็นเล็บขบได้ เล็บขบเนี่ยใครเคยเป็นคงจะรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำให้เกิดกลิ่นเหม็นได้ด้วย ส่วนซอกเล็บข้างๆ หมั่นทำความสะอาดให้ดี เอาขี้เล็บออกอย่าให้เหลือค่ะ

9. เลือกถุงเท้าที่ระบายอากาศได้ดี เลือกถุงเท้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ ช่วยระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้นและการเกิดกลิ่นอับ หลีกเลี่ยงถุงเท้าที่ผลิตมาจากขนสัตว์หรือไนลอนเพราะไม่เหมาะกับผู้ที่มีเหงื่ออกมากหรือสภาพอากาศที่ร้อนชื้นแบบบ้านเรา

10. ใส่ถุงเท้าอยู่เสมอ ใครที่ต้องใส่รองเท้าหุ้มส้นอย่างผ้าใบหรือคัชชู ควรใส่ถุงเท้าเสมอเพราะเมื่อเหงื่อออก ถุงเท้าจะเป็นตัวดูดซับไม่ให้ไปฝังตัวอยู่กับรองเท้า ลดการสะสมของแบคทีเรียระยะยาวที่แผ่นรองเท้า ทำให้เท้าอับชื้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเวลาไม่ใส่ถุงเท้า

11. ไม่ใส่รองเท้าซ้ำติดกันหลายวัน ควรมีรองเท้าสำรอง 1-2 คู่เอาไว้ใส่สลับกันไป คู่ไหนใส่แล้วก็เอาไปตากแดดให้แห้งสนิท ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ลดความอับชื้น

12. เปลี่ยนถุงเท้าบ้าง โละถุงเท้าทิ้งเสียบ้างหากมันเป็นคู่ที่คุณใส่มานานแล้ว หลังจากซักทำความสะอาดดีแล้วลองสำรวจกลิ่นถุงเท้าดู หากคู่ไหนยังมีกลิ่นอับอยู่นั่นแหละ ไม่ควรใส่อีก เพราะอาจจะเป็นต้นเหตุที่ว่าทำไมกลิ่นเท้าคุณยังไม่หายไปสักที

13. ถอดรองเท้าบ้าง ใครที่ต้องใส่รองเท้าที่หัวท้ายปิดมิดชิด ในระหว่างควรถอดเพื่อพักเท้าบ้าง หากสถานที่ทำงานไม่ได้เคร่งครัดมากเกินไป สามารถหารองเท้าแตะมาใส่ได้ ช่วยให้เท้าแห้ง ไม่อับชื้น

14. ขัดเท้าบ่อยๆ การขัดเท้าช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ทำให้เท้าสะอาดมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวเท้าในจุดที่หยาบกร้านอย่างส้นเท้า ตาตุ่มนั้นนุ่มขึ้น การขัดนั้นสามารถใช้เกลือสครับทั่วไปขัดได้ หรืออาจจะใช้ฟุตสครับรวมไปถึงหินพัมมิสก็ได้เช่นกัน ในขณะขัดเน้นทำความสะอาดตามซอกนิ้ว ซอกข้างเล็บและผิวหนังที่หนากว่าส่วนอื่น หลังจากขัดแล้วซับให้แห้งแล้วบำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรซ์เซอร์

เกลือรักษาเท้าเหม็น

15. ไม่ใส่ถุงเท้าและรองเท้าที่คับแน่นมากเกินไป เพราะจะทำให้การระบายอากาศทำได้ไม่ดี ส่งผลทำให้เกิดความอับชื้น แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย เป็นบ่อเกิดของกลิ่นเท้า

16. ไม่ใช้รองเท้าร่วมกับผู้อื่น ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีปัญหาเท้าเหม็น แต่บังเอิญไปใช้รองเท้าร่วมกับคนที่มีปัญหานี้ คุณอาจจะเท้าเหม็นตามเขาได้ เพราะกลิ่นและแบคทีเรียจะติดเท้าคุณไปจนสร้างกลิ่นเหม็นๆ ได้อีกหลายวันเลยทีเดียว

17. ทำให้เท้าแห้งอยู่เสมอ พยายามทำให้เท้าแห้งอยู่เสมอ เมื่ออาบน้ำเสร็จ เช็ดเท้าให้แห้งก่อน หากรองเท้าหรือถุงเท้าเปียกชื้น ควรถอดหรือเปลี่ยนให้ไวที่สุด เมื่อลดความอับชื้นและลดการเติบโตของแบคทีเรีย

18. ระมัดระวังเรื่องการทาครีม หากทาครีมบำรุงที่เท้าควรรอให้ครีมเซตตัวจนแห้งดีก่อนแล้วค่อยใส่ถุงเท้ารองเท้า ทางที่ดีหลีกเลี่ยงการทาครีมเลยดีกว่าถ้าต้องใส่ถุงเท้า ควรทาก่อนนอนแทนค่ะ

19. แผ่นรองเท้า ในรองเท้าอย่างรองเท้าผ้าใบจะมีแผ่นรองเท้าที่ถอดซักได้ แนะนำให้ซื้อแผ่นรองเท้าสำรองหลายๆ คู่ เพื่อใส่สับเปลี่ยนกัน เพราะแผ่นรองเท้าเป็นสิ่งที่ซับเหงื่อและสิ่งสกปรกได้โดยตรง จึงไม่ควรใส่ซ้ำๆ ต้องถอดออกมาซักทำความสะอาดบ่อยๆ ตากแดดจัดๆ ให้แห้งสนิทแล้วค่อยนำมาใช้ค่ะ

20. แผ่นสมุนไพรรองเท้า มีผลิตภัณฑ์แผ่นรองเท้าที่ทำมาจากสมุนไพร ช่วยดูดซับเหงื่อและกลิ่นอับได้ ใครที่มีปัญหากลิ่นเท้าลองหาซื้อมาทดลองใช้กันดูได้ค่ะ

21. ถุงเท้าทองแดง มีงานวิจัยจากวงการวิทยาศาสตร์พบว่าทองแดงช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ จึงทำให้ทองแดงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้หลายอย่าง เช่น ทำก๊อกน้ำหรือลูกบิดประตูในโรงพยาบาล ผ้าป้องกันแบคทีเรีย รวมไปถึงถุงเท้าทองแดงที่ใช้สำหรับระงับกลิ่นเท้าด้วย

22. แป้งกำจัดกลิ่นเท้า เป็นไอเทมที่ผู้มีปัญหากลิ่นเท้าควรมีไว้ติดบ้าน เพราะแป้งเหล่าช่วยดูดซับความอับชื้นและลดกลิ่นอับได้ดีเยี่ยม โดยแป้งที่มีชื่อเสียงในเรื่องนี้ก็เช่น แป้งตราเต่าเหยียบโลก แป้งโยคี เป็นต้น แต่ถ้าหากใครมีปัญหากลิ่นเท้าแค่เพียงเล็กน้อยก็สามารถใช้แป้งฝุ่นทั่วไปได้ โดยนำไปทาบางๆ ที่เท้าหลังแห้งสนิทดีแล้วและโรยที่พื้นรองเท้าก่อนใส่ค่ะ

23. สเปรย์ดับกลิ่นเท้า เป็นสเปรย์ที่คุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและมีกลิ่นหอม การใช้สเปรย์ควรใช้ตั้งแต่หลังทำความสะอาดเท้าแล้วซับจนแห้งแล้ว เพราะถ้ามาใช้ระหว่างวัน มันดูจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเล็กน้อยเพราะกลิ่นที่ใส่ลงนั้นจะกลบกลิ่นเท้ามากกว่าที่จะช่วยระงับกลิ่นค่ะ

24. สารระงับเหงื่อ เป็นสเปรย์ที่มีคุณสมบัติช่วยระงับการหลั่งเหงื่อ โดยการเข้าไปอุดตันท่อเหงื่อ รูขุมขนจะแคบลง เหงื่อจะหลั่งออกมาน้อยลง ทั้งยังช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เป็นวิธีที่ได้ผลดีมากพอสมควรและได้ความนิยมในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์นี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปค่ะ

25. ผลิตภัณฑ์สำหรับดับกลิ่นรักแร้ เช่น สเปรย์ โรลออน ที่ใช้กับรักแร้นั้นจะมีคุณสมบัติช่วยลดเหงื่อ ระงับกลิ่นหรือยับยั้งแบคทีเรียได้ดังนั้นจึงสามารถนำมาใช้กับเท้าได้เช่นกันค่ะ

26. ผงฟู การใช้ผงฟูกำจัดกลิ่นเท้าทำได้หลายวิธีเช่น นำผงฟูมาผสมน้ำแล้วแช่น้ำ 10-15 นาทีแล้วล้างให้สะอาด หรือจะนำมาโรยที่พื้นรองเท้าเหมือนแป้งดับกลิ่นก็ได้ ส่วนอีกวิธีคือนำผงฟูมาผสมน้ำให้พอข้นๆ จากนั้นนำมาขัดให้ทั่วเท้าและซอกเท้า ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด

27. สารส้ม เป็นวิธีการแก้ปัญหาเท้าเหม็นด้วยวิธีโบราณ จัดเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างหนึ่ง นำสารส้มแบบก้อนมาขัดที่เท้าให้ทั่วเน้นฝ่าเท้าและซอกเท้า โดยจะทาในขณะอาบน้ำหรือช่วงหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ก็ได้ อีกวิธีคือนำสารส้มมามาแกว่งในน้ำหรือใช้สารส้มแบบผงมาละลายน้ำ นำน้ำที่ได้มาแช่เท้า 10-15 นาทีหรือจะใส่ขวดแบบสเปรย์เอาไว้ฉีดพ่นระหว่างวันก็ได้ผลดีไม่แพ้กัน

28. น้ำยาบ้วนปาก น้ำยาบ้วนปากมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านและยับยั้งแบคทีเรีย นำน้ำยาบ้วนปากยี่ห้อใดก็ได้ผสมน้ำ แล้วแช่เท้า 10-15 นาที นอกจากช่วยลดกลิ่นปากแล้วยังช่วยลดกลิ่นเท้าได้ด้วย

29. ด่างทับทิม ผสมด่างทับทิมเล็กน้อยลงไปในน้ำอุ่น แล้วแช่เท้า อย่าลืมขัดถูเท้าในขณะแช่ด้วยนะคะ สำหรับบางคนวิธีนี้ก็ใช้แล้วเห็นผลค่ะ

30. แอลกอฮอล์ล้างแผล แอลกอฮอล์ช่วยฆ่าเชื้อโรครวมไปถึงแบคทีเรียได้ เมื่ออาบน้ำเสร็จ นำสำลีมาชุบแอลกอฮอล์ทาให้ทั่วเท้า แล้วล้างออกตอนเช้า หรือตอนเช้าเมื่ออาบน้ำเช็ดเท้าจนแห้งแล้ว ชุบแอลกอฮอล์ทาบางๆ ที่ฝ่าเท้าและซอกเล็บ ก็ช่วยลดกลิ่นได้ แต่อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ไม่ควรทำบ่อยค่ะ

31. ขี้ผึ้งเบอร์ 28 วิธีนี้เป็นทริคหนึ่งที่ได้ยินมาจากสมาชิกในพันทิปค่ะ ปกติแล้วขี้ผึ้งเบอร์ 28 นั้นเอาไว้ใช้ทาสำหรับรักษาโรคผิวหนังอย่างกลากหรือเกลื้อน แต่มีสมาชิกบางคนลองนำมาใช้ทาที่เท้า ปรากฏว่าช่วยลดกลิ่นเท้าได้เหมือนกัน หากใครสนใจ ลองนำไปใช้ดูกันได้ค่ะ

32. Bactroban ointment ยาแบคโตเบนเป็นยาทาแผลที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียโดยตรง หากใช้ยาที่ความเข้มข้นต่ำๆจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แต่ถ้าใช้มากจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เลย โดยปกติออกฤทธิ์กับแบคทีเรียที่ชื่อ Staphylococcus aureus และ Staphylococcus pyogenesซึ่งเป็นคนละตัวกับที่ทำให้เกิดเหงื่อ แต่จากการทดลองใช้พบว่ากลับช่วยลดกลิ่นได้เช่นเดียวกัน เพราะกลไกการออกฤทธิ์คือ ยับยั้งการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย ดังนั้นแบคทีเรียตัวไหนที่ตอบสนองต่อยา จะไม่เจริญเติบโตและค่อยๆตายลงในที่สุด ยานี้มีอัตราการดูดซึมเข้าผิวหนังมากที่ 0.3% เท่านั้น สามารถใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ยาต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

33. น้ำเกลือ ผสมเกลือลงในน้ำต้มสุกที่อุ่นแล้ว จากนั้นแช่เท้า 5-10 นาที แช่เป็นประจำ กลิ่นเท้าจะทุเลาลง หรือถ้าใครอยู่ใกล้ทะเล ไปแช่เท้าที่ทะเลเลยก็ได้ค่ะ แช่บ่อยๆ คุณอาจจะหายจากอาการเท้าเหม็นไปเลยก็ได้

34. เหล้า ด้านบนที่บอกว่าแอลกอฮอล์ล้างแผลช่วยลดกลิ่นได้ เหล้าก็เป็นแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง สามารถนำมาใช้จัดการปัญหานี้ได้เช่นกัน วิธีก็ง่ายมากคือ แช่เท้าในเหล้าไปเลยค่ะ แต่แค่ประมาณ 5 นาทีก็เพียงพอแล้ว

35. น้ำยาฆ่าเชื้อ มีหลายยี่ห้อ ยี่ห้อที่คนรู้จักกันค่อนข้างดีคือ เดทตอล เป็นต้นนำน้ำยาฆ่าเชื้อมาผสมกับน้ำในอัตราส่วนตามที่ฉลากบอก แล้วแช่น้ำสักพัก ระหว่างแช่ก็ชัดเท้าให้ทั่ว เน้นบริเวณซอกนิ้วและข้างเล็บ เพราะสิ่งสกปรกจะสะสมบริเวณนี้มากเป็นพิเศษ นอกจากแช่เท้าแล้ว ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อไปกับผงซักฟอกเวลาซักถุงเท้าและรองเท้าด้วยจะได้ผลดียิ่งขึ้นค่ะ

36. น้ำส้มสายชู ผสมน้ำส้มสายชูหมักแบบธรรมชาติลงในน้ำอุ่น แช่ทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วล้างออก ทำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ทีดี

37. ถุงดับกลิ่นเท้า มีหลายสูตรให้เลือก เช่น ใช้ผงฟูและน้ำมันหอมโดยตักผงฟูใส่ผืนผ้าขนาดเล็กที่ไม่หนามาก หยดน้ำมันหอมลงไปเล็กน้อย แล้วมัดผ้าให้แน่นๆ หรือนำสมุนไพร เช่น ผิวส้มหรือผลไม้ในตระกูลซิตรัส ตะไคร้ ที่ตากแดดจนแห้งแล้ว นำไปใส่ถุงโดยใส่สารป่นรวมไปด้วยเล็กน้อยแล้วมัดถุง นำไปใส่ในรองเท้าหรือตู้เก็บรองเท้าก็ได้ ช่วยดูดซับกลิ่นอับและลดกลิ่นเท้าที่สะสมอยู่ได้เป็นอย่างดี

38. ถุงชาชงแล้ว ถุงชาที่ชงแล้วนำไปตากแห้ง นำไปใส่ในรองเท้า วางในตู้เก็บถุงเท้าหรือรองเท้าก็ช่วยดูดซับกลิ่นได้ค่ะ

39. ชาดำ นำใบชาดำมาชงน้ำกับน้ำร้อน รอจนอุ่นนำมาแช่เท้าประมาณ 15-20 นาที ในใบชามีกรดแทนนิคและสารโพลีฟีนอลที่ช่วยลดปริมาณเหงื่อ ทำให้กลิ่นเท้าลดลง ในระยะแรกควรทำบ่อยๆ แต่เมื่อกลิ่นลดลงแล้ว ลดจำนวนครั้งลงเหลืออาทิตย์ละ 1 ครั้งพอ

40. น้ำมันหอมระเหย นำน้ำมันหอมระเหยมาหยดลงไปในน้ำอุ่นประมาณ 10 หยด ใช้น้ำประมาณครึ่งกะละมังเล็ก (เมื่อแช่เท้าแล้วน้ำท่วมเท้า) น้ำมันที่ใช้ เช่น น้ำมันสะระแหน่ น้ำมันลาเวนเดอร์ น้ำมันยูคาลิปตัส เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งหรือผสมลงไปทั้ง 3 อย่างก็ได้ จากนั้นแช่เท้าประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกเช็ดให้แห้ง ช่วยลดกลิ่นเท้าและผ่อนคลาย จากความเมื่อยล้า

41. มะนาว นะนาวมีกรดซิตริกที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้เช่นกัน ผสมน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่น แช่เท้าประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก ซับให้แห้ง มะนาวช่วยลดปริมาณแบคทีเรีย ปรับสมดุลการขับเหงื่อที่เท้าค่ะ

42. น้ำมันมะพร้าว ในน้ำมันมีกรดลอลิค ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียบนผิวหนังได้ นำน้ำมันมะพร้าวมานวดที่เท้าให้ทั่ว นวดจนซึมเข้าผิว จากนั้นล้างเท้าให้สะอาด ซับให้แห้งสนิท

43. สะระแหน่ นำมาใบสะระแหน่ประมาณ 1 กำมือมาต้มกับน้ำ แช่เท้าลงไปในน้ำสะระแหน่ที่ได้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก หรือจะปั่นใบสะระแหน่แล้วคั้นเอาแต่น้ำ ไปผสมน้ำเปล่าแล้วแช่ก็ใช้ได้เหมือนกัน ในขณะ

44. มะกรูด นำมะกรูดผ่าครึ่ง ขิงและข่าอีกเล็กน้อยมาต้มรวมกันจนเดือด รอจนอุ่น ผสมเกลือเล็กน้อย แล้งแช่เท้าทิ้งไว้สักครู่ ช่วยลดกลิ่นอับและผ่อนคลายความปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี

สมุนไพรมะกรูดแก้เท้าเหม็น

45. ขมิ้นชัน นำขมิ้นชันลดปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแผ่นบางๆไปแช่ในน้ำเปล่าประมาณ 3 ชั่วโมง จะได้น้ำส้มขมิ้นที่สีเหลืองเล็กน้อย เทใส่ภาชนะที่ปิดสนิทเก็บไว้ในตู้เย็น เวลาจะใช้ให้ชุบสำลีแล้วนำมาทาที่เท้า รอจนแห้งแล้วค่อยใส่ถุงเท้าหรือรองเท้า วิธีนี้ช่วยให้เท้าไม่เหม็นถึงแม้ว่าเหงื่อจะออกมากก็ตาม

46. กากกาแฟ กากกาแฟที่ชงแล้วนำไปตากให้แห้งสนิท จากนั้นนำมาโรยในรองเท้าทิ้งไว้ตลอดคืนแล้วค่อยเอาออกในตอนเช้า ช่วยกลิ่นได้ แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับบางคนเท่านั้น เพราะว่าบางคนใช้แล้วกลิ่นเท้าอาจจะแรงขึ้นได้

47. กระดาษหนังสือพิมพ์ กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ไม่ใช้แล้วก็นำมาใช้ลดกลิ่นได้ เพียงแค่นำมาขยำเป็นก้อน แล้วยัดไว้ในรองเท้า แต่คงต้องยัดทิ้งไว้หลายวันหน่อย จึงจะเห็นผล

48. ถ่านคาร์บอน ถ่านเป็นวัสดุที่ช่วยดูดซับกลิ่นได้ดีมาก หลายคนนำถ่านมาใส่ในตู้เย็นเพื่อดับกลิ่น สำหรับรองเท้าก็เช่นกัน นำถ่านก้อนเล็กๆมาใส่ในรองเท้าทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน ช่วยบรรเทากลิ่นอับที่สะสมในระหว่างวันได้

49. แผลที่เท้า ใครเป็นแผลที่เท้าหรือเป็นโรคผิวหนังอย่างน้ำกัดเท้า นั่นอาจเป็นสาเหตุของกลิ่นเท้าได้ ดังนั้นดูแลรักษาแผลให้หายดี กลิ่นอาจจะหายไปได้ค่ะ

50. รับประทาน Zinc สำหรับใครที่พยายามรักษากลิ่นเท้ามาหลายวิธีแล้วยังไงก็ไม่หายสักที อาจจะเกิดจากสาเหตุที่ว่า ร่างกายขาด Zinc หรือสังกะสีก็เป็นได้ ดังนั้นแนะนำให้ทานอาหารเสริม Zinc 50 มิลลิกรัมติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ถ้ากลิ่นยังไม่ดี คงต้องพิจารณาวิธีการรักษาทางการแพทย์แล้วค่ะ

51. การผ่าตัด การหลั่งเหงื่อเกิดจากการควบคุมของระบบประสาท ดังนั้นการผ่าตัดเส้นประสาทที่ควบคุมต่อมเหงื่อนี้ออก จะช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามการรักษาด้วยวิธีนี้ต้องถูกพิจารณาแล้วโดยแพทย์ ส่วนผู้ที่จะรักษาต้องศึกษาถึงผลดีผลเสียด้วยก่อนจะตัดสินใจทำด้วยค่ะ

52. การฉีดโบท็อกซ์ การฉีดโบท็อกซ์ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการหลั่งเหงื่อได้ จัดเป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจ แต่ผลการรักษาจะอยู่ได้แค่ประมาณ 6-8 เดือนเท่านั้น ต้องฉีดซ้ำอยู่เรื่อยๆ

53. การทำไอออนโต วิธีนี้จะลดการหลั่งเหงื่อที่เท้าโดยให้แช่เท้าลงในน้ำที่มีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ประมาณ 30 นาที ได้ผลดีพอสมควรแต่ว่าต้องทำซ้ำหลายครั้ง

ส่วนใหญ่แล้วหลักการสำคัญที่จะช่วยลดกลิ่นเท้าได้ก็คือ พยายามรักษาเท้าให้แห้งอยู่เสมอ รักษาความสะอาด ไม่ใส่ถุงเท้ารองเท้าซ้ำๆ เท่านั้นเอง ถ้าไม่หายก็ต้องหาแนวทางอื่นๆ มาช่วยบรรเทาซึ่งก็มีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ตามความสะดวก และผลการรักษาก็อาจจะแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามถ้ายังรักษาด้วยตัวเองไม่ได้ผล ก็คงต้องพึ่งการรักษาทางการแพทย์เป็นแนวทางสุดท้ายค่ะ

เรียบเรียงข้อมูลโดย : เว็บ sukkaphap-d.com