free web tracker, fire_lady ประโยชน์ของ “ปลาหมึก” คุณค่าจากทะเลที่ไม่ควรมองข้าม • สุขภาพดี

ประโยชน์ของ “ปลาหมึก” คุณค่าจากทะเลที่ไม่ควรมองข้าม

ประโยชน์ของปลาหมึก

หมึก" หรือ "ปลาหมึก" (Squid) ที่หลายคนรู้จักกันดีถือเป็นอาหารทะเลอีกหนึ่งชนิดที่นิยมนำมาประกอบอาหาร ทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ จุดเด่นของปลาหมึกคือสามารถนำมาประยุกต์รับประทานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัด ทอด ต้ม หรือนำมาแปรรูปทั้งแบบแห้งและแบบดอง ในบางประเทศอย่างเกาหลีและญี่ปุ่นก็ยังนิยมนำปลาหมึกมารับประทานกันแบบสดๆ แกล้มกับเครื่องดื่มโซจู (Soju) หรือสาเกในงานสังสรรค์อีกด้วย

ประโยชน์ของปลาหมึก อุดมด้วยโอเมก้า 3

อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ยังมีความเชื่อว่าปลาหมึกเป็นอาหารที่ยิ่งรับประทานยิ่งอ้วนเพราะมีคอเลสเตอรอลสูง ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนว่าในปลาหมึกมีคอเลสเตอรอลสูงจริงแต่ก็มีปริมาณไขมันกลุ่มโอเมก้า3 อยู่จำนวนมากเช่นกัน โดยโอเมกา 3 ในปลาหมึกจะทำหน้าที่ยับยั้งปริมาณคอเลตเตอรอลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าคอลเลตเตอรอลในปลาหมึกไม่มีผลเสียใดๆกับร่างกายหากรับประทานให้เหมาะสมเปรียบเทียบกับเนื้อหมูหรือเนื้อวัวด้วยแล้ว จะพบว่าปลาหมึกทำให้เป็นโรคหัวใจหรือคอลเลตเตอรอลสูงได้น้อยกว่าเพราะเนื้อหมูและวัวนั้นไม่มีโอเมก้า 3 นั่นเอง

ดูแลสุขภาพด้วย 4 คุณประโยชน์ของปลาหมึก

1. ปลาหมึกมีโอเมกา 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยโอเมกา 3 ในปลาหมึกนั้นมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาด้านสติปัญญา ช่วยเพิ่มสมาธิและความจำอีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการป้องกันการอักเสบของกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ นอกจากนี้โอเมกา 3 ยังมีประโยชน์กับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ โดยมีงานวิจัยระบุว่ากรดไขมันโอเมกา 3 ในส่วนของ DHA นั้นสามารถส่งผลต่อระบบสายตา ประสาทและสมองของทารก โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรกก่อนคลอด ดังนั้นหากคุณแม่ท่านใดรับประทานปลาหมึกในปริมาณที่เหมาะสม ทารกในครรภ์ก็จะได้รับโอเมกา 3 ตั้งแต่ในท้องไปด้วย

2. ประโยชน์ของปลาหมึกช่วยให้ใบหน้าเปล่งปลั่งดูอ่อนกว่าวัย เนื่องจากในอาหารทะเลจะมีปริมาณคอลาเจนอยู่ค่อนข้างสูง ผู้รักสุขภาพและความงามหลายท่านจึงนิยมรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปลาน้ำลึกจำพวกหูฉลามหรือครีบฉลาม แต่ก็มีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นปลาหมึกจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะปลาหมึกเป็นอาหารที่ปริมาณคอลาเจนสูงและยังดูดซึมได้ง่ายเมื่อเทียบกับหูฉลามหรือตีนไก่ นอกจากนี้ในปลาหมึกยังคลอเรสเตอรอลชนิดดีที่มีส่วนช่วยในการจะบำรุงผิวหนัง ทำให้ผิวหน้ากระชับเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น ช่วยรักษาสิวและจุดด่างดำ

3. ปลาหมึกช่วยป้องกันโรคคอพอกหรือภาวะขาดสารไอโอดีน โดยปกติแล้วโรคคอพอกเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ เนื่องจากร่างกายขาดไอโอดีนทำให้ผู้ป่วยมีอาการคอโตหรือคอพอกตามมา ดังนั้นการรับประทานอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาหมึกจะมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคคอพอกได้ เนื่องจากปลาหมึกจะมีปริมารไอโอดีนสูงโดยปลาหมึกน้ำหนัก 100 กรัม จะมีปริมาณไอโอดีนสูงถึง 54 ไมโครกรัม แม้ไอโอดีนจะเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการไม่มากนัก แต่หากรับประทานไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาได้

4. ปลาหมึกมีประโยชน์สามารถยับยั้งเนื้องอกได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าปลาหมึกเป็นอาหารสารพัดประโยชน์จริงๆโดย นอกจากตัวปลาหมึกจะมีไอโอดีน คอลาเจนหรือ โอเมกา 3 แล้วหมึกของปลาหมึกก็ยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายและมีสารยับยั้งเนื้องอกในร่างกายอีกด้วย โดยในน้ำหมึกของปลาหมึกที่เรียกว่า squid ink จะมีสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ ชนิดเปปไทด์ซึ่งปลาหมึกจะใช้หมึกนี้พ่นใส่ศัตรู เป็นการพรางตัวและเอาตัวรอด โดยนักวิจัยได้นำหมึกของปลาหมึกมาวิจัยถึงคุณค่าทางโภชนาการและพบว่า peptidoglycan ซึ่งเป็นส่วนประกอบย่อยในน้ำหมึกดังกล่าว มีคุณสมบัติพิเศษในการยับยั้งการเกิดเนื้องอกในร่างกายของหนูทดลอง ตามร้านอาหารต่างๆจึงเริ่มมีการนำหมึกของปลาหมึกมาผสมกับอาหารไม่ว่าจะนำมาเป็นน้ำซอสราด ผสมเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นดำหรือพาสต้าที่เป็นเมนูรักสุขภาพที่พบเห็นได้ในปัจจุบัน

กินปลาหมึกอย่างไร...ให้เกิดประโยชน์ ไม่เกิดโทษต่อร่างกาย

จะเห็นได้ว่าปลาหมึกเป็นอาหารที่มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการค่อนข้างมาก แต่หากรับประทานมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายเนื่องจากในปลาหมึกมีปริมาณ "แคชเมียม" ซึ่งเป็นโลหะหนักที่มักจะพบในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และยังสะสมในดินหรือตะกอนใต้น้ำ โดยสารเหล่านี้มีอยู่ในตัวของหมึกที่อาศัยตามแหล่งน้ำธรรมชาติและจะสะสมในร่างกายหากมนุษย์มีกรรมวิธีในการปรุงอาหารไม่เหมาะสม โดยเฉพาะหมึกกระดองและหมึกสายที่จะหากินบริเวณน้ำตื้นจะพบปริมาณแคชเมียมที่มากกว่าหมึกที่หากินน้ำลึกอย่างหมึกกล้วย

ดังนั้นจึงควรเลือกชนิดของหมึกในการรับประทาน อย่างไรก็ดี แคชเมียมจะสะสมบริเวณลำไส้มากกว่าเนื้อ เพราฉะนั้นหากควักไส้ปลาหมึกทิ้งก็จะลดปริมาณแคชเมียนได้พอสมควรนั่นเอง และสุดท้ายสิ่งที่เป็นอันตรายคือกระบวนการเก็บรักษา โดยส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าจะใช้ ‘ฟอร์มาลีน’ เพื่อไม่ให้สินค้าเน่าเสีย หากใช้ในประมาณมากๆก็ตกค้างในสินค้าและเมื่อนำมาประกอบอาหารก็จะเกิดการสะสมของ ‘ฟอร์มาลีน’ ในร่างกายและก่อให้เกิดมะเร็งได้ในอนาคต

กินปลาหมึก อ้วนไหม

จากข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมดก็คงจะสามารถคลายความกังวลของผู้ที่อยากจะรับประทานปลาหมึกแต่กลัวอ้วน กลัวคอแลตเตอรอลให้คลายความกังวลใจได้บ้าง อย่างไรก็ตามอาหารทุกอย่างต่อให้มีประโยชน์มากแค่ไหนหากรับประทานมากเกินไปย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายไม่มากก็น้อย ดังนั้นผู้บริโภคจึงควรรับประทานแต่พอดี ใส่ใจในกระบวนการปรุงอาหารให้สุกสะอาด รับรองว่าเมนูหมึกของทุกท่านจะได้ทั้งประโยชน์และความอร่อยไปแบบเต็มๆ แน่นอน

ที่มา: กรมประมง, ส.ส.ส. และผู้จัดการออนไลน์

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับประโยชน์ของอาหารทะเล