เคล็ด(ไม่)ลับ เคล็ดลับสุขภาพ August 30, 2015 Share 0 Tweet Pin 0 ฟอกฟันขาว เพิ่มความมั่นใจให้ยิ้มสวย เคยไหม...เวลาที่อยากยิ้ม อยากหัวเราะ แต่ไม่กล้าฉีกยิ้มอย่างเต็มที่ เพียงเพราะคุณไม่มั่นใจกับสีฟันของตนเอง คงดูไม่ดีแน่หากยิ้มออกไปพร้อมกับฟันเหลือง ๆ ไม่ชวนมอง เลยหมดโอกาสที่จะได้สร้างเสน่ห์อย่างเต็มที่ ผิดกับคนที่มีฟันขาว จะฉีกยิ้ม จะหัวเราะก็ดูชวนมอง...เพราะฟันที่ขาวสะอาดบ่งบอกถึงความใส่ใจสุขภาพของคน ๆ นั้นด้วย คนที่ฟันไม่ขาวหรือมีปัญหาสีฟันผิดปกติจึงอยากแก้ไขให้ฟันตนเองดูดีขึ้น ปัจจุบันจึงมีนวัตกรรมที่ช่วยฟอกสีฟันที่มีคราบเหลือง ดำคล้ำ ให้กลับมาขาววิ้งได้อีกครั้ง ซึ่งการฟอกสีฟันนี้สามารถทำได้ด้วยตนเองหรือให้ทันตแพทย์เป็นผู้ทำให้ แล้วแต่ใครจะสะดวกเลือกใช้วิธีไหนในการฟอกสีฟันของตนเอง เหตุใดสีฟันจึงเปลี่ยน การที่สีฟันของคนเราเปลี่ยนไปไม่ขาวใสอย่างที่ควรจะเป็น มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น อายุที่มากขึ้นทำให้สีฟันตามธรรมชาติเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย การสูบบุหรี่ การดื่มชา กาแฟ ไวน์แดง โคล่า หรืออาหารที่มีสีจัด ล้วนเป็นสาเหตุให้สีฟันเกิดการเปลี่ยนแปลงไปทั้งสิ้น นอกจากนั้นการมีหินปูนและคราบแบคทีเรียสะสมอยู่ก็เป็นสาเหตุให้สีฟันเหลือง ดูหมองคล้ำ หรือบางคนตอนเด็กเคยได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในช่วงที่ฟันกำลังก่อตัวทำให้ฟันด่าง แม้แต่การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างเตตราซัยคลินก็ทำให้ฟันของเด็กเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือดำได้ หากใครที่มีปัญหาไม่มั่นใจเรื่องสีฟันดังที่กล่าวมา การฟอกสีฟันให้กลับมาขาวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้รอยยิ้มได้มากยิ่งขึ้น เพราะจะช่วยให้คราบที่ฝังลึกในฟันและสีของฟันจางลงหรือหายไป ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูชวนมอง ดูอ่อนวัย และสร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็น ฟอกสีฟัน-เคลือบฟัน ต่างกันอย่างไร การทำให้สีฟันที่มีปัญหากลับมาขาวดังเดิมนั้นมีหลายวิธี ที่คุ้นเคยกันคือ การฟอกสีฟัน และการเคลือบฟัน ซึ่ง 2 วิธีนี้มีความแตกต่างกัน การฟอกสีฟัน รู้หรือไม่ว่าฟันของคนเรา เมื่อมองด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะเห็นเนื้อฟันมีลักษณะเป็นท่อเล็ก ๆ สีที่ทำให้ฟันเปลี่ยนไปจะเกาะอยู่ตามท่อเล็ก ๆ เหล่านี้ วิธีการจะใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีลักษณะเป็นเจลเหนียวมาฟอกฟันเอาไว้ เพื่อทำให้สีที่เกาะอยู่ในเนื้อฟันหลุดออกมา โดยไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างฟัน ซึ่งการทำอาจจำเป็นต้องฟอกหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ การฟอกสีฟันเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฟันเปลี่ยนสีตั้งแต่ยังเด็ก หรือฟันเปลี่ยนสีจากการรับประทานอาหารอย่าง กาแฟ ชา น้ำอัดลม การสูบบุหรี่ ซึ่งสามารถให้แพทย์ทำให้ หรือกลับไปฟอกสีฟันเองที่บ้านก็ได้ การเคลือบฟัน เป็นอีกวิธีที่ใช้แก้ไขปัญหาสีฟันกรณีที่ฟอกสีฟันแล้วผลไม่เป็นที่พึงพอใจ หรือไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ซึ่งจะเหมาะกับฟันที่มีสีค่อนข้างคล้ำมาก โดยจะใช้วัสดุเฉพาะมายึดหรือปิดทับผิวฟันไว้แบบถาวร วัสดุที่ใช้มี 2 ประเภทคือ วัสดุประเภทเซรามิกที่ผลิตจากห้องแลป จะให้สีที่สวยงามใกล้เคียงสีฟันจริง มีความแข็งแรง ทนทาน แต่ราคาสูง อีกชนิดคือใช้วัสดุประเภทคอมโพสิตเรซินมาเคลือบผิวฟันไว้ สามารถทำให้เสร็จภายในครั้งเดียวได้ แต่ไม่ค่อยสวยงามและแข็งแรงเท่าแบบแรกจึงมีราคาถูกกว่า สำหรับการเคลือบฟัน ทันตแพทย์จะทำการกรอผิวเนื้อฟันด้านหน้าออกประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร แล้วจึงใช้วัสดุเคลือบฟันปิดทับ หากฟันที่ทำไว้เกิดบิ่น แตกหัก ก็สามารถซ่อมแซมได้ แต่การใช้ฟันก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรกัดอาหารที่มีความแข็งมาก ๆ และไม่เหมาะกับคนที่นอนกัดฟัน หลากวิธีการฟอกสีฟัน ผู้ที่ต้องการฟอกสีฟันเมื่อไปพบทันตแพทย์ ทันตแพทย์จะทำการตรวจประเมินสุขภาพภายในช่องปากและฟัน เพื่อพิจารณาให้คำแนะนำวิธีการฟอกที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากคราบและสีที่ฝังลึกในตัวฟันของแต่ละบุคคล ซึ่งฟันที่มีสีเหลืองจะตอบสนองต่อการฟอกสีฟันได้ดีกว่าฟันที่เป็นสีเทาหรือน้ำตาล ส่วนฟันที่เกิดจากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป หรือคราบที่เกิดจากการได้รับยาเตตราซัยคลิน การฟอกสีอาจไม่ค่อยได้ผลนัก การฟอกฟันขาวมีหลายวิธี ดังนี้ การฟอกฟันขาวที่ทำด้วยตนเองที่บ้าน ทันตแพทย์จะให้น้ำยาฟอกสีฟัน หรือสารคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ ความเข้มข้น 10- 20% ถือว่ามีความเข้มข้นต่ำกว่าสารฟอกสีที่ใช้ในคลินิกเพื่อนำกลับไปทำเองที่บ้าน ซึ่งการใช้น้ำยาฟอกสีนี้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์ ผู้ทำแต่ละคนจะต้องพิมพ์ปากแล้วทำถาดพลาสติกสำหรับใส่สารฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล เพื่อให้ถาดฟอกสีฟันแนบพอดีกับตัวเหงือกและฟัน ต้องมีที่ว่างเอาไว้สำหรับใส่เจลฟอกสีฟันด้วย แล้วสวมใส่ถาดฟอกสีฟันทิ้งไว้ทั้งคืน ประมาณ 10-15 วัน ซึ่งระหว่างการฟอกสีฟันทันตแพทย์จะนัดผู้ทำเพื่อประเมินผลการทำเป็นระยะ จะได้ปรับเวลาและความเข้มข้นของสารในการทำแต่ละครั้งให้เหมาะสม เมื่อได้สีที่ต้องการแล้วจึงหยุด และสามารถกลับมาทำใหม่ได้ตามที่ต้องการ ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการทำตามคลินิก การฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น เป็นการฟอกสีฟันที่ได้รับพัฒนาเป็นพิเศษด้วยการใช้เทคโนโลยีแสงเย็นและอุณหภูมิที่ต่ำ ทำให้การฟอกสีฟันได้ผลอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาในการทำไม่นาน ประมาณ 30-60 นาทีเท่านั้น แถมยังไม่ทำลายเคลือบฟัน ฟันจึงไม่เกิดความเสียหาย การฟอกสีฟันด้วยแสงเลเซอร์เป็นการใช้เจลฟอกสีฟันความเข้มข้นสูง ร่วมกับแสงเลเซอร์ประสิทธิภาพสูงที่ให้ความร้อนต่ำ จึงสามารถกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถกำหนดทิศทางของแสงได้ดีกว่าเครื่องฉายแสงยูวีที่มีรัศมีวงกว้างและให้ความร้อนสูง วิธีนี้จึงมีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออันตรายต่อเหงือก เพราะขณะทำทันตแพทย์จะป้องกันเนื้อเยื่ออ่อนภายในช่องปาก เช่น บริเวณเหงือก ริมฝีปาก หรือขอบเหงือกบริเวณคอฟัน ที่อาจจะสัมผัสกับสารฟอกสี เพื่อป้องกันการระคายเคือง การทำจะใช้เวลาทำไม่นาน ประมาณ 45 นาทีเท่านั้น อย่างไรก็ดี การฟอกสีฟันอาจเกิดอาการเสียวฟันขึ้นได้ บางรายอาจมีอาการเล็กน้อย แต่บางรายอาจเป็นมาก และสีฟันที่ฟอกแล้วไม่คงทน จะกลับมามีสีเดิมได้อีก ยิ่งคนที่มีฟันสีน้ำตาล สีเทา อาจต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผล ทำให้เสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ดูแลอย่างไรหลังฟอกสีฟัน ผู้ที่ฟอกสีฟันมาแล้วควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสที่ฟันจะกลับไปมีสีเหมือนเดิม โดยควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดคราบสีบนฟัน เช่น การดื่มกาแฟ ชา ไวน์แดง ควรงดสูบบุหรี่ และหมั่นดูแลความสะอาดของฟันอย่างถูกวิธี โดยใช้ยาสีฟันสำหรับใช้ร่วมกับการฟอกสีฟันโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาบ้วนปากหรือยาสีฟันที่มีสีเข้มด้วย สำหรับผู้สนใจอยากฟอกสีฟันควรรับการตรวจและรับคำแนะนำจากทันตแพทย์เสียก่อน เพื่อจะได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพฟัน อันตรายจาก “การจัดฟันแฟชั่น” จัดเล่นๆ แต่ตายจริงๆ!! 10 วิธีลดอาการปวดฟัน...แบบเอาอยู่ แปรงฟันบ่อยๆ ทำให้เหงือกร่นจริงเหรอ? “ผลไม้รักษาเหงือกบวม” สูตรชาวบ้านแต่ได้ผลจริง!