อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ โรคภัยใกล้ตัว November 29, 2015 Share 1 Tweet Pin 0 เมื่อฉันเส้นเลือดในสมองแตก ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดีอยู่เสมอ คุณเคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตัวคุณเองหรือเปล่า ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ประสบกับเหตุการณ์ การเจ็บป่วยกับโรคที่ไม่คาดคิดมาก่อน นั่นก็คือ โรคหลอดเลือดในสมอง stroke (เส้นเลือดในสมองแตก) ถ้าใครรู้จักโรคนี้แล้วคงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวของคุณแน่นอน มันเป็นภัยมืดที่จะเกิดขึ้นกับตัวคุณเมื่อไหร่ก็ได้ "เส้นเลือดในสมองแตก" โรคร้ายมาแบบไม่ทันตั้งตัวในคืนวันเกิดเหตุ ตรงกับวันครบรอบวันแต่งงานของคุณพ่อกับคุณแม่ เรารับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จนถึงเวลา 3 ทุ่ม ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พอกลับถึงบ้าน รู้สึกปวดหัวตึบ ตึบ แบบบอกไม่ถูก หรือผลจากการนอนดึก ตี 1 ตี2 เกือบ 2-3 สัปดาห์ เพราะต้องเร่งงานบัญชีปิดงบให้เสร็จ วันนี้ 4 ทุ่มกว่าแล้วนอนหลับพักผ่อนก่อนดีกว่าเผื่ออาการจะดีขึ้นคืนนั้นดิฉันก็อาบน้ำและเข้านอน ประมาณตีอะไรดิฉันไม่ทราบ ดิฉันตื่นขึ้นมารู้สึกตัวอีกทีดิฉันหล่นอยู่ใต้เตียง พร้อมกับจะลุกแต่ลุกไม่ไหว และอยู่ในอาการหลับๆตื่น ๆ ถึงตอนเช้าดิฉันพยายามรวบรวมกำลังที่มีอยู่ เดินไปห้องนอนคุณแม่ พร้อมกับเคาะประตูเรียก ดิฉันเรียกแม่แต่ไม่มีเสียง เลยชี้ไปที่ปาก แม่ให้ดิฉันเดินไปอาบน้ำ ขณะแปรงฟัน ดิฉันก็ล้มและหมดสติไป พ่อกลับมาบ้านหลังจากออกกำลังกายพอดี ได้โทรเรียกรถพยาบาลด้วยความตกใจ พอไปถึงโรงพยาบาลก็รีบส่งเข้าทำการรักษาที่งานผู้ป่วยนอกอย่างเร่งด่วน ดิฉันหมดสติไม่รู้สึกตัวไป 3 วันในช่วงสัปดาห์แรก ยังไม่สามารถพูดได้ สัปดาห์ที่ 2-3 เริ่มพูดได้ 1-2 คำ และมีอาการ แขน ขา ซีกขวาชา ขยับไม่ได้ คุณพ่อของดิฉันถามหมอ ลูกของผมป่วยเป็นอะไร หมอจึงเรียกคุณพ่อเข้าไปคุย บอกว่า "เส้นเลือดในสมองแตก" แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด ดิฉันก็ถามหมอว่าจะดิฉันจะหายป่วยเมื่อไหร่ หมอก็บอกไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่างกายของเราว่าโดนจุดสำคัญมากน้อยขนาดไหน ซึ่งคุณหมอยังแนะนำอีกว่า ...หากเกิดอาการแขนขาชา ขยับตัวไม่ได้ อย่าเคลื่อนย้ายตัวผู้ป่วยเป็นอันขาด เพราะจะทำให้เลือดที่มีความเข้มข้นกระจายไปสู่ร่างกาย ทำให้การรักษายากลำบากมากยิ่งขึ้น....ดิฉันนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 1 เดือน และในช่วงนั้นก็ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ขณะนอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลก็จะมีนักกายภาพบำบัดมาทำกายภาพให้ที่ห้องของผู้ป่วย หลังจากกลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน ดิฉันก็ไปทำกายภาพที่โรงพยาบาล อาทิตย์ละ 2 วัน วันอังคารกับวันพฤหัสบดี และทำกายภาพไป เรื่อย ๆ จนอาการดีขึ้นตามลำดับ พอถึงเดือนที่ 5 เริ่มเดินได้โดยไม่ต้องใช้รถเข็น แต่ยังต้องใช้ไม้เท้าช่วยในการพยุงตัว ทำให้ดิฉันช่วยเหลือตัวเองได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าห้องน้ำ การเดินไปในที่ต่าง ๆ การช่วยงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆในขณะที่รักษาตัวโดยทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล เวลาอยู่ที่บ้าน คุณพ่อได้ทำอุปกรณ์สำหรับกายภาพ อาทิ จักรยานปั่นขา อุปกรณ์ชักลอกสำหรับออกกำลังกายแขน ราวจับสำหรับฝึกเดิน ที่ยืนสำหรับยืดแขน และขา ท่านดูแลดิฉันดีจริง ๆ ท่านทำทุกอย่างที่ให้ดิฉันหายแพทย์ทางเลือกช่วยให้อาการเส้นเลือดในสมองแตกดีขึ้นได้การรักษาอาการเส้นเลือดในสมองแตก นอกจากดิฉันรักษาด้วยการกายภาพบำบัดแล้ว การรักษาแพทย์ทางเลือกก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้อาการทุเลาลงได้มาก คือ การฝังเข็ม ถึงแม้ว่าจะไม่หายขาด แต่ก็ช่วยทำให้อาการของดิฉันดีขึ้น หากท่านสนใจแพทย์ทางเลือกการฝังเข็มก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยคุณได้ ดิฉันได้ทำการฝังเข็มมาทั้งหมด 9 ครั้ง ซึ่งจากที่ดิฉันได้มาทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และมากายภาพบำบัด ทำให้ดิฉันได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นได้รู้จักกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเดียวกับดิฉัน ญาติผู้ป่วยที่เป็นกำลังใจให้ การได้เรียนรู้ถึงวิธีการกายภาพบำบัด การดูแลตนเองเมื่อป่วยเป็นโรคนี้ นอกจากนั้นการนวดคลายเส้นก็ช่วยให้การรักษาอาการเส้นเลือดในสมองแตกดีขึ้น ดิฉันรู้จักน้าคนหนึ่งอยู่ใกล้บ้านของดิฉัน เป็นหมอนวดแผนไทย ซึ่งน้าคนนี้จะมีความรู้ด้านการนวดแผนไทยและการนวดคลายเส้น โดยการนวดจะใช้สมุนไพรลูกประคบมาทำการรักษาผู้ป่วยควบคู่กับการนวดคลายเส้น พอนวดแล้วรู้สึกว่า อาการเกร็งของกล้ามเนื้อลดลง ผ่อนคลายแขนและขาดีขึ้น การเดินสะดวกขึ้น ตอนนี้ดิฉันเองรักษาโดยนวดคลายเส้นควบคู่ไปกับการกายภาพบำบัด และที่ลืมไม่ได้ก็คือการไปพบแพทย์ตามนัดถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าหากมีอาการแทรกซ้อนจะได้รับมือทัน อาหารก็มีส่วนสำคัญ ช่วยรักษาเส้นเลือดในสมองแตก อาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ ถือว่ามีส่วนสำคัญอย่างมาก เพราะถ้าหากเรารับประทานอาหารประเภทไขมันสูงจำนวนมาก จะอุดตันบริเวณหลอดเลือด ถึงขั้นตีบตันและแตกได้ในที่สุด โดยเฉพาะอาหารจำพวกไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) พบมากในเนื้อหมู เนื้อไก่ ยกเว้นเนื้อปลา ส่วนอาหารทะเล กุ้ง หอย หมึก ผู้ป่วยโรคนี้ควรงดเพราะ สามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ซึ่งในไขมันอิ่มตัวจะประกอบด้วยออกซิเจน ไฮโดรเจน และคาร์บอน เรียงตัวกันหนาแน่นจนไม่มีช่องว่างของโมเลกุลที่สามารถทำปฏิกิริยากับโมเลกุลอื่นได้อีก ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลอรีสูงเกินความจำเป็น เพิ่มอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักต่าง ๆ และอาหารจำพวกธัญพืช การดื่มน้ำเปล่าไม่แช่เย็นก็ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตได้ดีขึ้น ดื่มน้ำได้มากเท่าไรยิ่งดีต่อสุขภาพ หากท่านแขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด ลิ้นแข็ง มองเห็นภาพซ้อน เดินเซ ทรงตัวไม่อยู่ เวียนหัว บ้านหมุน นี่เป็นอาการเริ่มต้นของเส้นเลือดในสมองแตก จึงต้องรีบไปพบแพทย์ “270 นาทีชีวิต” อย่าปล่อยไว้เด็ดขาด โชคดีได้เรียนรู้ว่า...การรักษาสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญมากในระหว่างรักษาตัวอยู่นี้ทำให้ดิฉันคิดได้ว่า การรักษาสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญมาก จะปล่อยปละละเลยไม่ได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย เพราะร่างกายของเราไม่เหมือนกับรถยนต์ที่มีอะไหล่มาเปลี่ยน ถ้าดิฉันไม่มารักษาอาการตามแพทย์นัดกายภาพบำบัด อาการคงไม่ดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งในขณะนี้ดิฉันก็ได้ทำการรักษาตัวเข้าปีที่ 3 แล้ว ดิฉันก็ไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนดิฉัน เส้นเลือดในสมองแตกโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นกลับมารักษาสุขภาพกันเถอะค่ะนอกจากนั้นกำลังใจจากบุคคลรอบข้างถือเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ได้คนในครอบครัวช่วยเหลือดูแล อาการป่วยคงไม่ดีขึ้นขนาดนี้ ถ้าไม่มีคุณพ่อคอยดูแลพาไปพบแพทย์ กายภาพบำบัด ทำอุปกรณ์กายภาพ ...ท่านกล่าวว่า “ถ้าลูกไม่ป่วยขนาดนี้ ก็คงไม่รู้หรอกว่า ครอบครัวของเรารักกันมากขนาดไหน พ่อคงไปเที่ยวเฮฮากับเพื่อน ไม่สนใจปฏิบัติธรรม ลูกทำให้บ้านกลายป็นวัด ลูกเปลี่ยนนิสัยของพ่อนะลูก”....ซึ่งพ่อของดิฉันได้ตื่นแต่เช้าใส่บาตรทุกวัน คุณพ่อก็ได้ไปเรียนสมาธิกับหลวงพ่อ วิริยัง ที่วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการทำสมาธิไว้ว่า 1. มีสมาธิทำให้มีพลังจิตเข้มแข็ง 2. ทำงานไม่เกิดความผิดพลาด 3. มีความเมตตา สามัคคี 4. มีการให้อภัย 5. เพื่อความสันติสุขของโลก พ่อสอนดิฉันนั่งสมาธิและสวดมนต์ช่วงค่ำทุกวัน เป็นการทำสมาธิฝึกพลังจิตรักษาโรค ทำให้อาการดีขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจ ดิฉันโชคดีที่พบบุคคลรอบข้างที่ดี นอกจากพ่อกับแม่แล้ว ก็ยังมีญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ที่มาเยี่ยมให้กำลังใจ ให้หายป่วยเร็ว ๆ นะ สู้ ๆ นะเพื่อนอย่าท้อแท้นะ คำพูดเหล่านี้ ทำให้ดิฉันมีกำลังใจต่อสู้ต่อไปค่ะ เชื่อพ่อแล้วในความโชคร้าย ยังมีความโชคดีอยู่เสมอ...