free web tracker, fire_lady "กินยาคุมลดสิว" ได้จริงเหรอ? ต้องกินอย่างไร? • สุขภาพดี

กินยาคุมลดสิวได้จริงเหรอ? กินอย่างไร?

กินยาคุมลดสิว

สิวพบได้บ่อยในช่วงวัยรุ่น โดยพบบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่นมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า จึงส่งผลต่อภาวะจิตใจเพราะเกี่ยวข้องกับความสวยงาม การรักษาสิวในรายที่เป็นเพียงเล็กน้อยอาจไม่ต้องใช้ยา แต่ในบางรายที่เป็นมากจำเป็นต้องมีการใช้ยาเพื่อรักษาสิว ซึ่งใครหลายคนคงเคยได้ยิน หรือมีคนแนะนำให้กินยาคุมลดสิว รักษาสิวได้ 

กินยาคุมลดสิวได้จริงหรือ?

ยาคุมกำเนิด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่เป็นสิวในระดับปานกลาง (moderate) ถึงรุนแรง (severe) ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยการใช้ยาแบบอื่นๆ ซึ่งปัญหาสิวนั้นเกิดจากหลายสาเหตุ แต่ตัวที่สามารถใช้ยาคุมกำเนิดมารักษาได้ มีแค่สิวฮอร์โมนเท่านั้น หากสิวที่กำลังเป็นอยู่ไม่ได้เกิดจากการผิดปกติของฮอร์โมนภายในร่างกาย ยาคุมกำเนิดก็จะไม่สามารถรักษาได้ การทำงานของยาคุมกำเนิดในการรักษาสิวก็คือ จะมีผลยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานเยอะผิดปกติ จนเกิดการอุดตันที่ผิวหนัง และมีแบคทีเรียพีแอคเน่ (P.acne) เข้าไปทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดสิว ดังนั้น เมื่อมียาคุมกำเนิดเข้าไปยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนดังกล่าว สิวก็จะลดน้อยลง

กินยาลดสิว หรือรักษาสิวด้วยยาประเภทฮอร์โมนจะให้ผลดีก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับยารักษาสิวอื่น เช่น ยาทากลุ่มกรดวิตามินเอ (topical retinoids) ยาทาฆ่าเชื้อ (topical antibiotic) หรือยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน (oral antibiotic) ดังนั้น ถึงแม้ว่าเราจะทานยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิวอยู่แล้ว แต่ก็มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ยาอื่นร่วมด้วย รวมทั้งการรักษาความสะอาดของใบหน้า และพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ยาคุมกำเนิดที่ใช้ในการรักษาสิว

การกินยาคุมลดสิวนั้น ควรเลือกยาคุมกำเนิดที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen ) ที่มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย (anti – androgen) เพราะฮอร์โมนเพศชายนั่นเองที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสิว เช่น

  • Ethinyl Estradiol 35 μg + Cyproterone acetate 2 mg ( เช่น ในยี่ห้อ Diane-35)
  • Ethinyl Estradiol 30 μg + Drospirenone 3 mg (เช่น ในยี่ห้อ Yasmin)ขนาดการรับประทาน

เริ่มรับประทาน 1 เม็ดในวันแรกของรอบประจำเดือน หรืออาจเริ่มรับประทานยาในระหว่างวันที่ 2-5 ของรอบประจำเดือนก็ได้ แล้วรับประทานยาต่อไปตามลูกศรติดต่อกันทุกวันจนครบ 21 เม็ด อีก 7 วันถัดมาไม่ต้องรับประทานยา จะมีประจำเดือนออกมาในระหว่าง 7 วันนี้ ปกติจะเริ่มมีประจำเดือนในวันที่ 2-3 หลังหยุดรับประทานยาเม็ดสุดท้าย และให้เริ่มรับประทนยาแผงต่อไปในวันที่ 8 แม้ว่ายังคงมีเลือดประจำเดือนอยู่

ข้อระวังและผลข้างเคียงของการกินยาคุมลดสิว

อาการข้างเคียงของการกินยาคุมลดสิวที่พบได้คือ คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง เจ็บคัด ตึงเต้านม มีปฏิกิริยาทางผิวหนัง ในผู้หญิงจะมีการตกขาว เป็นต้น โดยอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นใน 2-3 เดือนแรกที่ใช้ยา และอาการจะลดลงเมื่อใช้ยานานขึ้น

บุคคลที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิด และกินยาคุมลดสิว

ถึงแม้ว่ายาคุมกำเนิดจะสามารถใช้รักษาสิวได้ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถกินยาคุมลดสิว หรือเพื่อคุมกำเนิดได้อย่างปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียงใดๆ บุคคลดังต่อไปนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมกำเนิดอย่างเด็ดขาดค่ะ

  • ผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่มีประวัติของโรคหลอดเลือดอุดตัน โรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ หรือเพิ่งผ่านการผ่าตัดใหญ่และโรคตับ
  • ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนชนิดรุนแรง หรือมีระดับไขมันผิดปกติ
  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี- ผู้ที่สูบบุหรี่จัด มากกว่าวันละ 20 มวน
  • ผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นโรคมะเร็งที่สัมพันธ์กับฮอร์โมนเพศ เพราะยาคุมกำเนิดอ่านมีส่วนให้เซลล์มะเร็งเจริญขึ้นได้ (เช่น ที่หน้าอด อวัยวะสืบพันธุ์)
  • ผู้ที่มีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ผู้ที่เป็นโรคดีซ่าน (ตัวเหลือง) หรือโรคตับขั้นรุนแรง
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือคิดว่าอาจจะตั้งครรภ์
  • ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของยาเม็ดคุมกำเนิด
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นไมเกรนร่วมกับอาการมองเห็นที่ผิดปกติ การพูดที่ผิดปกติ หรือมีอาการอ่อนเพลีย หรือชาที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะยาเม็ดคุมกำเนิดส่งผลให้มีการทำลายของผนังหลอดเลือด
  • ผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ ร่วมกับระดับไขมันในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
  • ผู้ที่เป็นหรือเคยเป็นเนื้องอกในตับชนิดไม่ร้ายแรง หรือร้ายแรง
  • ผู้ที่มีภาวการณ์ทำงานของไตบกพร่องอย่างรุนแรง หรือภาวะไตวายเฉียบพลัน

แต่หากไม่คุ้นเคยกับการกินยาคุมลดสิว แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางสูตินรีเวชวิทยา เพื่อทำการตรวจเต้านม / ตรวจภายใน แต่อย่างไรก็ตามการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดในผู้หญิงที่มีอายุน้อยที่สุขภาพแข็งแรง มักไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อการรักษาสิวนั้น ให้เลือกใช้ยาตามระดับความรุนแรงของสิว หากเป็นสิวเพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิด เนื่องจากมีผลข้างเคียงเยอะ และอาจมีการใช้ยาร่วมกันหลายตัว รวมทั้งมีการใช้ยาต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่ การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิวต้องใช้ระยะเวลานานประมาณ 8 สัปดาห์จึงเห็นผล อย่างไรก็ตาม การกินยาคุมกำเนิด เพื่อที่จะหวังผลในการรักษาสิวนั้น สิวจะไม่ได้ยุบลงทันทีในเดือนแรก แต่จะเริ่มเห็นผลเมื่อกินต่อเนื่องประมาณ 2-3 เดือนไปแล้ว โดยสิวจะเริ่มลดลง ผิวดีขึ้น หน้ามันน้อยลง เพราะต่อมไขมันจะค่อย ๆ ทำงานน้อยลง แต่ไม่ได้ทำให้หน้าแห้งเหมือนยารักษาสิวโดยเฉพาะ ดังนั้นผู้ที่ด่วนใจร้อนเลิกรักษาไปกลางคันก็จะไม่ประสบความสำเร็จในการรักษาสิว

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสิว