free web tracker, fire_lady “น้ำมันสะเดา” กับ 6 สรรพคุณและประโยชน์ดีๆ ที่คุณไม่ควรพลาด • สุขภาพดี

น้ำมันสะเดา” กับ 6 สรรพคุณและประโยชน์ดีๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

น้ำมันสะเดา-สรรพคุณ ประโยชน์

"สะเดา" พืชรสขมที่นอกจากยอดและดอกที่ถูกนำมาลวกจิ้มน้ำพริกแล้ว ส่วนประกอบอีกหนึ่งอย่างของสะเดาที่หลายๆ คนมองข้ามไปนั่นก็คือ "เมล็ดสะเดา"นั่นเอง เมล็ดสะเดาที่สุกร่วงเกลื่อนใต้ต้นจนดูเหมือนไร้ประโยชน์นี้กลับมีคุณค่าต่อร่างกายมากมาย ภายในเมล็ดสะเดามีน้ำมันอยู่มาก ซึ่งน้ำมันภายในเมล็ดสะเดานี้เองที่ถูกนำมาสกัดมาใช้ประโยชน์ น้ำมันสะเดานั้นมีสรรพคุณดี มีประโยชน์อย่างไรบ้าง สามารถหาคำตอบได้ที่บทความนี้

ที่มา และวิธีสกัดน้ำมันสะเดา

สำหรับการสกัดเอาน้ำมันจากเมล็ดสะเดานั้นนิยมใช้วิธีสกัดเย็น ซึ่งเป็นวิธีการสกัดที่ไม่ผ่านการใช้ความร้อนและสารเคมี โดยจะนำเมล็ดสะเดาซึ่งมีปริมาณน้ำมันอยู่มากถึง 45% มาบีบอัดในที่ที่อุณหภูมิห้องแล้วตั้งทิ้งไว้ รอให้ตกตะกอน แล้วนำมากรองเอาสิ่งเจือปนออกไป จึงได้น้ำมันสะเดาที่ใสสะอาด บริสุทธิ์ ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ไม่มีสารเคมีเจือปนและยังคงคุณประโยชน์ของเมล็ดสะเดาไว้อย่างครบถ้วน โดยปกติน้ำมันพืชที่ได้จากการสกัดเย็นนั้นหากเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียสจะเป็นไข แต่ไม่เป็นอันตราย เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นน้ำมันก็จะหายเป็นไขไปเอง

ลักษณะของสะเดา

น้ำมันสะเดาจะมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย สีน้ำตาลอมเหลือง รสขมและมีสารสำคัญอยู่หลายชนิดซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย

6 สรรพคุณดีๆ ประโยชน์ของน้ำมันสะเดาที่ควรรู้

1. น้ำมันสะเดาช่วยรักษาโรคผิวหนัง น้ำมันสะเดามีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อรา แบคทีเรียและเชื้อไวรัส จึงสามารถรักษาโรคผิวหนังได้เป็นอย่างดี โดยนำมาใช้ทาผิวหนังในบริเวณที่มีอาการ เช่น โรคหิด เริม กลาก เกลื้อน รวมทั้งแผลที่เท้าที่เกิดจากน้ำกัดเท้า แผลที่เกิดจากโรคสะเก็ดเงิน เป็นต้น รวมทั้งยังช่วยบรรเทาอาการคันจากผด ผื่น คัน ภูมิแพ้ผิวหนัง

2. น้ำมันสะเดาช่วยรักษาสิว จากสรรพคุณในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาโรคผิวหนังแล้วยังมีผลในการช่วยรักษาสิว ลดการเกิดสิวอักเสบ ผิวบวมแดงจากสิว ช่วยลดริ้วรอยแผลเป็นและจุดด่างดำจากสิว

3. น้ำมันสะเดาช่วยฟื้นฟูผิวจากการถูกทำร้าย น้ำมันสะเดาอุดมไปด้วยกรดไขมัน จึงช่วยลดอาการผิวแห้ง ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นและลดอาการแสบร้อนผิวหนังที่เกิดจากการไหม้จากแสงแดด

4. น้ำมันสะเดาช่วยสมานแผล รอยสิว รอยถลอกตามผิวหนัง ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลชีพชนิดต่างๆ ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วย ลดอาการอักเสบและบวมแดงของผิวหนัง

5. น้ำมันสะเดาสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและยา โดยการนำไปผสมในสบู่ ยาสระผม ยารักษาสิว ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคผิวหนัง รักษาแผล แมลงสัตว์กัดต่อย

6. น้ำมันสะเดาช่วยลดการเกิดริ้วรอย ในน้ำมันสะเดามีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงผิว ปกป้องผิวจากมลพิษตามสภาพแวดล้อม ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น ลดการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นตามผิวหนัง ทำให้ผิวดูสดใส อ่อนกว่าวัย

วิธีใช้น้ำมันสะเดา

นำน้ำมันสะเดามาทาผิวในบริเวณที่มีอาการ ไม่ว่าจะเป็นสิว ผิวอักเสบ โรคผิวหนังต่างๆ หรือผสมกับน้ำมันสกัดจากพืชชนิดอื่นๆ ก่อนนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง หากใครแพ้ง่ายควรทดสอบการแพ้ก่อนด้วยการทาบริเวณท้องแขนแล้วทิ้งไว้ หากมีอาการ แสบร้อนหรือมีผดผื่นขึ้น ควรหยุดใช้แล้วไปพบแพทย์

การเลือกซื้อน้ำมันสะเดาและวิธีเก็บรักษา

1. สังเกตที่ก้นขวดน้ำมันสะเดาว่ามีตะกอนหรือไม่ หากมีไม่ควรซื้อเพราะน้ำมันอาจจะเสื่อมคุณภาพแล้ว

2. เลือกบรรจุภัณฑ์ของน้ำมันสะเดาที่เป็นขวดแก้วสีทึบ เพราะหากเป็นพลาสติกขวดอาจจะละลายได้ ส่วนสีทึบแสงของขวดนั้นจะช่วยรักษาคุณภาพของน้ำมันเอาไว้

3. หากน้ำมันสะเดามีราคาถูกเกินไป อาจจะเป็นน้ำมันที่ผ่านการผสมมาแล้ว ควรเลือกซื้อในแหล่งที่เชื่อถือได้

4. เก็บน้ำมันสะเดาไว้ในที่แห้งและเย็น รวมทั้งหลีกเลี่ยงแสงแดดเพราะจะทำให้เสื่อมคุณภาพอย่างรวดเร็ว

5. น้ำมันสะเดาสามารถเก็บได้นานประมาณ 2 ปี หากนานกว่านั้นน้ำมันสะเดาอาจจะเสื่อมคุณภาพได้

ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันสะเดา

1. น้ำมันสะเดาใช้ทาภายนอกเท่านั้น

2. ผู้หญิงตั้งครรภ์รวมทั้งผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ควรใช้

3. ไม่ควรใช้น้ำมันสะเดากับเด็กที่มีไข้ เนื่องจากน้ำมันสะเดามีฤทธิ์คล้ายกับแอสไพริน

เมื่อได้รู้สรรพคุณและประโยชน์จากน้ำมันสะเดาแล้ว สำหรับผู้ที่รักสุขภาพหลายๆ คนคงอยากได้มาติดบ้านเรือนเอาไว้ เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาตินั้นมักมีผลกระทบต่อร่างกายน้อยกว่าสารเคมีสังเคราะห์ โดยน้ำมันสะเดาสามารถหาซื้อตามร้านเวชสำอางหรือร้านขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสมุนไพรทั่วๆไปตามท้องตลาดนั่นเอง