อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ โรคภัยใกล้ตัว December 19, 2015 Share 0 Tweet Pin 0 ร้อนใน...แผลเล็กแต่ทรมานใหญ่ ร้อนใน หรือ แผลร้อนใน เป็นอาการผิดปกติอย่างหนึ่งของร่างกายที่แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงต่อชีวิต แต่ก็สร้างความรำคาญและความเจ็บปวดในบริเวณช่องปากของคนเราอย่างมากทีเดียว เพราะไม่ว่ากินอะไรจะรู้สึกแสบหรือเจ็บเหมือนถูกของมีคมทุกที หลายคนอาจยังไม่เคยมีอาการนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่บางคนต้องเจอกับปัญหาร้อนในอยู่บ่อยครั้ง หรือคนอื่นเป็นแล้วไม่นานก็หาย แต่ทำไมเราเป็นแล้วกลับหายช้า นั่นเป็นเพราะสาเหตุใด แล้วจะมีวิธีรักษาได้ไหม มาทำความเข้าใจกับอาการร้อนในร่างกายของเรากันดีกว่า ร้อนในร่างกาย เป็นอย่างไร?เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ร้อนในร่างกายนั้นเป็นอาการหนึ่งของแผลร้อนในซึ่งมักเกิดที่บริเวณริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม เพดานปาก ลิ้น และเหงือก โดยมีลักษณะเป็นตุ่มหรือแผลขึ้นในบริเวณช่องปาก เริ่มแรกแผลจะเป็นเพียงตุ่มเล็กๆ แล้วกลายเป็นวงกลมหรือวงรีที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ตรงกลางมีเยื่อสีขาวบางๆ ขอบจะบวมแดงและมีอาการปวดร่วมด้วยโดยเฉพาะเวลากินอาหารจะรู้สึกว่าเจ็บปวดทรมานมากๆ อันเนื่องมาจากความร้อนภายในร่างกายไม่สมดุลกัน ดังนั้น เมื่อมีอาการร้อนในเกิดขึ้นเราจึงไม่ควรมองข้าม เพราะนี่เป็นปฏิกิริยาทางร่างกายที่บอกให้รู้ว่าเราต้องหันมาดูแลสุขภาพให้กลับไปสู่สมดุลแล้วล่ะสาเหตุของอาการร้อนในมาจากอะไรสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการร้อนในยังไม่มีระบุแน่ชัด แต่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคใดๆ ขึ้นอยู่กับพื้นฐานร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เมื่อบวกกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมซึ่งไปส่งเสริมให้เกิดความร้อนในร่างกาย จึงยิ่งทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างความร้อน-เย็นในร่างกายไม่สมดุลกัน จนแสดงอาการออกมาเป็นอาการร้อนใน โดยปัจจัยอันดับต้นๆ ได้แก่ • การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึกหรือนอนน้อยแล้วต้องตื่นเช้า• มีความเครียด วิตกกังวลอารมณ์ฉุนเฉียว โมโห และเหนื่อยล้า• ดื่มน้ำน้อยเกินไป• ร่างกายขาดสารอาหารประเภทวิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก หรือกรดโฟลิก• การกินอาหารรสจัดมาก เช่น รสเปรี้ยว รสหวาน รสเค็ม ฯลฯ รวมทั้งอาหารมันและของทอดบ่อยๆ• การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโดยเฉพาะในผู้หญิง อาทิ ช่วงมีประจำเดือน กำลังตั้งครรภ์• ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่• ร่างกายมีอาการร้อนในอยู่ เมื่อไปกัดโดนหรือแปรงฟันกระแทกแล้วเกิดแผลก็จะลามกลายเป็นแผลร้อนในได้• การจัดฟันหรือการใส่ฟันปลอมก็มีส่วนทำให้เกิดแผลร้อนในได้เช่นกันหากร่างกายมีอาการร้อนใน นอกจากนี้ในช่วงที่มีอาการร้อนในนั้นร่างกายจะมีภูมิต้านทานลดลง ดังนั้น สำหรับบางคนจึงอาจมีอาการ อื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บคอ เป็นไข้ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ฯลฯวิธีรักษาอาการร้อนใน1 หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด ของมัน ของทอด ของหมักดอง ขนมกรุบกรอบ คุกกี้ รวมถึงผลไม้ เช่น ลำไย ทุเรียน มะม่วงและข้าวเหนียว เงาะ ขนุน ละมุด องุ่น ลิ้นจี่ ฯลฯ เพราะอาหารเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดความร้อนสะสมในร่างกาย2 งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แล้วให้ดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดแทนในกรณีที่ดื่มน้ำน้อย เพราะน้ำจะช่วยลดการก่อตัวของแผลและบรรเทาอาการของแผลร้อนในได้ดี3 กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนซึ่งจะช่วยสร้างภูมิต้านทานเชื้อโรค4 พยายามรักษาความสะอาดในช่องปากให้มากขึ้น ถ้าแปรงฟันหลังอาหารได้ทุกครั้งก็จะดีเพื่อลดจำนวนแบคทีเรียในช่องปาก5 บ้วนปากด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือทุกเช้าเย็น จะช่วยบรรเทาอาการแสบร้อน ช่องปากสะอาดและสดชื่นขึ้น และทำให้แบคทีเรียในช่องปากลดลง6 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หาทางผ่อนคลาย ลดความเครียดลงโดยการออกกำลังกายบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมาชึ่งช่วยลดความเครียดได้ และยังเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายด้วย7 เน้นกินอาหารที่มีรสเย็น เช่น มะระ ชะอม ถั่วเขียว ผักกาดขาว ปวยเล้ง แตงกวา ตำลึง ฟักเขียว หัวไชเท้า มะเฟือง แตงไทย ลองกอง ส้มโอ อ้อย มังคุด มะตูม เก๊กฮวย กระเจี๊ยบ รากบัว ใบบัวบก ฯลฯ เหล่านี้จะช่วยแก้ร้อนในและกระหายน้ำได้ดีทั้งนี้หากมีอาการร้อนในไม่มากวิธีการรักษาที่กล่าวมาก็ใช้รักษาให้หายได้ โดยไม่ต้องใช้ยาป้ายแก้แผลร้อนใน เนื่องจากยากลุ่มนี้มักมีสารสเตียรอยด์ผสมอยู่ ถ้าใช้นานๆ จะทำให้แผลร้อนในอักเสบมากกว่าเดิม นอกจากนี้ปกติอาการร้อนในจะเป็นอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก็สามารถหายได้เอง แต่ถ้ายังไม่หายควรไปพบแพทย์ เพราะอาจมีการติดเชื้อเกิดขึ้นได้บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ "โรคภัยใกล้ตัว" ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a และ b ต่างกันอย่างไร?...เข้าใจเมื่อต้องเป็นเสียเอง ใส่ใจ”อาการท้องผูก”สักนิด…เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เมื่อฉันเส้นเลือดในสมองแตก ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดีอยู่เสมอ เมื่อไส้ติ่งของฉัน “เรียกร้องความสนใจ!!” ต้องผ่าตัดแบบไม่ทันตั้งตัว