เคล็ดลับสุขภาพ เรื่องน่ารู้ September 27, 2016 Share 0 Tweet Pin 0 ลบความเชื่อเก่าๆ ตากระตุกไม่ใช่ลางร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนภัย สุขภาพทรุด!! ความเชื่อเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน เช่น หลายๆ คนมีความเชื่อว่าถ้าตากระตุกแปลว่าเป็นลางร้าย "ขวาร้ายซ้ายดี" แล้วถ้ากระตุกขวาที ซ้ายทีล่ะ จะดีหรือร้ายกันแน่ วันนี้เราจึงหาบทความวิจัยมาไขข้อข้องใจซะเลย ว่าอาการตากระตุกเกิดจากอะไร และทำไมเราต้องใส่ใจให้มาก เพราะนั่นอาจจะเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายคุณกำลังแย่ จนต้องประท้วงออกมาให้เห็น ถ้าอยากรู้ตามมาค่ะ ตากระตุกคืออะไรกันแน่?ทางการแพทย์บอกว่า อาการตากระตุกคือ Blepharospasm หรือเมื่อเกิดอาการเรื้อรังจะเรียกว่า Benign essentrial blepharospasm ผลมาจากกล้ามเนื้อตากระตุกทุกๆ 1-2 วินาที จริงๆ แล้วตากระตุกไม่อันตรายและไม่เจ็บปวด แต่คุณอาจจะรำคาญเสียหน่อยและหนักไปกว่านั่นคือทำให้เสียบุคลิกเท่านั้นเอง ส่วนสาเหตุของตากระตุกเกิดได้จาก 9 สาเหตุดังนี้9 สาเหตุที่แท้จริงของ อาการตากระตุก1. ตากระตุกจากภาวะตาล้า เป็นผลพวงมาจากการใช้สายตามากเกินไป ใครที่ชอบจ้องจอคอมนานๆ หรือจ้องสมาร์ทโฟนบ่อยๆ มีโอกาสเป็นได้ทั้งนั้น วิธีแก้ก็คือให้ใช้อุ้งมือทั้งสองข้าง ปิดตาห้ามให้แสงเข้า จากนั้นกลอกตาไปมา แล้วลืมตาในความมืด ทำแบบนี้สัก 3 นาที แล้วค่อยๆ ลืมตาในแสงสว่าง แค่นี้ก็ช่วยแก้อาการตากระตุกได้ระดับนึงแล้วจ้า2. ตากระตุกจากความเครียดและความเมื่อยล้า มีหลายคนที่พบว่า ความเครียดที่ส่งผลทำให้เกิดอาการ พลังงานต่ำ ปวดหัว มีปัญหาทางเดินอาหารและทำให้เกิดปัญหาการนอน หลับๆ ตื่นๆ และที่น่าสนใจก็คือสิ่งเหล่านี้แหละที่ส่งผลเชื่อมโยงไปยังการมองเห็น สำหรับวิธีแก้ไขก็ง่าย แสนง่าย นั่นคือ ลดความเครียดลง ฟังดูง่ายแต่ทำยากใช่มั้ยล่ะ จงจำไว้ว่าถ้าไม่อยากให้ร่างกายผิดปกติ จงกำจัดความเครียดออกไปให้ได้ ไม่วิธีใดก็วิธีนึง โอเค๊3. ตากระตุกจากตาแห้ง ผู้สูงอายุมักจะพบปัญหานี้อยู่ไม่น้อย และคุณรู้หรือไม่ว่าสาเหตุของตาแห้งก็มาจากเรื่องรอบๆ ตัวเราทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ ใช้คอมเยอะ สวมคอนแทคเลนส์บ่อยๆ เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความเครียดสูง และการใช้ยาบางชนิดเพื่อรักษาโรค เช่น ยารักษาโรคซึมเศร้า หรือยาลดการระคายเคือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดอาการตากระตุกได้เช่นกันจ้า วิธีแก้ก็ง่ายแสนง่าย คือกินฟักทองเข้าไปทดแทนยังไงล่ะ จะต้ม ผัด ทอด ปั่น อะไรก็ได้จัดไป4. ตากระตุกจากขาดสารอาหาร นี่คือสาเหตุสำคัญเลยทีเดียว ถ้าร่างกายขาดสารอาหารหลักก็มักจะเกิดโรคตากระตุก สารอาหารที่เชื่อมโยงกับอาการตากระตุกได้แก่ แมกนีเซียมแคลเซียม โพแทสเซียมและโซเดียม นอกจากนี้ยังมี วิตามินบี12 และวิตามินดี อีกด้วย5. ตากระตุกจากโรคภูมิแพ้ คนที่มีอาการภูมิแพ้ที่ตาก็มีความเสี่ยงทำให้เกิดอาการตากระตุกได้เช่นกัน ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมาล่ะก็ ลองเพิ่มวิตามินซีในแต่ละวันเข้าไปสิ แค่นี้คุณก็ขจัดปัญหากวนใจได้แล้ว6. ตากระตุกจากผลข้างเคียงจากยา ตากระตุกอาจเป็นผลข้างเคียงจากการกินยาตามที่หมอสั่ง เช่น ยาขับปัสสาวะ ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่ควบคุมระดับแคลเซียม ยาแก้คัดจมูกที่มีส่วนผสมของ epinephrine ยารักษาโรคจิตหลายชนิด ถ้าเกิดจากกรณีรับยาเหล่านี้ วิธีแก้ก็คือรักษาโรคต้นเหตุให้หายเสียก่อน7. ตากระตุกจากโรคพาคินสัน นับว่าตากระตุกถือเป็นเรื่องธรรมของโรคพาคินสัน เพราะมันเป็นสัญญาณเตือนของโรคในระยะเริ่มแรก มีงานวิจัยพบว่าผู้ป่วย 112 คน ในโรคพาคินสันมีอาการตากระตุก ถ้าคุณไม่อยากเป็นทั้งพาคินสันและตากระตุกล่ะก็ ง่ายมาก คือหยุดกินสารปรุงแต่งรสชาติทุกชนิด จบนะ8. ตากระตุกจากโรคปลอกประสาทอักเสบ โรคนี้จะมีอาการเสียวซ่าน และกล้ามเนื้ออ่อนแรง นั่นเกิดจากระบบประสาทส่วนกลาง และสามารถนำไปสู่ปัญหาการเคลื่อนไหวเหมือนโรคตากระตุกได้เช่นกัน9. ตากระตุกจากภาวะกล้ามเนื้อบิด เกร็ง โรคนี้เป็นสาเหตุของการเคลื่อนไหวและสาเหตุของตากระตุกนั่นเอง สังเกตให้ดีจะพบว่าสาเหตุมันมาจากความเครียดที่ส่งผลให้เกิดความเป็นกรด ด่าง ในร่างกาย และฮอร์โมนแห่งความเครียดก็ได้ฝังตัวอยู่ในกล้ามเนื้อและดวงตา นั่นเป็นเพราะคนส่วนใหญ่บริโภคน้ำตาล และผลไม้รสหวานที่มากเกินความจำเป็น จึงส่งผลให้ร่างกายเกิดความเป็นกรดยังไงล่ะ เดี๋ยวเราจะมาเล่าเรื่องความหวานส่งผลต่อโรคอะไรบ้างแบบเต็มๆ ทีหลังเห็นมั้ยว่าอาการตากระตุกเป็นเรื่องของกล้ามเนื้อตา ไม่ใช่เรื่องของโชคลางซะทีเดียว สรุปง่ายๆ วิธีป้องกันก็แค่ อย่าบริโภคน้ำตาลและผลไม้รสหวานมากเกินขนาด หมั่นออกกำลังกาย และรักษาความเป็นกรด ด่างในร่างกายให้สมดุลด้วยการไม่เครียด ฟังดูเหมือนง่ายเนอะ! แต่ถ้าเราอยากหาย เราต้องทำให้ได้ อาการตากระตุกเป็นความผิดปกติของร่างกายที่ไม่ร้ายแรงแต่เราก็อย่าปล่อยปละละเลยจนไม่ใส่ใจเพราะมันอาจทำให้รำคายและเสียบุคลิกได้ใครที่เห็นว่าบทความนี้ดีมีประโยชน์จงแชร์วนไปเลยค่ะ ถ้าได้ผลยังไงอย่าลืมทักทายและเล่าสู่กันฟังนะคะที่มา: https://www.detsood.com/6548-content/บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้...คู่สุขภาพดี 140 เหตุผลที่คนต้องเลิกกิน “น้ำตาล” เพราะมันคือยาพิษ “มันฝรั่งทอดกรอบ” อาหารขยะ ไม่มีประโยชน์ เสี่ยงสารก่อมะเร็งสุดๆ คนป่วยมีเฮ! “กระเจี๊ยบเขียว” บำบัดโรคซึมเศร้าได้เทียบเท่ายา แค่อาบน้ำร้อน (อบซาวน่า)…ช่วยเบิร์นไขมัน เท่าๆกับออกกำลังกาย จริงหรือ?