free web tracker, fire_lady วิธีรักษาสิวอุดตัน..กำจัดสิว เพื่อหน้าใสอย่างได้ผล • สุขภาพดี

วิธีรักษาสิวอุดตัน...กำจัดสิว เพื่อหน้าใสอย่างได้ผล

วิธีรักษา กำจัดสิวอุดตัน

"สิวอุดตัน" สิวเม็ดจิ๋วๆ ที่สร้างปัญหาไม่จิ๋วเหมือนกับชื่อ สำหรับผู้หญิงไม่ว่าอย่างไรก็ตามย่อมรักสวยรักงามอยู่เสมอ อาจจะไม่ต้องแต่งหน้าสวยจัดเต็มทุกวันแต่ขอให้ไม่มีสิวก็เพียงพอ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาหน้าใสไร้สิวเพราะเจ้าสิวอุดตันเนี่ยเกิดได้จากหลายสาเหตุ ถึงแม้ว่ากรรมพันธุ์ผิวหน้าจะดี ไม่มีโรคเรื้อรังหรือฮอร์โมนไม่ผิดปกติจนก่อให้เกิดสิว แต่ด้วยมลภาวะและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็ทำให้เป็นสิวอุดตันได้ง่ายๆ

ปัญหาสิวอุดตันมีผลเสีย?

สิวอุดตัน (Comedones) เป็นสิวที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยอะไรเพราะมีขนาดเล็กและไม่สร้างความเจ็บปวดเหมือนกับสิวอักเสบแต่ทว่าเป็นสิวที่หายเองได้ยากมากๆ สิวสามารถอยู่ติดเกาะหนึบบนใบหน้าไปได้นานแสนนาน และเมื่อบีบ กด หรือหลุดออกไป ก็จะทิ้งหลุมสิวไว้ให้เจ็บใจเล่นๆ อีก ยิ่งสิวอยู่นานเท่าไร หลุมสิวก็จะใหญ่ขึ้นเท่านั้น หากไม่รีบรักษาก็จะทำให้ใบหน้าที่เคยเรียบเนียนเป็นหลุมเป็นบ่อซึ่งจะรักษาให้หายได้ยากมากๆ กว่าหน้าจะดีขึ้นก็เสียเงินไปหลายกันเลยทีเดียว ดังนั้นหากเริ่มเป็นสิวอุดตันควรเริ่มรักษาตั้งแต่แรกๆ เพื่อป้องกันหลุมสิวที่จะเกิดขึ้นค่ะ

สิวอุดตันเกิดจาก?

สิวอุดตันเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุทั้งกรรมพันธุ์รวมไปถึงลักษณะการใช้ชีวิต แต่โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งสาเหตุการเกิดสิวอุดตันได้ 2 ประเภท ดังนี้

1. ปัจจัยภายใน ปัจจัยเหล่านี้เกิดขึ้นจากร่างกายของเราเอง เช่น กรรมพันธุ์ โรคเรื้อรัง การตอบสนองต่อฮอร์โมนภายในร่างกาย ระดับฮอร์โมน ลักษณะผิวพรรณ เป็นต้น สำหรับฮอร์โมน ในช่วงอายุประมาณ 11-14 ปี ร่างกายจะมีการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ฮอร์โมนชนิดนี้มีฤทธิ์ไปกระตุ้นการสร้างไขมันของต่อมไขมัน จึงพบว่าวัยรุ่นจะเริ่มเป็นสิวกันมากในช่วงอายุเท่านี้และอาจจะเป็นต่อไปได้อีกหลายปี ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากเป็นสิวและรักษาสิวจนหายดีแล้วก็จะกลับมาเป็นสิวอีก จะต้องรักษาและดูแลสุขภาพผิวไปตลอดชีวิต

2. ปัจจัยภายนอก เป็นปัจจัยที่เกิดภายนอกร่างกาย เช่น เครื่องสำอาง แสงแดด อากาศร้อนหรือเย็นเกินไป อาหารบางชนิด ยารักษาโรค ยาคุมกำเนิด ครีมบำรุงผิว ความเครียด เป็นต้น ทั้งนี้รวมไปถึงอุปนิสัยบางอย่างเช่น การไม่ชอบล้างมือแล้วชอบสัมผัสใบหน้า ชอบแคะ แกะ เกา บีบสิว การใช้กระดาษซับหน้ามันทั้งวัน การล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด ล้างหน้ารุนแรง ล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือไม่ชอบเปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเหล่านี้เป็นปัจจัยที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ หากใครเป็นสิวจากสาเหตุพวกนี้เมื่อรักษาหายแล้ว แค่หลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ สิวก็จะไม่กลับมาเยี่ยมเยียนอีก ไม่จำเป็นต้องคอยรักษาสิวไปตลอด

 บริเวณที่มักเกิดสิวอุดตัน

สิว มักจะเกิดในบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่ปริมาณ เช่น ใบหน้า หลังส่วนบน หัวไหล่ เป็นต้น ต่อมไขมันมีหน้าที่สร้างและขับไขมันออกมาเพื่อรักษาสภาพผิวให้ชุ่มชื่น แต่ถ้าต่อมไขมันถูกกระตุ้นด้วยสาเหตุใดๆก็ตามที่กล่าวมาข้างต้น ไขมันก็จะถูกผลิตมากขึ้นและเนื่องจากต่อมไขมันมีรูเปิดเพื่อระบายไขมันเพียงทางเดียว จึงทำให้ไม่สามารถระบายไขมันออกมาได้ทั้งหมด ดังนั้นไขมันส่วนเกินจะตกค้างและสะสมอยู่ในรูขุมขน สุดท้ายก็จะไปจับตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วจนข้นหนืดและกลายเป็นสิวอุดตันไปในที่สุด สิวเมื่ออุดตันในรูขุมขนจะทำให้อยู่มนสภาพไร้ออกซิเจน  ทำให้แบคทีเรียชนิดหนึ่งซึ่งก็คือ โพรพิโอนิแบคทีเรียม เจริญเติบโตได้ดีและจะย่อยสลายไขมัน จนเป็นสาเหตุของสิวอักเสบได้ ส่วนใครที่ชอบแกะ เกา บีบสิว จับสัมผัสใบหน้า สิวอุดตันจะกลายเป็นสิวอักเสบได้มากกว่าเดิม

ชนิดของสิวอุดตัน

1. สิวอุดตันชนิดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (Microcomedone ) เมื่อร่างกายเจริญเติบโตจนเข้าสู่วัยรุ่น ร่างกายจะผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนออกมาซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตไขมันมากขึ้น ไขมันเหล่านั้นก็จะไปกระตุ้นให้ผิวหนังบริเวณนั้นสร้างเคราตินซึ่งจะจับกันแน่นกับไขมัน เรียกว่าไมโครคอมิโดนนั่นเอง ไมโครคอมิโดนนี้สามารถหายไปเองได้ แต่ถ้าหากยังอยู่หรือสะสมมากขึ้นก็จะเป็นสาเหตุของสิวอุดตันและสิวอักเสบต่อไป

2. สิวอุดตันชนิดหัวเปิด (Open comedone) หรือสิวหัวดำ สิวชนิดนี้จะมีหัวสีดำหรือเรียกอีกอย่างว่า Black Head หัวสิวที่มีสีดำก็เพราะว่าไปทำปฏิกิริยากับออกซิเจนภายนอกจนกลายเป็นสีดำนั่นเอง มีลักษณะเป็นตุ่มนูนเล็กน้อย ภายในหัวสิวประกอบไปด้วยไขมัน เซลล์ผิวหนัง และโพรนิโอนิแบคทีเรียม สิวหัวดำสามารถกดออกได้แต่ควรทำด้วยผู้เชี่ยวชาญ ไม่อย่างนั้นสิวอาจจะเกิดการอักเสบตามมาได้

3. สิวอุดตันชนิดหัวปิด (Closed comedone) หรือสิวหัวขาว สิวหัวปิดจะไม่มีหัวแบบสิวหัวเปิด มีลักษณะเป็นไขมันที่สะสมอยู่ในต่อมไขมันและรูขุมขนแต่ท่อเปิดเล็กมากๆ จะมองเห็นไม่ค่อยชัดเนื่องจากมีขนาดเล็กและมีสีเดียวกับผิวหนัง แต่จะนูนเล็กน้อยหากใช้มือลูบจะรู้สึกผิวหน้าไม่เรียบ ห้ามบีบโดยเด็ดขาดเพราะรูเปิดมันมีขนาดเล็กจนออกไม่ได้ทำให้ไขมันถูกดันกลับไปทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียงจนอาจจะอักเสบได้ สิวหัวเปิดสวนใหญ่มักจะกลายเป็นสิวอักเสบในภายหลัง

ชนิดของสิวอุดตัน

9 วิธีรักษาสิวอุดตัน เนรมิตหน้าใสด้วยตัวคุณเอง

สำหรับการรักษาสิวอุดตันนั้นมีหลายวิธี สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ซึ่งมีทั้งรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ รักษาด้วยยาและรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ อย่างไรก็ตามควรเริ่มรักษาด้วยวิธีพื้นฐานที่สุดก่อนซึ่งก็คือการดูแลรักษาความสะอาด หากปัญหาสิวยังไม่ดีขึ้นก็สามารถพิจารณารักษาด้วยวิธีใหม่ วิธีรักษาสิวมีอะไรบ้าง ดังนี้ค่ะ

1. การรักษาความสะอาด โดยเริ่มจากการดูแลตัวเองก่อน สำหรับการทำความสะอาดผิวหนังและการใช้เครื่องสำอาง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว มีน้ำหอมและแอลกอฮอล์ให้น้อยที่สุด หลังแต่งหน้าต้องล้างหน้าให้สะอาดและไม่ควรแต่งหน้าทุกวันเพื่อให้ผิวได้พักบ้าง การล้างหน้าไม่ควรถูรุนแรงและไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกิน เพราะเมื่อผิวแห้งต่อมไขมันที่ใบหน้าจะสร้างไขมันออกมามากกว่าเดิม ยิ่งล้างยิ่งสร้าง ทำให้เป็นสิวมมากขึ้นค่ะ ดังนั้นล้างหน้าแค่เช้าและเย็นแค่สองครั้งก็เพียงพอ ในคนที่เป็นสิวห้ามแคะ แกะ เกา บีบสิวเด็ดขาว รวมถึงพยายามสัมผัสใบหน้าให้น้อยที่สุด เพราะมืออาจจะสกปรกทำให้เกิดสิวมากขึ้นหรืออาจจะทำให้สิวอักเสบกลายเป็นสิวอุดตันได้ นอกจากใบหน้าที่ต้องรักษาความสะอาดแล้ว ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนก็ต้องใส่ใจเช่นกัน เปลี่ยนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมฝุ่น ไร เชื้อโรคต่างๆ ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว

2. ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตประจำวัน ลดอาหารประเภทของมัน ของทอด ของหวาน เนื่องจากมีงานวิจัยพื้นฐานว่าอาหารกลุ่มนี้ทำให้เป็นสิวง่ายขึ้น อีกทั้งเป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่แล้ว หากสามารถทานแต่น้อยหรือหลีกเลี่ยงได้ก็จะดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ จากนั้นก็เลือกรับประทานอาหาร ทานผักผลไม้เยอะๆ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ อออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสถานที่อับชื้น ฝุ่นเยอะหรือมีมลพิษมากๆ หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยการทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนเผชิญกับแสงแดดและรักษาใบหน้าไม่ให้มันจนเกินไปด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA หากทำมาทั้งหมดแล้วยังไม่ดีขึ้นอาจจะต้องไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีที่รักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ

3ใช้ยาในกลุ่มเบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) ยาชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในกลุ่มคนที่เคยรักษาสิว ยาชนิดนี้มีหลายยี่ห้อ เช่น Benzac AC,PanOxyI,ACNEXYL เป็นต้น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดสิวอุดตันได้ปานกลาง โดยยานี้จะช่วยลดปริมาณไขมันที่หน้า ช่วยละลายหัวสิวทำให้สิวหลุดออกมาได้ง่าย จึงลดการอุดตันที่ต่อมไขมันได้ สำหรับวิธีใช้ยาคือ นำมายามาทาให้ทั่วใบหน้าก่อนจะล้างหน้าโดยทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทาวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็นหรือก่อนนอน ตัวยามีความเข้มข้นหลายระดับ สำหรับผู้เริ่มใช้ควรเลือกที่ความเข้มข้นต่ำสุดก่อนซึ่งก็คือ 2.5% เพื่อลดโอกาสแพ้และป้องกันผิวระคายเคือง เมื่อทายาอาจจะรู้สึกคันที่ผิวหน้ายุบยิบ ไม่ต้องกังวล ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับการใช้ยานี้ค่ะ และเมื่อใช้ยาจนผิวเริ่มชินกับยาแล้วสามารถเลือกยามี่ความเข้มข้นสูงกว่านี้ได้ค่ะ

4. ใช้ยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ยาชนิดนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดีเช่นกัน หลายๆ คนอาจจะรู้จักในชื่อยาละลายสิวอุดตัน ตัวยาเป็นสารสกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ มีคุณสมบัติเป็นกรด ช่วยละลายไขมันอุดตัน ทำให้สิวอ่อนตัวและหลุดง่าย จึงช่วยลดสิวสิวอุดตันได้เป็นอย่างดี สำหรับยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักกันมากคือ เรตินเอ มีลักษณะเป็นเนื้อครีมข้นๆ สีขาว ส่วนวิธีการใช้ยาคือ ควรใช้ยาหลังล้างก่อนเข้านอนโดยทายาบางๆ ทิ้งไว้ หากเพิ่มเริ่มหรือรู้สึกแสบๆ ที่ใบหน้าควรทาทิ้งไว้แค่ 10-15 นาที แต่ถ้าหากไม่รู้สึกอะไรสามารถทาทิ้งไว้ตลอดทั้งคืนได้ค่ะ หลังทาครีมควรปิดไฟและงดเล่นโทรศัพท์เพราะยานี้จะทำให้ผิวไวต่อแสงมากๆ สำหรับผลข้างเคียงก็อาจจะทำให้ผิวแห้ง แสบ แดงและผิวลอกได้ ดังนั้นควรใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนังและห้ามสตรีมีครรภ์ใช้ยานี้เด็ดขาดเนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ ตัวยามีความเข้มข้นหลายระดับเช่นเดียวกับยากลุ่มแรก ดังนั้นในผู้ที่เริ่มใช้ยาควรเลือกแบบความเข้มข้นต่ำที่สุดก่อนแล้วค่อยเพิ่มระดับความเข้มข้นทีหลัง เมื่อเริ่มใช้ยาในบางรายอาจจะมีการสิวเห่อได้แต่จะดีขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาต่อมา สำหรับใครที่ใช้ยานี้ในเวลากลางวันอย่าลืมทาครีมกันแดดนะคะเพราะผิวจะไวต่อแสง ไม่อย่างนั้นผิวจะไหม้ได้ค่ะ

5. ใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม AHA และ BHA สำหรับใครที่ใช้ยาสองกลุ่มแรกแล้วแพ้ ยากลุ่มนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ โดย AHA จะช่วยกำจัดและผลัดเซลล์ผิวที่ตาย ส่วน BHA จะช่วยละลายไขมันที่อุดตันตามรูขุมขนออกได้ ส่วนผลลัพธ์จะเห็นได้ช้ากว่ายาสองประเภทแรก แต่ผลข้างเคียงจะน้อยกว่ามาก มีหลายชนิดให้เลือกใช้ทั้งเจล ครีมและโลชั่น หากใช้ควบคู่กันเป็นประจำก็จะช่วยให้สิวอุดตันลดลง และไม่ทำให้เกิดสิวอุดตันใหม่ๆ ด้วยค่ะ

6. การกดสิว ใครที่ใจร้อนอยากให้สิวหายเร็วๆ หลายคนอาจะเลือกวิธีนี้ เพราะสามารถกำจัดออกไปได้ทันที แต่การกดสิวไม่ควรกดเอง ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพราะการกด หากกดสิวผิดวิธี สิวอาจจะไม่ออกจนกลายเป็นสิวอักเสบ ผิวหนังบริเวณที่ถูกกดเป็นแผลและอาจจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้ แต่วิธีนี้จะใช้ได้กับผู้ที่เป็นสิวหัวเปิดเท่านั้น ส่วนวิธีการกด ผู้ที่กดจะเริ่มจิ้มเปิดหัวสิวด้วยเข็มปลอดเชื้อ จากนั้นใช้ที่กดสิวกดครอบหัวสิวให้ออกในทิศทางที่เหมาะสม การกดโดยผู้ชาญผิวจะไม่ช้ำมาก สามารถบำรุงให้กลับมาแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว

7. การรับประทานยารักษาสิวอุดตัน ยาทานสำหรับรักษาสิวอุดตันจะเป็นยาในกลุ่ม Retinoid ซึ่งมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวที่เป็นอยู่ โดยยาจะไปลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผลิตไขมันได้น้อยลง จึงช่วยลดการสะสมและอุดตันของไขมัน เมื่อไขมันไม่ถูกผลิต สิวก็จะไม่เกิด แต่ยานี้มีผลข้างเคียงค่อนข้างมากเช่น ตาพล่ามัว ใบหน้าแห้ง ปากแห้งและแตก ปวดตามข้อต่างๆ ดังนั้นจึงไม่ควรไปซื้อยามารับประทานเอง ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้นเพราะแพทย์จะให้คำแนะนำที่เหมาะทั้งขนาดโดสยา การปฏิบัติตนขณะทานยาและหลังรับประทานยา การรับมือกับผลข้างเคียงต่างๆ เป็นต้น สำหรับใครที่กำลังตั้งครรภ์ห้ามทานยาประเภทนี้โดยเด็ดขาด

8. การเลเซอร์รักษาสิวอุดตัน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวอุดตันอยู่เยอะรวมทั้งผู้ที่เป็นสิวอุดตันแบบอยู่ลึกลงไปในผิวหนังโดยไม่สามารถกดออกมาได้ การเลเซอร์จะทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เป็นการรักษาสิวที่ได้ผลค่อนข้างดีและรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ทิ้งรอยแผลเป็นและไม่มีเลือดออกอีกด้วย

9. การผลัดเซลล์ผิว เป็นลอกเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้หัวสิวหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น การลอกผิวจะทำให้โดยใช้น้ำยาเคมี โดยน้ำยาเคมีที่นิยมนำมาใช้ลอกเช่น AHA, BHA หรือ TCA เป็นต้น

ในขณะที่กำลังรักษาสิวอยู่ไม่ควรแต่งหน้าหรือใช้ครีมบำรุงอะไรโดยไม่จำเป็นนอกจากครีมกันแดดในช่วงตอนกลางวันเท่านั้น เพราะจะทำให้สิวอุดตันมากกว่าเดิม หากใบหน้าแห้งมากๆ จนต้องการการบำรุง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบเจลใสๆ เท่านั้นเพื่อป้องกันการอุดตัน ไม่อย่างงั้นอาจจะรักษาสิวไม่ได้ผลค่ะ

การรักษาสิวอุดตันด้วยสมุนไพร 3 ชนิด

1. หอมแดง หอมแดงจัดเป็นผักสวนครัวที่บ้านต้องมีติดไว้แน่นอน ซึ่งนอกจากจะทำมาประกอบอาหารได้แล้ว หอมแดงยังนำมาใช้รักษาสิวได้ด้วย เพราะในหอมแดงมีสารเพคตินมีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ส่วนวิธีการรักษาด้วยหอมแดงทำได้ง่ายๆ เพียงหั่นหอมแดงเป็นแว่นบางๆ ขยี้ๆ เล็กน้อยให้น้ำหอมแดงออกมาแล้วนำมาทาแปะหรือทาบางในบริเวณที่เป็นสิวโดยหลีกเลี่ยงบริเวณริมฝีปากและรอบดวงตา ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด การรักษาสิวด้วยหอมแดงผลลัพธ์ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ หากทำอย่างสม่ำเสมอ สิวจะยุบลง บางหัวก็อาจจะโผล่ออกมาจากผิวหนังและสะกิดออกได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดรายดำรายแดงจากการบีบสิวอีกด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่เคยทำมาก่อน ควรทดสอบการแพ้ด้วยการนำหอมแดงไปทาที่ท้องแขนก่อน หากไม่มีอาการแพ้ใดๆ ก็สามารถนำมารักษาสิวได้เลยค่ะ

การใช้หอมแดงรักษาสิว

2. น้ำผึ้ง น้ำผึ้งแท้มีความเข้มข้นสูงจึงมีคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ทุกชนิดรวมทั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวด้วย การรักษาสิวด้วยน้ำผึ้งทำได้โดยการล้างหน้าให้สะอาดก่อนแล้วนำน้ำผึ้งมาพอกหน้าจากนั้นนวดเบาๆประมาณ 3 นาที มือที่จะนวดก็ต้องสะอาดเช่นกัน พอกหน้าทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำอุณหภูมิธรรมดาหรือน้ำเย็นไม่ควรเป็นน้ำอุ่นเพราะจะช่วยกระชับรูขุมขน ควรพอกสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง นอกจากจะช่วยรักษาสิว น้ำผึ้งยังช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นดูสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ

3. มะนาว ในมะนาวมีสาระสำคัญชนิดหนึ่งซึ่งก็คือ AHA มีคุณสมบัติที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ การรักษาสิวอุดตันด้วยมะนาวทำได้หลายวิธี เช่น ผสมน้ำมะนาวเล็กน้อยลงในน้ำเปล่าแล้วใช้น้ำนั้นมาล้างหน้าเช้าเย็น สามารถทำเป็นประจำได้โดยไม่ส่งผลเสียใดๆ เพียงแต่ระมัดระวังปริมาณน้ำมะนาวที่จะใช้ผสมเท่านั้น หากใครใจร้อนก็สามารถนำสำลีก้านจุ่มน้ำมะนาวแล้วมาทาบางๆ ในบริเวณหัวสิว สิวจะยุบ อ่อนตัวลงและหลุดออกมาในที่สุดค่ะ หรือถ้าใครลองทาด้วยน้ำมะนาวแล้วแสบหน้าก็สามารถนำมะนาวมาผสมกับดินสอพองแล้วทำมาแต้มเป็นจุดๆ ในบริเวณที่เป็นสิวอุดตันได้เช่น ดินสอพองจะช่วยลดอาการแสบผิวลงค่ะ

ปฏิบัติอย่างไร ไม่ให้เกิดสิวอุดตันอีก

เมื่อเสียเวลา เสียเงินเสียทองให้สิวอุดตันกันไปมากมาย หากรักษากันหายแล้ว สาวๆ คงไม่อยากกลับมาเป็นกันอีกใช่มั้ยละคะ ดังนั้นมาดูวิธีป้องกันการกลับมาของสิวอุดตันกันดีกว่ามีอะไรกันบ้าง

1. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างหน้า ควรเลือกแบบปราศจากน้ำหอม สีและแอลกอฮอล์ โดยเลือกแบบอ่อนโยนกับผิวมากที่สุดและเหมาะสมกับสภาพผิวหน้า

2. การแต่งหน้า ไม่ควรแต่งหน้าทิ้งไว้นานมากเกินไป หลังเสร็จธุระควรรีบล้างทำสะอาดใบหน้าทันทีตามด้วยการบำรุงผิวเพื่อให้ผิวได้พักผ่อนจากการแต่งหน้าค่ะ

3. ผิวหน้ามันมาก คนที่ผิวมันมากๆ ไม่ควรล้างหน้าบ่อยหรือใช้กระดาษซับหน้ามันตลอดทั้งวัน เพราะต่อมไขมันจะเข้าใจว่าใบหน้าแห้งจนเกินไป ก็จะผลิตน้ำมันและไขมันจนเป็นสาเหตุของการอุดตันในที่สุด

4. ครีมบำรุงผิว ควรเลือกชนิดที่ไม่มีน้ำมัน ไม่มีฮอร์โมนผสม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือมีกลิ่นฉุน

5. หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว เช่นอาหารรสจัด อาหารหวาน อาหารประเภททอดและอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน

6. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ไม่กดหรือบีบสิวเอง นอกจากนี้ควรดูแลตัวเองในด้านอื่นๆ เช่น ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากร่างกายแข็งแรงมาจากข้างใน สุขภาพผิวจะดีตามไปด้วยค่ะ

ก็จบกันไปแล้วนะคะสำหรับการแก้ปัญหาสิวอุดตัน ปัญหาที่กวนใจใครหลายๆ คน สำหรับใครที่กำลังประสบกับปัญหานี้อยู่สามารถเลือกนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม  และเมื่อรักษาจนใบหน้าหายดีแล้ว ก็ควรดูแลใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ อย่าละเลยการดูแลตัวเองเพราะสิวจะกลับมาเป็นอีกได้ค่ะ