"ลดไขมันเฉพาะส่วน" ทำได้จริงหรือแค่มโน?

เคยได้ยินเรื่อง “ลดไขมันเฉพาะส่วน” กันมาบ้างหรือเปล่าคะ เชื่อว่าหลายคนที่คิดจะลดน้ำหนักต้องเคยได้ยินกันมาบ้างอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะจากการลดด้วยตัวเองหรือจากการกินยาลดความอ้วนก็ตาม เหมือนๆกับความเชื่อที่ว่า ผู้หญิงเดินมากๆ น่องจะใหญ่ หรือกินอิ่มปุ๊บแล้วนั่งเลย ไขมันจะไปกองที่ก้นจนก้นใหญ่ วันนี้เราจะมาล้วงลึกหาคำตอบเกี่ยวกับกลไกการสะสมและกำจัดไขมันกันว่าเป็นอย่างไร จะลดไขมันเฉพาะส่วนได้จริงหรือไม่ เชิญมาหาคำตอบกันได้เลยค่ะ

ไขมัน เป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายจะสะสมเก็บไว้ในเป็นพลังงานสำรองในยามที่ขาดแคลนสารอาหาร ถ้ามองในมุมนี้ก็จะเห็นว่าไขมันเป็นพลังงานที่สำคัญมากที่จะช่วยให้เราไม่ตายถ้าต้องเผชิญกับสภาวะอดอยาก เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นภาพเด็กที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดารมากๆ จนตัวผอมแห้ง เห็นซี่โครงจนครบทุกซี่ แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ นั่นเป็นเพราะยังมีพลังงานจากไขมันที่ร่างกายสามารถดึงมาใช้ได้อยู่ แต่สำหรับในคนปกติทั่วไป ที่ยังมีอาหารกินตามปกติ หากได้รับพลังงานมากเกินไป ร่างกายจะแปรเปลี่ยนพลังงานเหล่านั้นมาเป็นไขมันแล้วสะสมตามจุดต่างๆ ในร่างกาย

ไขมันจะจะสะสมกระจายกันไปทั่วร่างกาย โดยในผู้ชายจะสะสมที่พุงก่อน จากกนั้นก็เอว หลังและต้นขาตามลำดับ ส่วนผู้หญิงจะสะสมที่เอวก่อน ตามมาด้วยพุง แขนขาและส่วนอื่นตามลำดับ ซึ่งเรื่องนี้เกิดจากความแตกต่างทางด้านพันธุกรรมของร่างกาย และเมื่อต้องนำไขมันมาใช้ ร่างกายจะนำไขมันตรงส่วนที่สะสมที่หลังสุดมาใช้ก่อน จึงจะสังเกตได้ว่า ถึงแม้แขนขาจะเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่พุงและเอวจะยังอยู่ ทำให้เราต้องขมักเขม้นกันต่อไปจึงจะลดไขมันตรงส่วนนี้ได้ 

การลดไขมันเฉพาะทำได้จริงหรือไม่? คำตอบคือ ไม่ได้ค่ะ เรื่องนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดและคลาดเคลื่อนไปจากความจริงมาก เพราะร่างกายของเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะลดน้ำหนักตรงจุดไหน ดังนั้นบรรดายาลดน้ำหนักทั้งหลายที่โฆษณาสรรพคุณว่าลดแขน ลดหน้า ลดหน้าท้องหรือส่วนอื่นๆ ที่ตามใจนั้น มันเป็นโฆษณาที่เกินจริงเพราะแม้กระทั่งการออกกำลังกาย ยังกำจัดไขมันเฉพาะส่วนไม่ได้เลยค่ะ

เมื่อลดน้ำหนักแล้ว เปอร์เซ็นต์ไขมันจะลดลงทั่วทั้งร่างกาย ลองสังเกตดูกันได้ว่า หากน้ำหนักหายไปสัก 5-10 กิโลกรัม ใบหน้าจะเล็กลงอย่างชัดเจน จะเห็นกรอบหน้าชัดขึ้น แน่นอนว่าเราคงไม่ได้ใช้ใบหน้าออกกำลังกายใช่ไหมละคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมถึงมีการออกกำลังกายเฉพาะส่วน ข้อนี้สามารถอธิบายได้ดังนี้ค่ะ

บางคนอาจจะสงสัยว่าถ้าลดไขมันเฉพาะส่วนไม่ได้ ทำไมถึงมีการออกกำลังกายแบบเฉพาะส่วน แถมออกตามยังลดสัดส่วนเฉพาะจุดได้ด้วย นั้นก็เพราะว่าเราลดไขมันไม่ได้ แต่เราสร้างกล้ามเนื้อมาทดแทนตรงจุดนั้นได้ค่ะ พอมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น สัดส่วนตรงนั้นจะกระชับมากขึ้น ได้รูปสวยงาม หลายคนจึงเข้าใจว่าลดไขมันเฉพาะจุดได้นั่นเอง ความเชื่อนี้จึงเป็นความเชื่อที่สับสนระหว่าง “การลดไขมันเฉพาะส่วน” กับ “การสร้างกล้ามเนื้อไปทดแทนไขมัน” ค่ะ ซึ่งที่จริงมันก็ไม่ได้ส่งผลเสียมากนัก ถ้าเราไม่มุ่งเน้นการลดไขมันเฉพาะจุดมากเกินไป จนต้องพึ่งพายาลดน้ำหนัก เพราะหากเราเชื่อแบบนี้มันก็เหมือนให้ผลลัพธ์ทางใจ เหมือนกันจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ช่วยให้มีความสุขในการออกกำลังกาย

การจะลดความอ้วนโดยการพยายามกำจัดไขมันเพียงอย่างเดียวนั้น ดูจะไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องมากนัก เพราะความสามารถในการเผาผลาญพลังงานในกิจกรรมปกติของร่างกายนั้นมาจากการมีกล้ามเนื้อในสัดส่วนที่มากพอสมควร ถ้าควบคุมอาหารและออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแค่อย่างเดียวโดยไม่สร้างกล้ามเนื้อเลย น้ำหนักอาจจะลดลงจริง ทานน้อยลงจริง แต่การเผาผลาญก็จะน้อยลงตามไปด้วย หากเป็นเช่นนี้ติดต่อกันไปนานเข้าจนร่างกายไม่สามารถอดทนได้ สมองเราจะถูกกระตุ้นให้หิวมากขึ้น กินมากขึ้น และเมื่อกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นได้แถมลดลงยากมาก หรือที่เราเรียกกันว่า “โยโย่เอฟเฟค” นั่นเองค่ะ

สรุปได้ว่าการสะสมและกำจัดไขมันออกจากร่างกายนั้น เราไม่สามารถสั่งได้ ร่างกายจะเป็นผู้สั่งเองตามความแตกต่างของพันธุกรรม การรีดไขมันเฉพาะส่วนจึงไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะลดเองหรือกินยาลดน้ำหนักก็ตาม การควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว ทำให้น้ำหนักลดได้จริง แต่เมื่อไม่มีการเพิ่มขึ้นของกล้ามเนื้อ ร่างกายสามารถกลับมาอ้วนได้จากภาวะโยโย่เอฟเฟค แต่ถ้าอ้วนแล้วออกกำลังกายโดยไม่ได้ควบคุมอาหาร กล้ามเนื้อก็จะเพิ่มขึ้น แต่จะดูหนาตันแทนเพราะไขมันก็ยังอยู่ ดังนั้นการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดคือ ควบคุมอาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย โดยจะต้องออกทั้งแบบเวทเทรนนิ่งและคาร์ดิโอค่ะ ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยวินัยและความพยามอย่างสูง เพราะอาจต้องใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้นจึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนลดน้ำหนักได้สำเร็จดังใจหวังค่ะ

เรียบเรียงข้อมูลโดย เว็บsukkaphap-d.com