free web tracker, fire_lady 16 วิธีแก้ริมฝีปากแห้งแตก...ใครไม่อยากปากแห้งจนลอกเป็นขุย ต้องทำ!!! • สุขภาพดี

16 วิธีแก้ริมฝีปากแห้งแตก...ใครไม่อยากปากแห้งจนลอกเป็นขุย ต้องทำ!!!

วิธีแก้ปากแตก เป็นขุย

"ริมฝีปาก" เป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่สำคัญบนใบหน้า ปากที่นุ่มชุ่มชื่น ทาลิปสติกแล้วไม่ตกร่อง ดูอวบอิ่ม นับเป็นฝันหนึ่งของสาวๆ เลยทีเดียว แต่ว่าด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้บางคนประสบปัญหาปากแห้งแตก บางคนแตกมากจนลอกเป็นแผลเลยทีเดียว ซึ่งสร้างความเจ็บปวดและน่าหงุดหงิดรำคาญใจไม่น้อย ปกติแล้วปัญหาปากแตกมักพบมากในหน้าหนาว เพราะอากาศแห้ง ทำให้ริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย แต่ว่าด้วยพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การเลียริมฝีปาก นั้นทำให้ปากแห้งแตกได้ทั้งปี คงไม่มีใครอยากออกจากบ้านไปโชว์ปากแตกๆ ให้ใครเห็นอย่างแน่นอน ใครที่กำลังประสบปัญหาริมฝีปากแห้งแตก มาดูกันดีกว่า...ว่าวิธีแก้ริมฝีปากแห้งแตก ต้องรักษา หรือดูแลอย่างไร

สาเหตุทำให้ริมฝีปากแห้ง-แตก

1. การเลียริมฝีปาก เป็นพฤติกรรมที่หลายๆ คนทำจนติดเป็นนิสัยเวลาปากแห้ง เพราะมันทำให้รู้สึกว่าปากชุ่มชื่น แต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นเพราะเมื่อเวลาผ่านไปเอนไซม์จากน้ำลายจะดึงความชุ่มชื่นออกไป ความเป็นจริงคือ ยิ่งเลียริมฝีปากยิ่งแห้ง

2. อากาศ เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อริมฝีปากไม่น้อย หากอากาศแห้งและเย็นมากจนเกินไป ผิวริมฝีปากจะขาดความชุ่มชื่น แห้งและแตกได้ง่าย หรือถ้าตากแดดจัดนานๆ ปากก็จะแห้งและคล้ำลงได้เหมือนๆ กับผิวในบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย

3. ดื่มน้ำน้อยเกินไป หากดื่มน้ำไปเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ผิวจะขาดน้ำจนสูญเสียความชุ่มชื่น ไม่ว่าจะผิวหนังหรือผิวบริเวณริมฝีปากก็จะแห้งแตกและหยาบกร้าน

4. ขาดสารอาหาร สารอาหารบางอย่างหากได้รับไม่เพียงพอจะทำให้ผิวแห้งปากแห้งเช่นเดียวกันกับเมื่อร่างกายขาดน้ำ และยังมีอาการอื่นๆ อีกแล้วแต่ว่าขาดสารอาหารชนิดใด เช่น ขาดแคลเซียมนั้นจะทำให้กระดูกเปราะ แตกหักง่าย ฟันผุง่าย ขาดธาตุเหล็ก ทำให้การสร้างเม็ดเลือดแดงไม่ดีเท่าที่ควร อาจจะซีด หรือเป็นโรคโลหิตจาง

5. อาหารบางชนิด มีอาหารบางประเภทที่กระตุ้นให้ปากแห้งได้ง่ายๆ เช่น อบเชย ผลไม้ตระกูลส้ม มะม่วง สะระแหน่ ผักชี ขิง ข่า สัปปะรด สำหรับคนที่แพ้อาหารเหล่านี้ ปากจะแห้งและอักเสบได้ง่ายมากๆ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัดและเปรี้ยวจัด หากจำเป็นต้องทาน แนะนำให้ล้างปากให้สะอาดหลังการทานเสร็จ เพราะความเค็มและความเป็นกรดจะไปทำลายความชุ่มชื้นของริมฝีปากนั่นเอง

6. อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะชุ่มชื่นน้อยลงเพราะต่อมไขมันและต่อมเหงื่อทำงานได้ไม่ดีเท่าเดิม น้ำลายก็ผลิตน้อยลง จนทำให้ปากแห้งได้ง่ายกว่าคนอายุน้อย

7. ลิปสติก ลิปสติกมีส่วนผสมอยู่หลายชนิดซึ่งบางชนิดอาจจะทำให้ริมฝีปากแห้งได้ เช่น สี น้ำหอม สารกันแดด เมนทอล ใครที่ทาลิปสติกแล้วรู้สึกปากแห้งไม่นานหลังจากทา หรือแห้งจนต้องทาลิปสติกบ่อยๆระหว่างวัน สาเหตุอาจจะมาจากลิปสติกที่คุณใช้อยู่นั่นเอง

8. ภูมิแพ้ผิวหนัง ในรายที่เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง นอกจากอาการคัน ผิวลอกตามร่างกายแล้ว อาจจะพบอาการริมฝีปากแห้งและลอกร่วมด้วย

9. ผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาบ้วนปาก ยาสีฟัน หรือสเปรย์ดับกลิ่นปาก หากผสมฟลูออไรด์ในปริมาณสูง รวมไปถึงแอลกอฮอล์ หรือเมนทอลในปริมาณมาก จะทำให้รู้สึกเผ็ดและเย็นซ่า สำหรับบางรายอาจจะเห็นได้ชัดในทันทีหลังใช้ว่าปากแห้งมาก เกิดคราบขาวๆ บริเวณมุมปาก ผิวหนังรอบปากและริมฝีปากลอก

10. โรคบางชนิด เช่น โรคร้อนใน โรคท้องร่วง โรคเหล่านี้เป็นโรคที่ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งทำให้ผิวหนังรวมไปถึงริมฝีปากแห้งผาก หยาบกร้านเพราะขาดน้ำ

11. โรคผิวหนัง ความผิดปกติของผิวหนังและโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคผิวหนังอักเสบ โรคไลเคนพลานัส นอกจากส่งผลกับผิวพรรณแล้ว ยังมีผลทำให้ปากแห้งแตกและระคายเคืองได้จะทำให้ผิวแห้งแล้ว

12. ยารักษาโรค มียารักษาโรคบางชนิดที่มีผลข้างเคียงทำให้ริมฝีปากแห้งและลอกอย่างรุนแรง เช่น เรตินอยด์ วิตามินเอ ยาเคมีบำบัด ยาลิเทียม เป็นต้น

13. สาเหตุอื่นๆ นอกจากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สามาถทำให้ปากแห้งแตกได้ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ภูมิแพ้ชนิดอื่นๆ การกัดเล็บในคนที่ทาน้ำยาทาเล็บหรือต่อเล็บอคิลิคมา

16 วิธีการแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้ง

1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นวิธีที่ง่ายและเบสิคที่สุดแล้ว โดยดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว อย่าดื่มทีละมากๆ ให้ค่อยจิบๆ ตลอดทั้งวัน หากร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ริมฝีปากแห้งแตกน้อยลง ทั้งนี้ไม่นับรวมสำหรับเครื่องดื่มชนิดต่างๆ เช่น นม ชา กาแฟ น้ำอัดลม รวมไปถึงน้ำหวาน น้ำผลไม้กล่อง เพราะไม่ได้ในเรื่องนี้เลย เครื่องดื่มบางอย่างดื่มเข้าไปแล้วกลับทำให้ปากแห้งขึ้นกว่าเก่าได้

2. หยุดเลียริมฝีปาก ใครที่ติดเลียริมฝีปากต้องหยุดทันทีเพราะน้ำลายนั้นทำให้ปากทั้งแห้งทั้งดำ ยิ่งเลียยิ่งอาการแย่ลง หากอยากให้ปากชุ่มชื่นไปทาลิปดีกว่าค่ะ หรือถ้าหากไม่ได้พกลิปมา แนะนำให้ดื่มน้ำหรือใช้น้ำแตะๆ ที่ริมฝีปากบ่อยๆ แก้ขัดได้ดีกว่าการเลียปาก และไม่ทำให้ปากดำด้วย

3. หยุดเกาะแกะริมฝีปาก เช่น การเม้มปาก การแกะเกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลอกริมฝากที่แห้งแตกออก เพราะมันจะทำให้ปากเป็นแผล เมื่อเป็นแผลและไปลอกในที่เดิมซ้ำก็เหมือนสร้างแผลเป็นทับรอยเดิม ปากจึงคล้ำขึ้นได้ง่ายๆ

4. เลือกผลิตภัณฑ์ธรรมชาติในการดูแลช่องปาก เลือกชนิดที่ฟองน้อย ไม่เผ็ดซ่าจนเกิน หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสมุนไพรจะอ่อนโยนต่อผิวริมฝีปากมากกว่า

5. ลิปสติก เลือกลิปสติกชนิดที่ผสมสารสังเคราะห์น้อย ผลข้างเคียงจะน้อยกว่า ใช้ลิปสติกสีอ่อนเพราะเม็ดสีจะน้อยกว่าลิปสติกสีเข้ม

6. ทาลิปปาล์มเป็นประจำ ลิปปาล์มเป็นผู้ช่วยที่สำคัญมากในการรักษาอาการปากแห้ง หาลิปที่เหมาะสมกับตัวเองสักยี่ห้อติดตัวเอาไว้ แล้วทาเมื่อปากแห้ง อาจจะทาซ้ำทุก 3-4 ชั่วโมง เพื่อช่วยไม่ให้ปากสูญเสียความชุ่มชื่นไป สำหรับใครที่ไม่รู้จะใช้ลิปอะไรดี วันนี้เรามีตัวอย่างลิปบาล์มคุณภาพดีๆ มาฝากกัน

ทาลิปปาล์มรักษาริมฝีปากแห้งแตก
  • สีผึ้งแม่เลียบ สีผึ้งในตำนานของสาวๆหลายคน สำหรับการทาแนะนำให้ป้ายสีผึ้งขึ้นมาแล้วบี้ๆ จากนั้น “แตะ” ลงไปที่ริมฝีปากให้ทั่ว ไม่แนะนำให้ใช้วิธีป้ายลงไปและเม้มปากเพราะเนื้อสีผึ้งค่อนข้างหนืดมาก ใครที่ไม่เคยใช้อาจจะรู้สึกลำบากนิดหน่อย กลิ่นหอมแรงแบบโบราณคล้ายๆ กลิ่นธูป แต่ใช้ไปสักพักจะชินเอง ควรทาหนาๆ ก่อนเข้านอนเพียงครั้งเดียว สีผึ้งรีวิวแน่นมากว่าทำให้ปากนุ่มชุ่มชื่นและเปลี่ยนปากดๆ ให้หลับมาเป็นสีชมพูในเวลาไม่นาน ราคาประมาณ 20 บาท หาซื้อได้ตามร้านขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร
  • ลิปมันเภสัช ลิปมันตลับเล็กๆ เนื้อสีชมพู กลิ่นหอมอ่อนๆ ลิปนี้สามารถนำมาใช้ทาได้ตลอดทั้งวัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ ก่อนนอนแนะนำให้โบกหนาๆ ตื่นมาปากจะเนียนนุ่มนุ่มชื่นมาก ใช้ได้ครั้งละเยอะๆ ไม่ต้องกลัวเปลืองเพราะราคาแค่ 10-15 บาทต่อตลับเท่านั้น หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
  • Vasalinelip therapy rosy Lips เป็นลิปกระปุกเล็ก น่ารัก มีหลายสี แนะนำสูตรกลิ่นกุหลาบหอมอ่อนๆ น่าใช้ เนื้อลิปเป็นสีชมพูอ่อน หนืดเล็กน้อย กักเก็บความชุ่มชื่นได้ดี ใช้แล้วปากเป็นสีชมพูอ่อนๆ ดูเป็นสาวสุขภาพดี อันนี้ราคาแพงหน่อย ราคาประมาณ 200 บาท
  • Carmax everyday healing lip balm เป็นอีกหนึ่งลิปที่สาวๆห้องแป้งแห่งพันทิปเค้าแนะนำกัน ว่าช่วยให้ปากไม่แห้งแตก เนียนนุ่มชุ่มชื่น ปรับสภาพสีผิวจากคล้ำๆ มาอมชมพูได้ ลิปนี้คนใช้ครั้งแรกอาจจะไม่ชอบกลิ่นเท่าใดนักเพราะกลิ่นมันคล้ายยาหม่อง แต่ผลลัพธ์ของมันทำเอาลืมกลิ่นไปเลยเชียวล่ะ ลิปนี้ราคาไม่แรงมาก ประมาณตลับละ 150 บาท
  • Mentholatum Lip Pure เป็นลิปแคร์เนื้อแวกซ์ มีหลายกลิ่นให้เลือก หรือจะเลือกสูตรไม่มีกลิ่นก็ได้นะ ลิปนี้จะค่อนข้างมันวาวเมื่อทาช่วงแรกๆ แต่ผ่านไปสักพักปากจะชุ่มชื่นโดยไม่วาวมากเกินไป ลิปมีลักษณะเป็นแท่ง เนื้อลิปไม่แข็งไม่เหลวจนเกินไป ราคาประมาณ 90 บาท

7. สครับปากเป็นประจำ ปากก็เหมือนผิวบริเวณอื่นๆ ที่ดำคล้ำได้รวมไปถึงมีเซลล์ผิวเก่าๆ ที่ดื้อด้านไม่ยอมออกไปเสียโดยดีเกาะอยู่ก็เป็นได้ การสครับปากทำให้ง่ายๆ มีหลายวิธีแต่วิธีที่ง่ายที่สุดคือ การใช้แปรงสีฟันขัดเบาๆ ที่ริมฝีปากหลังแปรงฟันนั่นเอง หรือถ้าหากแปรงทำให้รู้สึกแปลกๆ เราแนะนำให้ไปตักน้ำตาลทรายเนื้อละเอียดๆ มาซักช้อน ผสมน้ำผึ้งแล้วคนจนเข้ากัน นำมาสครับเบาๆ ทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด อย่าลืมบำรุงหลังสครับเสร็จทันทีด้วยล่ะ ควรทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งเท่านั้นเพราะทำบ่อยเกินไป ปากจะแห้งยิ่งกว่าเดิมได้

น้ำตาลขัดริมฝีปากแห้งแตก

8. น้ำมันสกัดจากพืชธรรมชาติ มีน้ำมันสกัดจากพืชหลายชนิดที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวริมฝีปากได้ เช่น น้ำมันโจโจ้บาร์ น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว น้ำมันเมล็ดทานตะวัน โดยหยดน้ำมันลงที่ปลายนิ้วแล้วนำมานวดเบาๆ จนกระทั่งน้ำมันซึมจนหมด ไม่ควรทาก่อนออกแดดเพราะน้ำมันเหล่านี้มันวาวและไม่มีสารป้องกันรังสียูวี ความมันนี้จะดูดซับแสงแดด ปากไม่แห้งแต่ปากจะดำได้ หากต้องการจะทาน้ำมันควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีค่า Spf 15 เป็นอย่างน้อย

ประโยชน์ของน้ำมันมะกอก

9. หลีกเลี่ยงการนอนอ้าปากหายใจ เพราะมันจะทำให้ริมฝีปากสัมผัสกับอากาศอยู่ตลอดเวลา ปากจึงแห้งมากเมื่อตื่นนอนตอนเช้า วิธีแก้คือเปลี่ยนท่านอน ถอดอุปกรณ์ครอบฟันเช่น รีเทนเนอร์ออก หากเป็นหวัดก็ต้องรักษาให้หายเร็วที่สุด หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้ทาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื่นสูงๆ ก่อนจะเข้านอน

10. การสูบบุหรี่และเคี้ยวหมากฝรั่ง การสูบบุหรี่นั้นทำให้มีสารเคมีมาสัมผัสริมฝีปากอยู่เสมอ ส่วนการเคี้ยวหมากฝรั่งนั้น กระตุ้นให้สร้างน้ำลาย ริมฝีปากจึงสัมผัสน้ำลายอยู่เป็นประจำ ทำให้ปากแห้งได้

11. ทาริมฝีปากด้วยเจลว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิว คืนความชุ่มชื่นกับผิว ลองหาเจลว่านหางจระเข้ 100%  ใช้ เป็นอีกวิธีการรักษาปากแห้งแตกด้วยธรรมชาติและปลอดภัยอย่างแน่นอน

12. มาร์คน้ำผึ้ง น้ำผึ้งแท้มีคุณสมบัติช่วยเยียวยาผิว บำรุงผิวที่แห้งเสียให้กลับมาเนียนนุ่ม ใครที่ปากแห้งมากลองนำน้ำผึ้งมาทาบนริมฝีปากทาบางๆ นวดเบาๆ และมาร์คทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นนำผ้าชุ่มชุบน้ำอุ่นเช็ดออกให้สะอาด วิธีนี้สามารถทำบ่อยๆ ได้ ใครที่ปากแห้งจนลอกหรือแตกจนเป็นแผล น้ำผึ้งเป็นยารักษาที่ดีเยี่ยมค่ะ

น้ำผึ้งแก้ปัญหาริมฝีปากแห้งแตก

13. น้ำเกลือ ผสมเกลือเล็กน้อยลงในน้ำอุ่น ใช้สำลีชุบพอหมาดมาเช็ดเบาๆ ช่วยทำให้ปากที่แห้งเป็นขุยหลุดออกไปได้

14. รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี เช่น ผักใบเขียว ข้าวขัดสี ถั่วเปลือกแข็ง วิตามินจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ จะทำให้ผิวพรรณและริมฝีปากดูสดใส สุขภาพดี

15. เปลี่ยนยารักษาโรค หากพิจารณาดูแล้วสาเหตุที่ทำให้ปากแห้งนั้นไม่ได้เกี่ยวการพฤติกรรมการใช้ชีวิตแต่ว่ามาจากยา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาว่าสามารถปรับเปลี่ยนไปเป็นยาประเภทอื่นได้หรือไม่

16. สำรวจสาเหตุที่ทำให้ปากแห้งแตก ถ้าหากทำทุกวิถีทางแล้วปากก็ยังแห้งแตกอยู่ อาจจะหมายความว่าสาเหตุที่ทำให้ปากแห้งไม่ได้มาจากวิถีชีวิตแต่ว่า คุณอาจจะกำลังเจ็บป่วยอยู่ เช่น โรคเบาหวาน โรคคาวาซากิ โรคโจเกรน โรคมาโครไซโตซิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เพราะโรคเหล่านี้ทำให้ปากแห้งแตกได้ง่าย บางโรคนั้นทำให้ปากแตกเรื้อรังได้เลย หากปากแห้งแตกรุนแรงจนไม่สามารถบรรเทาได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

เคล็ดไม่ลับสำหรับคนปากแห้ง

  • พกลิปบาล์มติดตัวตลอดเวลาเพื่อที่จะใช้ได้ทุกครั้งที่ต้องการ เลือกลิปที่ผลิตจากขี้ผึ้งธรรมชาติดีที่สุด แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีน้อยที่สุดและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อส่วนผสมยาวๆที่คุณไม่รู้จัก
  • เมื่อทาลิปบาล์มหรือลิปสติกไม่ควรเม้มปากเพื่อเกลี่ยลิป แต่ให้ใช้ปลายนิ้วหรือพู่กันแทน
  • ลิปบาล์มชนิดตลับ ก่อนใช้ควรล้างมือก่อนเพื่อป้องกันสารสะสมของเชื้อโรค
  • หากอากาศแห้งมากหรือต้องนอนใกล้หน้าต่าง อย่าลืมทาลิปบาล์มทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ลิปทินต์ เพราะมันจะทำให้ปากแตกได้ง่าย ส่วนลิปแมทต์ ก่อนใช้ควรทาลิปบาล์มก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้ปากแห้งจนเกินไป
  • หากต้องเล่นเครื่องดนตรีที่สัมผัวกับริมฝีปากอยู่เสมออย่าง ฟลุต แซกโซโฟน ทรัมเปต ควรทาลิปบาล์มก่อนที่จะเล่น
  • สำหรับเด็กควรใช้ลิบบาล์มชนิดไร้กลิ่น เพราะถ้าหากกลิ่นหอมมากเกินไป อาจจะกระตุ้นให้เด็กๆเลียริมฝีปากมากขึ้น ปากจะแห้งแตกได้ง่าย
  • หากต้องเดินทางไปในพื้นที่ที่อากาศหนาวมากๆ จนควรหน้ากากอนามัยหรือใช้ผ้าคลุมปิดปากเพื่อป้องกันไม่ให้ปากสัมผัสอากาศแห้งและเย็นจัด
  • อย่าสครับหรือขัดถูริมปากด้วยความรุนแรง เพราะปากจะแห้งและแตกง่ายกว่าเดิมสำรวจตัวเองว่าได้รับวิตามินครบถ้วนหรือไม่ เพราะวิตามินบางตัวจำเป็นต่อการซ่อมแซมและบำรุงผิวพรรณ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี เป็นต้น

ไม่น่าเชื่อว่าวิธีรักษาปากแห้งแตกจะมีมากมายขนาดนี้ แถมยังมีเคล็ดลับเด็ดๆ สำหรับดูแลริมฝีปากอีกด้วย ใครปากแตกไม่ว่าจะมากน้อย ลองนำไปใช้ดูกันได้ รับรองว่าไม่ว่าจะฤดูหนาวหรือฤดูไหนๆ ปากคุณสาวๆ จะอิ่มเอิบ ไม่แห้ง ไม่แตก ไม่ลอกอย่างแน่นอนจ้า