free web tracker, fire_lady 7 สมุนไพรแก้ลมพิษ…พิชิตอาการผื่นคัน ยุบทันใจ! • สุขภาพดี

7 สมุนไพรแก้ลมพิษ...พิชิตอาการผื่นคัน ยุบทันใจ!

สมุนไพรแก้ลมพิษ

ลมพิษ” เป็นโรคภูมิแพ้อย่างหนึ่งที่พบกันได้ทุกเพศทุกวัย เชื่อว่าคนมากกว่าครึ่งเคยเป็นลมพิษมาแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งถ้าใครเคยเป็นคงรู้ซึ้งถึงความทรมานในขณะที่ผื่นกำลังขึ้น เรียกว่าคันคะเยอจนอยู่นิ่งๆไม่ได้เลยทีเดียว แต่ว่าลมพิษสามารถบรรเทาได้หลายวิธี รวมทั้งการใช้ยาสมุนไพรที่หาง่ายใกล้ๆ ตัวเรานี่แหละ แต่ก่อนจะพูดถึงสมุนไพรแก้ลมพิษ เรามาทำความรู้จักลมพิษกันก่อนดีกว่าคือโรคอะไร มีสาเหตุมาจากไหน เพื่อจะได้รักษาและป้องกันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

ลมพิษ คือ?

ลมพิษ ( Urticaria ) คือกลุ่มอาการแบบหนึ่ง ที่เกิดจากร่างกายตอบสนองต่อการกระตุ้นจากสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ อาการที่ปรากฏมักจะเป็นอาการคันที่ผิวหนัง มีผื่นขึ้น ผิวหนังบวมนูน ตรงกลางซีดขาว รอบๆ มีผื่นสีแดง แต่ถ้าบางคนมีอาการรุนแรงอาจจะพบอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น แน่นหน้าอก หน้ามืด หลอดลมตีบบวม โดยทั่วไปแล้วอาการคันจากลมพิษจะหายได้เองใน 24 ชั่วโมง

สาเหตุของการเกิดลมพิษ

ลมพิษมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายถูกกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ จนสร้างสารหนึ่งที่ชื่อว่า "สารฮีสตามีน” หรือสารแพ้ออกมาใต้ผิวหนัง เส้นเลือดจะขยายตัว จึงทำให้พลาสมาซึมออกมาจนเกิดผื่นบวมคันขึ้น ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการลมพิษ มีดังนี้

  • อาหาร การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น รสจัด รสเผ็ด อาหารทะเล อาหารหมักดอง รวมไปถึงการดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
  • อุณหภูมิ อากาศที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป
  • การออกกำลังกาย ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น อาจเกิดลมพิษได้ และในคนบางคนจะมีอาการลมพิษขึ้นบริเวณขาได้ ถ้าออกกำลังกายที่ต้องวิ่งมากๆ ในช่วงแรกๆ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อออกกำลังกายบ่อยๆ
  • การสัมผัสสารเคมี เช่น น้ำยาง น้ำยาทำความสะอาด เครื่องสำอาง ยาฆ่าแมลง  
  • สิ่งกระตุ้นจากธรรมชาติ เช่น ฝุ่น ดอกไม้ เกสรดอกไม้ ใยพืช รวมไปการถูกสัตว์มีพิษกัดต่อย ( ผึ้ง ต่อ แตน เป็นต้น)
  • ยารักษาโรค เช่น แอสไพรินและยาปฏิชีวนะ
  • โรค เช่น โรคเชื้อรา โรคไทรอยด์ โรคพยาธิ ไตอักเสบ หูอักเสบ ทอนซิลอักเสบ เป็นต้น
  • สาเหตุอื่นๆ เช่น การกดทับหรือขูดขีดที่ผิวหนัง การแพ้ความเย็น ( น้ำแข้ง น้ำในสระ) การแพ้แสงแดด ความชื้น เหงื่อ น้ำ เป็นต้น และในผู้ที่เป็นลมพิษเรื้อรังส่วนใหญ่ แพทย์ไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้อย่างแน่ชัด

อาการของลมพิษแต่ละชนิด

  • ลมพิษเฉียบพลัน มักจะมีอาการขึ้นอย่างเฉียบพลัน โดยจะมีผื่นบวมนูนขึ้นกระจายไปทั่วผิวหนัง ผื่นนี้จะมีขนาดและลักษณะแตกต่างกันไป เนื้อนูนๆ ตรงกลางจะสีซีดกว่าขอบ ตรงขอบจะแดงจนเห็นชัดเจน มีอาการคันมาก คันตรงไหนผื่นจะขึ้นตรงนั้น อาจจะรู้สึกร้อนซ่าๆ ที่ผิวหนังคล้ายๆ กับมีไข้ โดยปกติแล้วผื่นจะยุบหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าอยากให้ผื่นยุบไวๆ พยายามไม่ไปเกาหรือสัมผัสผิวหนังมาก เพราะยิ่งเกาจะยิ่งลุกลาม
  • ลมพิษเรื้อรัง อาการลมพิษจะปรากฏแบบเป็นๆ หายๆ นานกว่า 2 เดือน บางคนอาจจะหลายปีหรือหลายสิบปี
  • ลมพิษยักษ์ ( Angioedema ) จะมีอาการบวมของผิวหนังชั้นลึก มักเกิดขึ้นบริเวณปาก หู เปลือกตา ลิ้น เป็นต้น ผิวหนังตรงจุดที่บวมจะมีอาการแสบร้อนมากกว่าคันเหมือนลมพิษปกติ ผิวจะบวมเป่ง ค่อนข้างแข็ง กดแล้วไม่บุ๋ม อาจจะมีอาการนานกว่า 24 ชั่วโมงแต่ก็สามารถหายไปเองได้ในเวลาไม่นาน แต่ในบางรายอาจจะมีอาการรุนแรง โดยจะมีการบวมของกล่องเสียงร่วมด้วยทำให้หายใจไม่ออก เจ็บแน่นหน้าอก ตัวเขียว  อาจถึงแก่ชีวิตได้หากได้ (พบน้อยมาก)

7 สมุนไพรแก้ลมพิษ

การรักษาผื่นคันจากลมพิษทำได้หลายวิธี บางคนอาจจะเลือกการทานยาแก้แพ้ ซึ่งก็มีหลายชนิดทั้งแบบทำให้ง่วงซึมและไม่ง่วง หรืออาจจะใช้ยาทาคาลาไมด์โลชันเพื่อบรรเทาอาการคันเมื่อมีอาการ แต่แค่ช่วยลดคัน ไม่ได้ทำให้ผื่นยุบลง นอกจากยาแผนปัจจุบันก็ยังมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่ทำให้ผื่นลมพิษดีขึ้นได้ ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่อยู่ใกล้ตัวและหาง่ายมากๆ ดังนี้ค่ะ

1. ข่า สมุนไพรรักษาอาการลมพิษชนิดแรกนั้นนั้นเกิดจากประสบการณ์ของผู้เขียนเองซึ่งก็เป็นโรคลมพิษแบบเรื้อรังเช่นกัน ในบางช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนน้อย ลมพิษจะกำเริบง่ายมาก ซึ่งครั้งที่เป็นหนักสุดคือเกิดอาการทั่วทั้งตัว จะลุกจะนั่งก็คันคะเยอ ยิ่งเกาก็ยิ่งลุกลาม แต่ว่าอาการดีขึ้นได้เพราะคนเฒ่าคนแก่แนะนำให้ใช้ข่าแก่สดมาตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาว แล้วใช้ส่วนที่เป็นน้ำมาทาให้ทั่วผิวบริเวณที่มีอาการ สามารถทาได้บ่อยๆตลอดทั้งวัน แต่อาจจะต้องทนกับกลิ่นเหล้านิดหน่อยค่ะ หลังจากทาอาการคันจะบรรเทาลงเนื่องมาจากความเย็นของเหล้า ส่วนข่าจะช่วยให้ปื้นลมพิษไม่ขยายใหญ่ขึ้น เรียกว่าได้ผลดีพอสมควร

2. ขมิ้น นำขมิ้นผงมาผสมกับน้ำจนข้นเหนียวคล้ายครีม แล้วนำทาตรงผื่นลมพิษ จะช่วยให้คันน้อยลง ผื่นยุบลงจนหายไปในที่สุด ขมิ้นนั้นมีสรรพคุณช่วยต้านการอักเสบ ลดอาการแพ้ หรือจะนำมาขมิ้นผงมาชงกับน้ำอุ่นแล้วดื่มเป็นประจำวันละ 2 ครั้งเช้าเย็นค่ะ

สรรพคุณ ประโยชน์ของขมิ้นชัน

3. ขิง ขิงเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ช่วยรักษาลมพิษได้ โดยดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ผสมเกลือทุกวัน แต่อย่าดื่มมากเกินไปนะคะ อาจจะทำให้เป็นร้อนในได้ รวมทั้งต้องระวังหากรับประทานอาหารเสริมหรือยารักษาโรคใดๆ อยู่ก่อนแล้ว เพราะอาจจะไปขัดขวางการทำงานของยา หรือทำให้ลมพิษอาการแย่ลงได้

4. ว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เย็น ช่วยปลอบประโลมผิวที่อักเสบ ความเย็นช่วยบรรเทาอาการคัน ใครที่ลมพิษกำลังกำเริบ สามารถเอาวุ้นว่านหางจระเข้มาทาหรือแปะลงผิวได้โดยตรง โดยแปะไว้ได้นานจนกว่าจะหายคันเลยค่ะ ลดความแสบคัน บวมแดงได้เป็นอย่างดี

5. คาโมมายล์ หลายคนอาจจะเคยได้ยินสรรพคุณของดอกคาโมมายล์ที่นำมาชงน้ำดื่ม แล้วช่วยให้ผ่อนคลาย หลับสบาย ซึ่งนอกจากเรื่องนี้แล้วคาโมมายล์ยังช่วยรักษาโรคลมพิษได้ด้วย โดยการนำดอกคาโมมายล์มาต้มกับน้ำแล้วผสมในน้ำอาบ หรือจะชุบน้ำต้มแล้วมาทาผิวบริเวณที่เป็นลมพิษก็ได้เช่นกัน

6. ใบพลู เป็นภูมิปัญญาที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณสำหรับสูตรยาแก้ลมพิษจากใบพลู เตรียมใบพลูแก่สดกับข่า มาตำให้ละเอียด จากนั้นผสมกับเหล้าขาว นำส่วนผสมที่ได้มาพอกแปะบริเวณผื่นลมพิษ ช่วยให้หายคันไว ผื่นยุบเร็วขึ้น

7. เกลือ เกลืออาจจะไม่ใช่สมุนไพรจากพันธุ์พืชก็จริง แต่ก็จัดว่าเป็นสูตรยาโบราณที่ช่วยแก้ลมพิษได้ชะงัด วิธีการก็ง่ายมาก แค่นำเกลือป่นมาละลายน้ำ โดยกะปริมาณให้มีความเข้มข้นพอสมควร จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำเกลือแล้วมาทาผิวหนังในส่วนที่มีอาการลมพิษให้ทั่ว ทาทิ้งไว้ 5-10 นาที จะพบว่าผื่นคันยุบลงอย่างรวดเร็ว

วิธีป้องกันการเกิดลมพิษ

1. สำรวจตัวเองว่าโรคลมพิษนั้นเกิดมาจากสาเหตุใดแล้วหลีกเลี่ยง เช่น ไม่ทานอาหารที่ก่อโรค หลีกเลี่ยงการจับต้องหรือสัมผัสสารที่ทำให้โรคกำเริบ เป็นต้น

2. ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ทานอาหารให้ครบถ้วน 5 หมู่ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างตัวผู้เขียน จากการสังเกตตัวเอง พบว่าลมพิษจะกำเริบหนักในช่วงที่นอนน้อยค่ะ

3. ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด หากอารมณ์ดี เวลากำเริบอาการจะไม่หนักมาก

4. ดื่มน้ำมากกว่าปกติเล็กน้อยในช่วงมีอาการ เพราะจะช่วยขับสารพิษที่เป็นสาเหตุของโรคออกมาทางปัสสาวะ

5. หลีกเลี่ยงการรับสารเคมีหรือสิ่งปลอมปนอันเป็นสาเหตุของโรคลมพิษโดยไม่จำเป็น เช่น ปรุงอาหารโดยไม่ใช้ผงชูรส ใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของสีหรือน้ำหอม เป็นต้น

6. หากต้องการซื้อมาใช้เอง ต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชก่อน เพราะยาบางชนิดกระตุ้นให้ภูมิพิษกำเริบได้ เช่น สเตียรอยด์ แอสไพริน

ที่จริงแล้ว "โรคลมพิษ" นี้ไม่ใช่โรคที่น่ากลัว นอกเสียจากเป็นลมพิษยักษ์ที่มีอาการรุนแรงร่วมด้วยเท่านั้น แต่ไม่ต้องกังวล เพราะไม่ได้พบบ่อยนักค่ะ ส่วนลมพิษปกติถึงจะไม่อันตราย แต่ก็สร้างความรำคาญใจมากพอสมควร เพราะจะคันมาก ยิ่งคันยิ่งเกา ยิ่งเกาลมพิษก็ยิ่งลุกลาม ลองแก้ไขง่ายๆ ด้วยการไปหยิบข่าในครัวมาตำๆ ผสมกับเหล้าขาวทาที่ผื่น ถ้าหากหาเหล้าไม่ได้ ใช้แค่ข่าก็พอทดแทนได้ หลังจากทาเสร็จพยายามหยุดเกา ผื่นจะยุบหายไปอย่างรวดเร็ว หรือถ้าบ้านใครมีสมุนไพรแก้ลมพิษชนิดอื่นที่กล่าวมาข้างต้นก็ใช้ได้ผลเช่นเดียวกันค่ะ แต่อย่าลืมว่าการแก้ปัญหาเวลาผื่นลมพิษกำเริบแล้วเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ถ้าไม่อยากให้ลมพิษกำเริบบ่อยๆ ให้หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้ตัวโรคกำเริบ และอย่าลืมรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง จะได้มีภูมิคุ้มกันที่ดี สามารถต่อสู้กับอันตรายที่จะเข้ามาทำร้ายร่างกายได้