สุขภาพดีง่ายๆ ด้วยสารพันคุณค่า ประโยชน์ของ “ปลา”

ถ้าพูดถึงเนื้อสัตว์ที่ถูกยกย่องว่าดีต่อคนทุกเพศ ทุกวัยแล้วคงจะหนีไม่พ้น "ปลา" อาหารโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ที่รับประทานได้ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ เป็นอาหารทางเลือกที่ทั้งแพทย์และนักโภชนาการอาหารต่างก็แนะนำให้รับประทานเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ โดยในวันนี้เราชาวสุขภาพดี...ก็ไม่พลาดที่จะพาทุกท่านไปไขข้องข้องใจกันว่าทำไม "ปลา’" จึงเป็นเนื้อสัตว์ที่ครองใจคนรักสุขภาพตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน

สู้กับโรคซึมเศร้าด้วยการรับประทาน "ปลา"

หลายปีที่ผ่านมาได้มีงานวิจัยต่างประเทศหลายฉบับตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการเกี่ยวกับอาหารที่มีผลต่อโรคซึมเศร้า ระบุว่าในประเทศที่รับประทานปลาเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นหรือฟินแลนด์ พบอัตราผู้ป่วยโรคซึมเศร้าน้อยกว่าประเทศที่รับประทานเนื้อสัตว์ชนิดอื่นเป็นหลัก เช่นประเทศในเทศอเมริกาเหนือและยุโรป นอกจากนี้เนื้อหาบางส่วนของการวิจัยยังระบุอีกว่าผู้หญิงที่รับประทานปลาบ่อยๆ มีโอกาสป่วยเป็นโรคซึมเศร้าน้อยกว่าผู้หญิงทั่วไปถึงสองเท่า ทั้งนี้เพราะในปลามีโอเมกา 3 ค่อนข้างสูงที่มีส่วนในการควบคุมระดับความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งโอเมกา 3 นี้จะพบได้มากในปลาทะเลอย่าง ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีนและปลาแมกคาเรล ดังนั้นจึงควรรับประทานปลาอย่างน้อยสามครั้งต่อสัปดาห์เพื่อสุขภาพกายและจิตที่ดี

"ปลา" กับเคล็ดลับของ "ความอ่อนเยาว์"

สำหรับผู้ที่รักสวยรักงามเชื่อว่าต้องเคยรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ช่วยให้เปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกมาไม่มากก็น้อย โดยส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมความงามเหล่านั้นมักมีคำว่า “คุณค่าความอ่อนเยาว์จากปลาทะเลน้ำลึก” ที่เป็นเช่นนั้นเพราะปลาทะเลน้ำลึกส่วนใหญ่มักมีคอลาเจนบริสุทธิ์ที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยให้ผิวพรรณตึงกระชับ ชะลอการเหี่ยวย่นและสามารถลดริ้วรอยหรือร่องลึกได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเสียดสีและการอักเสบของผิวซึ่งเป็นสาเหตุหลักของรอยแผลเป็นอีกด้วย ดังนั้นหากอยากมีใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนหนุ่มสาวก็อย่ารอช้า รีบหันมารับประทานปลาหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปลากันดูบ้างนะคะ

ประโยชน์ทางโภชนาการและคุณค่าทางอาหารของ "ปลา"

นอกจากจะมีส่วนช่วยในการต่อต้านโรคบางประเภทและช่วยชะลอความแก่ของผิวพรรณแล้วปลายังมีคุณค่าทางโภชนาการอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ควรมองข้าม เช่น

1. ประโยชน์ของปลาอุดมไปด้วยโปรตีน ถึงแม้อาหารที่มีโปรตีนมากสุดจะอยู่ในรูปแบบของนมและไข่ แต่จากผลสำรวจจะเห็นได้ว่ามีคนจำนวนมากที่แพ้อาหารสองประเภทนี้ บางคนแพ้โปรตีนจากไข่หรือบางคนมักเกิดอาการท้องร่วง ท้องเสียจากการรับประทานนม ดังนั้นปลาจึงถือเป็นอาหารที่มีโปรตีนมากที่สุดอีกทางเลือกหนึ่งที่คนทุกเพศ ทุกวัยสามารถรับประเทศได้ โดยโปรตีนที่ได้จากปลานี้จะมีส่วนเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกายและช่วยให้เซลล์ต่างๆในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

2. ประโยชน์ของปลาช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ปลาเป็นอาหารที่ไม่ได้มีดีแค่โปรตีน หากยังอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส โดยเฉพาะปลาตัวเล็กอย่างปลาซิวที่รับประทานได้ทั้งตัวจะเป็นแหล่งของแคลเซียมที่เหมาะสมกับเด็กวัยเจริญเติบโตและยังช่วยบำรุงกระดูกสำหรับวัยผู้สูงอายุอีกด้วย

3. ประโยชน์ของปลาเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ หลายคนคงเคยได้ยินว่า "กินปลาเยอะๆ จะได้ฉลาดๆ’" นั่นเพราะในปลาจะมีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และไนอะซินสูง สารอาหารเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้และจดจำได้ดีอีกด้วย

4. ประโยชน์ของปลาช่วยให้เลือดแข็งตัวเร็ว นอกจากปลาจะมีโอเมกา 3 อยู่เป็นจำนวนมากแล้ว ยังมีโอเมกา 6 ซึ่งมีส่วนช่วยในการแข็งตัวของเลือด ดังนั้นปลาจึงเหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวช้า หรือผู้ที่มีบาดแผลฟกช้ำง่าย เพราะนอกจากจะช่วยให้เลือดแข็งตัวเร็วแล้วยังช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายไวและลดอาการติดเชื้อได้อีกด้วย

เลือกปรุง เลือกทานปลาอย่างไร ให้มีสุขภาพดี

จะเห็นได้ว่าปลาเป็นแหล่งรวมสารอาหารและคุณประโยชน์นานาชนิด นอกจากนั้นปลาหลายชนิดยังราคาถูกหาซื้อง่ายและเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ตามผู้บริโภคก็ควรจะใส่ใจในเรื่องของปริมาณของการบริโภคและโภชนาการของปลาที่แตกต่างกันในแต่ละชนิดด้วย ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณไขมันที่อยู่ในเนื้อปลา จะแบ่งเป็นระดับสูง กลาง ต่ำ ไปจนแทบไม่มี ทั้งนี้ผู้บริโภคก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง หากที่อยู่ในช่วงควบคุมน้ำหนักก็ควรรับประทานปลาที่มีไขมันน้อยเช่น ปลาไหล ปลากะพงหรือปลาเก๋า ส่วนผู้ที่ต้องการจะเพิ่มน้ำหนักด้วยไขมันชั้นดีจากปลาก็ควรเลือกรับประทานปลาที่มีปริมาณไขมันสูงอย่างปลาสวายหรือปลาช่อนเป็นต้น

อนึ่งในเรื่องของกรรมวิธีในการปรุงก็เช่นกัน ปลาบางชนิดสามารถรับประทานสดๆได้ เช่นแซลมอนหรือปลาทูน่าเพราะเป็นปลาน้ำลึกและอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่สะอาดทำให้ไม่มีการตรวจพบพยาธิ แต่ปลาบางชนิดโดยเฉพาะปลาน้ำจืด หากรับประทานไม่สุกอาจทำให้เกิดโรคพยาธิใบไม้ในตับหรือเป็นโรคกระเพาะอักเสบได้ ดังนั้นหากอยากรับประทานปลาอย่างปลอดภัยควรให้ความร้อนอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส โดยใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 นาที หรือหากอยากรับประทานแบบสดควรเก็บปลาไว้ในที่ที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งหรือประมาณ -35 องศาเซลเซียสไม่ต่ำกว่า 15 ชั่วโมง

จากประโยชน์ของปลา และข้อมูลเกี่ยวกับปลาที่กล่าวมาทั้งหมด สามารถสรุปได้ว่าปลาเป็นแหล่งอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้นหากอยากรับประทานปลาแบบสบายใจหายห่วง ก็ต้องเลือกชนิดของปลาให้เหมาะกับความต้องการของร่างกายและใส่ใจขั้นตอนการปรุงให้สะอาดปราศจากเชื้อโรค เพียงเท่านี้คุณก็จะทั้งอิ่ม ทั้งอร่อยและได้สุขภาพที่ดีจากประโยชน์ของการทานปลาในทุกๆ มื้อแล้วล่ะค่ะ

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับประโยชน์ของอาหารทะเล