เคล็ดลับสุขภาพ เรื่องน่ารู้ November 10, 2016 Share 0 Tweet Pin 0 เชื้อ “ไมโคพลาสม่า” คืออะไร ที่ในหลวง ร.9 ทรงติดมาจากการทรงงานภาคเหนือ “ไมโคพลาสม่า” ก็คือแบคทีเรียขนาดเล็กที่มีชื่อเต็มๆ ว่า Mycoplasma pneumonia ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคระบาด เช่น การเป็นต้นเหตุของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง จึงทำให้เรามีอาการไอ เจ็บคอ หลอดลมอักเสบ และปอดบวม นอกจากเกิดกับคนแล้วยังเกิดกับ วัว สัตว์ ไม่ต่างจากคน ปอดอักเสบเกี่ยวอะไรกับ “ไมโคพลาสม่า”นั่นก็เนื่องจากว่าไมโคพลาสม่าเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ไมโคพลาสม่ายังเป็นหนึ่งในเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคปอดอักเสบ แต่การเกิดเชื้อปอดอักเสบในกรณีนี้จะไม่ค่อยรุนแรง และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติใครเสี่ยงติดโรค?สำหรับการระบาดของเชื้อไมโคพลาสม่าสามารถพบได้ในทุกช่วงอายุ จะพบบ่อยในจอายุที่น้อยกว่า 40 ปี พบมากในเด็กเล็กๆ รวมถึงวัยรุ่นที่อายุน้อยกว่า 20 ปี มีโอกาสเกิดได้ทั้งหญิงและชาย สามารถติดเชื้อได้ตลอดปี โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนแหล่งแพร่เชื้อคือที่ใด?ส่วนมากจะพบเชื้อไมโคพลาสม่าในชุมชนปิด เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร หรือฟาร์มสัตว์ เป็นต้น เนื่องจากมีการแออัดของคนหรือสัตว์จำนวนมาก จะเอื้ออำนวยให้เกิดการระบาดของเชื้อไมโคพลาสม่าได้ง่ายการติดต่อของโรคไมโคพลาสม่าสำหรับเชื้อไมโคพลาสม่าสามารถติดต่อได้ทางระบบหายใจ ติดเชื้อได้ง่ายๆ แค่เราใกล้ชิดกับผู้มีเชื้อ หรือ ได้รับละอองจากการไอ หรือจามจากผู้มีเชื้อ ยิ่งถ้าอยู่ในสถานที่ปิดแค่นี้ก็ทำให้เราได้รับเชื้อมาด้วยแล้ว ติดเชื้อระดับไหนถึงเรียกว่าป่วยเมื่อติดเชื้อไมโคพลาสม่า ร่างกายจะใช้เวลาฟักตัว 1-4 สัปดาห์ สังเกตว่า ไมโคพลาสม่าจะใช้เวลาฟักเชื้อนานกว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือเชื้อไวรัสปอดอักเสบชนิดอื่นๆ เมื่อเชื้อไมโคพลาสม่าฟักตัวแล้วอาจมีอาการเบื้องต้นดังนี้1. ไข้สูงมาก เกิน 38 องศาเซลเซียส และอาจมีอาการหนาวสั่น2. ไอแห้งๆ อาจมีเสมหะขาว อาการจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไอเรื้อรังกระทั่งทำให้เจ็บกล้ามเนื้อหน้าอก3. มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว และอ่อนเพลีย4. เจ็บคอ คันคอ อาหารเจ็บคอจะมีไม่มาก คอแดงเล็กน้อยไม่มีหนอง5. เจ็บหน้าอก เมื่อหายใจเข้าออก แต่จะพบได้น้อย6. อาจพบผื่นแดงตามร่างกาย มีลักษณะคล้ายไข้ออกผื่น หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ส่าไข้7. ถ้าอาการรุนแรงขึ้นจะทำให้หายใจเหนื่อย หายใจเร็ว แต่ยังคงดำเนินชีวิตประจำวันได้8. มีอาการติดต่อกันนานเกิน 1 สัปดาห์ โดยอาการไข้อาจหายก่อน แต่ยังมีอาการไอมากกว่า 3 สัปดาห์และอาจหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา9. หากมีอาการหนักกว่าที่ได้กล่าวถึงจะมีภาวะแทรกซ้อน ทำให้เกิดโรคติดต่อทางระบบหายใจ เช่น ติดเชื้อที่สมองและไขสันหลัง หรืออาจะเป็นโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบก็ได้ คนที่ติดเชื้อ “ไมโคพลาสม่า” ส่วนใหญ่ไม่มีอาหารรุนแรง ส่วนมากมีอาการคล้ายไข้หวัดและสามารถหายได้เองโดยปกติ มีเพียง 5-10% เท่านั้นที่จะเกิดปอดอักเสบ วิธีการรักษาการรักษาโรคสามารถใช้ยาในกลุ่มปฏิชีวนะกลุ่ม marcolides หรือ doxycycline ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนหรือหายใจเหนื่อยมาก ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลอาการที่ควรไปพบแพทย์1. ไข้ขึ้นสูง2. อาการไอแห้งๆ บ่อยครั้งหรือเป็นเวลานาน หรืออาจจะถึงขั้นไอเป็นเลือด3. อาการหายใจหอบเหนื่อย หายใจเร็ว4. อาการเจ็บหน้าอกเวลาหายใจเข้า ออก5. แน่นหน้าอกด้านซ้าย หรือรู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะ แขนขาอ่อนแรง ชักเกร็ง ซึม อาการปากซีด ปากล้นซีด ปัสสาวะเข้ม6. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือรับประทานยากดภูมิคุ้มกันอยู่ อาจเกิดการติดเชื้อรุนแรงได้ง่ วิธีป้องกันการติดเชื้อถึงแม้ไมโครพลาสม่าไม่ใช่โรคระบาด แต่เราก็สามารถป้องกันได้ด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้- หลีกเลี่ยงการอยู่ในชุมชนแออัด หรือพื้นที่ปิดที่มีคนหนาแน่น อาจสวมหน้ากากอนามัย ปิดปาก ปิดจมูกเสมอ- ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนปรุงหรือรับประทานอาหาร รวมถึงควรใช้ช้อนกลาง- ไม่สำส่อนทางเพศ เพื่อป้องกันการติดเชื้อทางระบบปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยติดเชื้อจะมีอาการไม่รุนแรงมาก แต่ถ้าหากเจ็บป่วยด้วยการติดเชื้อโรค “ไมโคพลาสม่า” ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ อย่างน้อยควรไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ที่มา: https://health.kapook.com/view43053.htmlบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้...คู่สุขภาพดี ผักอินทรีย์ ของดีจาก “โครงการหลวง” สายคลีนห้ามพลาด 4 ผลไม้ช่วยลดความดัน…รักษาโรคได้โดยไม่ต้องใช้ยา “ไข่” 1 ฟอง…กับประโยชน์เน้นๆ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ 9 สรรพคุณ…ประโยชน์ของข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสีม่วงเข้ม พร้อมคุณค่าเต็มเมล็ด