free web tracker, fire_lady เมื่อไส้ติ่งของฉัน “เรียกร้องความสนใจ!!” ต้องผ่าตัดแบบไม่ทันตั้งตัว • สุขภาพดี

เมื่อไส้ติ่งของฉัน เรียกร้องความสนใจ!!” ต้องผ่าตัดแบบไม่ทันตั้งตัว

ไส้ติ่งอักเสบ

คุณรู้จัก ไส้ติ่ง หรือเปล่าคะ เราคนหนึ่งล่ะที่ไม่เคยสนใจมันมาก่อนในชีวิต รู้ว่ามีในร่างกายแต่ไม่รู้ประโยชน์หรือโทษของมันแม้แต่นิดเดียว จนวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เพราะเจ้าไส้ติ่งของเรามันเกิด เรียกร้องความสนใจ!! จนถึงขนาดต้องรีบผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบด่วน แบบไม่ทันตั้งตัว...เรื่องราวเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

แชร์เรื่องราว...โรคไส้ติ่งอักเสบ

ในวันนั้นเราไปทำงานปกติไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น จนประมาณ 10 โมงกว่าๆ เราเริ่มมีอาการปวดท้อง ก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะปกติก็เป็นแบบนี้บ่อยๆ แต่ถึงจะปวดก็ยังคงกินขนมนั่นนี่ไปเรื่อยนะคะ เลยคิดว่าอาจเพราะเรากินเยอะเกินไปหรือเปล่าเลยมีอาการแบบนี้...

จนกระทั่งเที่ยง รู้สึกว่ามีอาการปวดมากกว่าเดิม แถมอาการจุกท้องตามมา ตอนนั้นยังอุตส่าห์ไปกินข้าวเที่ยงกับเพื่อน ๆ แต่กินได้นิดเดียวก็ต้องหยุดเพราะรู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน เราเล่าอาการให้เพื่อนที่ทำงานฟัง หลายคนบอกเป็นโรคกระเพาะหรือเปล่าให้รีบไปหาหมอ เราก็ไม่ได้ใส่ใจค่ะเพราะคิดว่าน่าจะปวดท้องธรรมดา จนกระทั่งช่วงบ่ายอาการปวดเริ่มมากขึ้นกว่าเดิม เหมือนเป็นไข้ แถมอาเจียนไปหลายรอบ เลยตัดสินใจเดินไปหาหมอที่คลินิก (ที่ทำงานเราจะมีคลินิกเฉพาะของพนักงานค่ะ) นั่งรอคิวไม่นานก็ได้ตรวจ คุณหมอก็กดท้องไปเรื่อย ๆ ถามว่าเจ็บมั๊ย ตอบได้แค่ว่ากดตรงไหนก็เจ็บ แต่ที่เจ็บที่สุดแทบจะกระโดดเอางวงฟาดหมอคือ ตอนคุณหมอกดที่บริเวณท้องด้านขวา โอ๊ย!! ร้องจ๊ากเลยค่ะ เจ็บแบบสุด ๆ เจ็บจนบรรยายไม่ถูก

คุณหมอบอกว่าสงสัยเป็นอาการไส้ติ่งอักเสบต้องผ่าตัด เนี่ยท้องเริ่มบวมและร้อนแล้ว ไม่รู้สึกเหรอ เราเนี่ยแบบว่า คือท้องบวมนี่เป็นมาตั้งนานล่ะค่ะ ถึงไม่ปวดไส้ติ่งก็บวมของมันอยู่แล้ว ส่วนท้องร้อนนี่ไม่รู้สึกเลย หลังจากนั้นคุณหมอก็เขียนใบส่งตัวให้แล้วบอกให้รีบไปโรงพยาบาล เราตกใจมากเลยค่ะ เกิดมาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้...โรคไส้ติ่งอักเสบ แต่ยังมีสติเดินกลับมาที่ทำงานเพื่อเก็บเอกสารและเอากระเป๋า

หลังจากเก็บของเสร็จเราก็เดินข้ามถนนมาที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ตอนเดินข้ามถนนนี่ความรู้สึกคือปวดมากแทบเดินไม่ไหว ไข้ก็ขึ้น ต้องกัดฟันเดินจนถึงโรงพยาบาล โชคดีมากที่ออฟฟิศเราอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลพอดี ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไกล พอมาถึงก็นั่งรอคิวปกติ ไม่นานก็ได้ตรวจ

คุณหมอก็ตรวจเหมือนเดิมค่ะกด ๆ ที่ท้องอาการเดิมเด๊ะ ปวดมาก ปวดแบบสุด ๆ ถ้าใครไม่เคยจะไม่รู้ค่ะว่ามันเจ็บขนาดไหน ในใจก็คิดว่าชั้นตายแน่ ๆ มันจะแตกมั้ย คือกลัวไปหมด กลัวไม่ฟื้น ไม่เห็นหน้าลูก ไม่เห็นหน้าพ่อแม่อีก หมอก็ถามว่าปวดยังไง ประจำเดือนมาเมื่อไหร่ หมดเมื่อไหร่ และยังอธิบายอีกว่าที่ถามเพราะอาจเกิดจากปีกมดลูก หลังจากนั้นคุณหมอบอกว่าต้องตรวจเลือดนะ เดี๋ยวดูผลเลือดอีกที แต่น่าจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ คงต้องผ่าตัด ตอนนั้นในใจคิดว่า แม่เจ้า นี่ของจริงล่ะ ไม่ใช่เล่น ๆ แล้ว

คุณหมอถามว่ากินข้าวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราตอบตอนเที่ยงแต่กินได้นิดเดียวเพราะปวดท้องและอาเจียน หมอเลยให้เรางดอาหารและน้ำตั้งแต่ตอนนั้น พร้อมนัดผ่าตัดประมาณ 3 ทุ่ม หลังจากนั้นบุรุษพยาบาลก็พาเราไปห้องเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ ทำอัลตร้าซาวด์ จนสุดท้ายผลออกมาคือไส้ติ่งอักเสบแน่นอน

เราเพิ่งคิดได้ว่าไม่มีใครรู้เลยรีบโทรศัพท์บอกเพื่อน ว่าตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ต้องผ่าตัดไส้ติ่ง เพื่อนคงตกใจมากค่ะ ไม่ถึงสิบนาทีนางก็มาโผล่ที่โรงพยาบาล ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็มีคนมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ทันทีที่แม่เพื่อนสาวมาถึง นางไม่ถามไถ่เราแม้แต่คำเดียว สิ่งที่นางทำคือยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอัพสเตตัสเฟสบุ๊คทันที อ่านะ...

ความปวดทรมานยังคอยรังควาญเราเหมือนเป็นคู่อาฆาตมานานแสนนาน อาการคลื่นไส้อาเจียนก็ไม่หาย นี่เป็นช่วงเวลาที่ทรมานสุด ๆ ในชีวิตของเรา แต่ด้วยความที่พื้นฐานเป็นผู้หญิงที่มีความอดทนเป็นเลิศ ก็ได้แต่กัดฟันสู้ นอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียง ไม่ร้อง ไม่บ่น จนถึงเวลาผ่าตัด บุรุษพยาบาลก็มาเข็นเราเข้าห้องผ่าตัด ความรู้สึกตอนนั้นคือ บรรยากาศในห้องผ่าตัดน่ากลัวมาก มีไฟดวงใหญ่ ๆ ด้วย โอ๊ยชั้นจะรอดมั้ยนะ แต่สักพักก็โดนฉีดยาสลบและหลับไม่รู้เรื่อง

เราตื่นอีกทีประมาณตีสองหรือตีสามคงเพราะหมดฤทธิ์ยาสลบ วันแรกทรมานมาก อาการปวดแผลไม่เท่าไหร่ แต่อาการหิวนี่สุด ๆ ค่ะ เพราะคุณหมอห้ามทานอะไรแม้แต่อย่างเดียว วันนี้เลยมีชีวิตรอดเพราะน้ำเกลือ จนวันที่สองคุณหมออนุญาตให้กินอาหารได้ มื้อแรกเป็นข้าวต้มเปล่าค่ะ เราพักฟื้นที่โรงพยาบาล 3 วันก็ได้กลับบ้าน ระหว่างที่พักรักษาตัวเราเกิดความสงสัยว่าไส้ติ่งนี่คืออะไร ทำไมมันอักเสบขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เวลาคุณหมอมาเยี่ยมไข้ก็ถามจนละเอียดยิบ วันนี้เลยจะนำความรู้เรื่องไส้ติ่งมาฝากเพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ กันค่ะ

ไส้ติ่งคืออะไร

ไส้ติ่งเป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่มีลักษณะเป็นท่อยื่นออกมาเป็นติ่งบริเวณด้านขวาเท่านิ้วก้อย เลยเรียกว่าไส้ติ่ง ประโยชน์ของไส้ติ่งคือ สร้างเชื้อจุลินทรีย์เพื่อช่วยในระบบการย่อยอาหาร แต่ก็ถือว่าไม่สำคัญ การผ่าตัดออกไม่มีผลอะไรกับร่างกาย

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคไส้ติ่งอักเสบ

เนื่องจากผนังด้านในของไส้ติ่ง จะมีเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลืองกระจายอยู่ ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย โดยปกติสาเหตุที่ไส้ติ่งเกิดอาการอักเสบเพราะได้รับเชื้อจากสิ่งแปลกปลอม พยาธิลำไส้ เนื้องอก หรือก้อนอุจาระที่แข็ง

อาการของโรคไส้ติ่งอักเสบที่พบโดยทั่วไป

มีอาการปวดท้อง เบื่ออาหาร จุกแน่น อาเจียน ท้องเสีย ปวดรอบสะดือ มีไข้

ความรุนแรงของโรคไส้ติ่งอักเสบ

• ระยะแรก จะมีอาการ ปวดท้องกะทันหัน ปวดรอบสะดือ จุกแน่น

• ระยะที่สอง ระยะนี้ไส้ติ่งจะบวมโป่งขึ้น ปวดมากขึ้น อาจเกิดอาการท้องเสีย อาเจียน หรือท้องผูก ในระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 วัน

• ระยะที่สาม คือระยะรุนแรง เรียกว่าระยะไส้ติ่งแตก ซึ่งพบได้บ่อยประมาณ 20% ถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดออกอาจทำให้เชื้อโรคกระจายทั่วช่องท้อง อาจเข้ากระแสเลือดและทำให้ตายได้

การรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบ

ผ่าตัดในทุกราย โดยปกติใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง

บุคคลที่มีความเสี่ยงเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ

ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบได้ ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา แม้กระทั่งหญิงมีครรภ์

ข้อควรจำเกี่ยวกับโรคไส้ติ่งอักเสบ

เมื่อมีอาการปวดท้องในลักษณะดังกล่าวให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย อย่าปล่อยไว้นานจนอาการแย่ เพราะถ้าหากคุณอยู่ไกลหมอแล้ว คุณอาจเสียเวลาเดินทางกว่าจะถึงโรงพยาบาล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น จนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และถ้าเกิดอาการคล้ายโรคไส้ติ่งอักเสบตามที่กล่าวไป ไม่ควรกินยาแก้ปวดเพราะจะทำให้ฤทธิ์ของยาไปบดบังอาการของโรค จนทำให้แพทย์วินิจฉัยไม่ได้

บทความอื่นๆ เกี่ยวกับ โรคภัยใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว