โทษของ “เห็ด” อันตรายมากกว่าที่คิด หากรับประทานผิดวิธี

ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้น พืชพรรณต่างๆที่เกิดตามธรรมชาติจึงมีมาก โดยเฉพาะ “เห็ด” ซึ่งถือเป็นพืชที่มีมากในแทบทุกภาคของประเทศ โดยมีตั้งแต่เห็ดที่ขึ้นตามป่า ขอนไม้ไปจนถึงเห็ดที่ที่เกิดจากการเพาะจากเชื้อรา ในปัจจุบันความต้องการในการบริโภคเห็ดมีมากขึ้นเป็นลำดับ มีการนำเห็นมาแปรรูปเป็นอาหารเสริม อย่างเห็ดหลินจือและเห็ดมัสสึซาเกะ นอกจากนั้นในอาหารชุดอย่างสุกี้ยากี้หรือบุฟเฟ่ต์ก็ยังมีชุดเซตเห็ดหลากชนิดเพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางอาหาร

ทาน “เห็ด” มากไป อาจเกิดโทษมากกว่าประโยชน์

อย่างไรก็ตามแม้เห็ดนานาชนิดจะมีความอร่อยและมีคุณประโยชน์มากมาย แต่เห็ดบางชนิดหากรับประทานมากเกินไปย่อมส่งผลร้ายต่อสุขภาพอย่างที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เราชาวสุขภาพดี...ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายจากการรับประทานเห็ดมาฝากกันค่ะ สำหรับใครที่รับประทานเห็ดชนิดต่างๆ เป็นประจำ จะได้นำไปปรับใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันซึ่งน่าจะช่วยให้ได้รับความปลอดภัยในการบริโภคเห็ดมากขึ้น

3 พิษภัย โทษอันเกิดจาก “เห็ด”

1. เห็ดบางชนิดมีสาร Cyclopeptidesและ Amatoxinsซึ่งเป็นสารที่อันตรายต่อตับ (โทษของเห็ด) โดยปกติเห็ดชนิดที่มีสารดังกล่าวนี้จะมีสีสันสะดุดตา บริเวณหมวกเห็ดจะมีแดงอมส้มและมีจุดเล็กๆ ทั่วบริเวณ หากรับประทานเข้าไปจะถูกดูดซึมเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกาย โดยจะเป็นตัวการในการสร้างโปรตีนในปริมาณสูงเกินไปและสร้างความเสียหายแก่ตับ อย่างไรก็ตามเห็ดที่มีสาร Cyclopeptides และ Amatoxins เป็นเห็ดที่ขึ้นทั่วไปตามบ้านเรือนหรือตามสวน ทำให้ชาวบ้านหลายคนรับประทานเป็นประจำจนสะสมในร่างกายและป่วยเป็นโรคตับในที่สุด

2. เห็ดมีปริมาณซัลเฟอร์ไดออกไซด์อยู่เป็นจำนวนมาก (โทษของเห็ด) ซัลเฟอร์ไดออกไซด์พบมากในอาหารแห้งหรือผักที่ผ่านการนำไปฟอกสี โดยจากการสุ่มตรวจตัวอย่างของ นพ.ไพจิตร์วราชิต อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่าสารดังกล่าวพบมากในเยื่อไผ่และ ‘เห็ดหูหนู’ หากรับประทานเข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดอาการระคายเคือง หูตาและเยื่อบุโพรงจมูก นอกจากนั้นยังอาจก่อให้เกิดอาการอักเสบของอวัยวะภายใน ในรายที่แพ้มากๆ อาจเกิดอาการแน่นหน้าอกและใจสั่นได้

3. อาจมีการสะสมของเชื้อราในโรงเพาะเห็ด (โทษของเห็ด) ปัจจุบันได้มีการเพาะเห็ดขายเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค แต่การเพาะเห็ดนั้นในบางครั้งอาจเป็นการสะสมเชื้อราซึ่งเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น สปอร์เชื้อราจะมีอยู่ทั่วไปในอากาศ เมื่อมีลมพัดสปอร์เชื้อราเหล่านั้นมาตกที่ฟาร์มเพาะเห็ดแบบเปิด เห็ดเหล่านั้นก็จะสะสมเชื้อราไว้ เมื่อคนนำไปรับประทานก็จะเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงภาวะติดเชื้อบริเวณลำไส้เล็กและลิ้นหัวใจอีกด้วย

จากโทษของเห็ดข้างต้น เชื่อว่าหลายคนคงเริ่มมีความวิตกกังวลในการรับประทานเห็ดพอสมควร อย่างไรก็ตาม “เห็ด” ถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์ หากเลือกรับประทานชนิดของเห็ดและกรรมวิธีในการปรุงให้ถูกต้อง ย่อมส่งผลดีต่อสุภาพวันนี้เราชาวสุขภาพดี...จึงไม่พลาดที่จะนำเคล็ดไม่ลับในการเลือกรับประทานเห็ดแสนอร่อยให้ปลอดภัยต่อสุขภาพมาฝากกันด้วย

วิธีการรับประทานเห็ดให้ปลอดภัยหายห่วง

1. อย่ารับประทานเห็ดที่มีรูปร่างแปลกๆ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ปกติเห็ดที่มีพิษมักมีรูปร่างแปลกและมีสีสันฉูดฉาด หากไม่ค่อยมีคนรู้จักชนิดของเห็ดให้งดรับประทาน เพราะถ้าเห็ดมีพิษจะไม่มีกรณีศึกษาหรือยาแก้พิษนั่นเอง

2. ควรทำรับประทานแบบสุก เห็ดบางชนิดอาจมีพิษหรือมีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกายแฝงอยู่ แต่โดยส่วนมากพิษเหล่านั้นจะสามารถเจือจางหรือสลายไปได้เมื่อถูกความร้อน ดังนั้นก่อนรับประทานเห็ดจึงควรนำไปปรุงให้สุกเสียก่อน นอกจากนั้นไม่ควรเก็บหรืออุ่นอาหารที่มีเห็ดเป็นส่วนประกอบอยู่ซ้ำหลายครั้งจนเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายต่อลำไส้ได้

3. ไม่ควรรับประทานเห็ดพร้อมกับการดื่มสุรา เนื่องจากเห็ดบางชนิดมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของแอลกอฮอล์ในสุรา ทำให้มีสาร acetaldehyde ตกค้างในร่างกาย ก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง จนถึงขั้นเสียชีวิตได้

4. หากเกิดอาการแพ้หลังจากรับประทานเห็ดเข้าไปต้องทำให้อาเจียนทันที เป็นการปฐมพยาบาลก่อนไปพบแพทย์ โดยทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยวิธีการต่างๆ อาจจะล้วงคอหรือให้รับประทานน้ำเชื่อมเพื่อกระตุ้นกระเพาะบีบรัด และอาเจียนเห็ดพิษออกมา จากนั้นให้รีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์และอย่าลืมนำชนิดของเห็ดที่แพ้ไปให้ทางโรงพยาบาลวินิจฉัยด้วย

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า เห็ดบางชนิดก็ดีต่อร่างกาย แต่บางชนิดก็ก่อให้เกิดโทษ ดังนั้นก่อนจะเลือกรับประทานเห็ดก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนและปรุงให้สุกทุกครั้งเพื่อลดสารพิษหรือเชื้อโรค เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานเห็ดได้อย่างปลอดภัยหายห่วงแล้วล่ะค่ะ

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้...คู่สุขภาพดี