อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ โรคภัยใกล้ตัว December 20, 2015 Share 1 Tweet Pin 0 ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a และ b ต่างกันอย่างไร?...เข้าใจเมื่อต้องเป็นเสียเอง ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตก และกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว เพื่อน ๆ ระวังเป็นไข้หวัดนะคะ เราคนหนึ่งที่ไม่ค่อยรักษาสุขภาพ เพราะทำงานหนัก อีกทั้งต้องคอยดูแลลูกสาวอายุ 4 ขวบ นอนดึกเกือบทุกวัน ทำให้เกิดไข้หวัดรับประทาน จนต้องเข้าโรงพยาบาลแบบไม่ทันตั้งตัว เดือดร้อนกันทั้งครอบครัวเนื่องจากเรามีกัน 3 คนพ่อแม่ลูก ปู่ย่าตายายก็อยู่ต่างจังหวัด สามีต้องลางานมาดูลูกกระทันหัน เพราะไข้หวัดใหญ่ทำให้เราไม่เห็นหน้าลูก 5 วัน ตั้งแต่ท้องเค้าจนเกิดมาไม่เคยห่างกันเลยค่ะ ใจแทบขาด ใครเป็นแม่คนคงเข้าใจ สัมผัสสิ่งของที่คนป่วยไอจามรดไว้...แหล่งรับเชื้อมีอยู่รอบตัวเรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเดือนที่แล้ว วันอาทิตย์เราไปซื้อของเข้าบ้าน พาลูกไปทานไอศกรีม และเลือกซื้อหนังสือที่ร้านหนังสือที่ห้างแถวบ้าน หลังจากนั้นก็กลับบ้านสภาพร่างกายยังปกติดีไม่มีวี่แววว่าจะเป็นไข้ หลังลูกหลับประมาณ 3 ทุ่มเราก็นั่งทำงานต่อจนถึงเที่ยงคืนวันจันทร์เราเริ่มมีอาการไอแต่ก็ไม่มาก เราคิดว่าคงเพราะตัวเองไปกินไอศกรีมมาเมื่อวานเลยไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งเลิกงานไปรับลูกเริ่มมีอาการปวดหัว คลื่นไส้ ก็เลยทานยาพาราและยาแก้คลื่นไส้ พอลูกหลับก็นั่งทำงานต่อจนถึงเที่ยงคืนเหมือนทุกวันเนื่องจากงานเราเป็นงานที่เร่งมีกำหนดส่ง เราเลยคิดว่าไม่เป็นไรกินยาแล้วเดี๋ยวคงดีขึ้น จนละเลยไม่พักผ่อนร่างกายวันอังคารเราเริ่มมีไข้สูงประมาณ 38 องศา อาเจียน แถมด้วยท้องเสียเล็กน้อย เนื่องจากเรามีลูกเล็กที่ตัวติดกันแทบจะตลอดเวลาก็เริ่มเป็นห่วงกลัวเค้าจะติดไข้กับเรา เลยโทรไปถามครูที่โรงเรียนว่าน้องมีอาการไข้หรือเปล่า ครูก็ตอบว่าไม่มี น้องทานข้าวได้เยอะและยังร่าเริงดี เราค่อยสบายใจ คงเป็นเพราะถ้าเรารู้สึกไม่สบายเราจะต้องหาหน้ากากมาปิดปากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไว้ก่อน เราใส่ตลอดเวลาค่ะ ถอดออกเฉพาะตอนกินข้าวและตอนอาบน้ำเท่านั้น ข้อดีของการใส่หน้ากากนอกจากจะป้องกันการแพร่เชื้อแล้ว เรายังไม่ต้องวุ่นวายแต่งหน้าไปทำงานด้วยค่ะ ปกปิดสภาพที่แท้จริงได้ดีเราจัดการโทรบอกให้สามีลางานมารับลูกเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว ตัวร้อนจี๋ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อาเจียน และมีอาการท้องเสียด้วย เลยคิดว่ายังไงคืนนี้ต้องนอนโรงพยาบาลเพราะไม่อยากแพร่เชื้อให้ลูกกับสามี พอไปถึงโรงพยาบาลก็นั่งรอคิวปกติค่ะ ระหว่างรอคิวก็มีเอกสารให้กรอก ในเอกสารจะถามอาการค่ะ ว่าปวดเมื่อยตัวหรือไม่ ท้องเสียหรือไม่ คนใกล้ตัวมีใครป่วยหรือไม่ ประมาณนี้ค่ะ เราก็กรอกไปตามจริงค่ะพอถึงคิวตรวจคุณหมอก็ตรวจ หู คอ จมูก แล้วบอกคอเราแดงมากเลย คงเป็นไข้หวัดใหญ่ ต้องตรวจดูว่าเป็นชนิดไหน อาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a เราก็เฮ้ย แบบตกใจมากค่ะ เพราะข่าวออกมาเยอะว่าไข้หวัดนี่มีหลายสายพันธุ์ ถ้าเป็น 2009 แบบที่เป็นข่าวล่ะ เราจะตายหรือเปล่า กลัวมากเลยค่ะตอนนั้น ก็เลยสอบถามคุณหมอว่าเราจะเป็นแบบ 2009 หรือเปล่า ที่บ้านไม่มีใครป่วยเลย เราจะติดจากใครล่ะคะ หมูหมา กาไก่ ก็ไม่ได้เลี้ยง เพราะเราเคยได้ยินว่าไข้หวัดบางชนิดเกิดมาจากสัตว์ระวังไว้! ไข้หวัดใหญ่ 3 ชนิด-สายพันธุ์ a สายพันธุ์ b และสายพันธุ์ cคุณหมอก็น่ารักมากเลยค่ะ อธิบายละเอียดเลยว่า ปกติไข้หวัดจะเกิดจากการที่เราได้รับเชื้อจากคนที่เป็น ทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ การไอ หรือ จาม ทำให้เชื้อแพร่อยู่ในอากาศเมื่อเราสูดเข้าไปจะทำให้ติดโรคนี้ได้ หรือหากเราไปสัมผัสกับสิ่งของที่คนป่วยไอจามรดไว้ เราก็สามารถติดไข้ได้เหมือนกัน ซึ่งไข้หวัดจะมีอยู่ 3 ชนิด คือสายพันธุ์ a สายพันธุ์ b และสายพันธุ์ c ที่เราพบมากและบ่อยคือ สายพันธุ์ a และ bสายพันธุ์ b จะพบเฉพาะในคน และไม่ค่อยทำให้เกิดอาการรุนแรง ส่วนมากจะระบาดในช่วงหน้าหนาว เพราะไข้หวัดชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศเย็น ซึ่งพบมากที่สุดในระหว่างเดือนธันวาคมและมกราคม และในฤดูฝนคือช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งใคร ๆ ก็ป่วยเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ bได้ แต่กลุ่มที่เสี่ยงและต้องระวังคือ คนที่ป่วยเป็นโรคปอด โรคหัวใจ และเด็กเล็ก ๆ อายุน้อยกว่า 2 ปี รวมทั้งคนแก่ และคนท้องด้วย ถ้าเกิดกับคนเหล่านี้มีโอกาสรุนแรงกว่าปกติ ทำให้เรานึกถึงลูกเลย นี่โชคดีมากที่ลูกเราไม่ได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a และ b ต่างกันอย่างไร? แบบไหนร้ายแรงกว่า?ส่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a นั้น จะมีอาการรุนแรงมากกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ b เป็นเพราะไข้หวัดสายพันธุ์ a จะแพร่ระบาดและควบคุมได้ยากกว่าชนิดบี อีกทั้งยังมีอาการรุนแรงกว่าหากพบเชื้อที่กลายพันธุ์เป็นไข้หวัดชนิดที่เกิดจากสัตว์แล้วแพร่กระจายมายังคนหลังจากนั้นคุณหมอก็บอกกับเราว่าขอตรวจสารคัดหลั่งนะ เราจะป้ายเอาน้ำมูกในจมูกไปตรวจ สักแป๊บพยาบาลก็เดินเข้ามาพร้อมสำลีพันก้านไม้ยาว ๆ แล้วแหย่เข้าไปในจมูก เรานี่กลั้นหายใจเลย แสบแปล๊บขึ้นมาทันทีแต่ทนไหว คุณพยาบาลใช้เวลาแหย่ทั้งสองข้างแป๊บเดียวค่ะก็เสร็จ คุณหมอบอกเราว่าต้องรอผลการเพาะเชื้อนะประมาณ 40 นาที จากนั้นพยาบาลจะเรียก แต่หมออยากให้แอดมิทเพราะไข้สูงมาก ทั้งท้องเสียทั้งอาเจียน ร่างกายจะเพลียกว่าปกติ อาจทำให้ขาดน้ำได้ อยู่โรงพยาบาลจะปลอดภัยกว่า เราก็ตกลงทันทีเพราะความจริงตั้งใจจะแอดมิทอยู่แล้วไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาติดไข้กับเรา กะว่าจะนอนโรงพยาบาลจนกว่าจะหายดีถึงกลับบ้าน คุณหมอก็เรียกพยาบาลให้เอารถเข็นเข้ามารับเราขึ้นตึกแอดมิท เราจัดแจงโทรบอกสามีเอาเสื้อผ้ามาให้เราก่อนค่อยแวะไปรับลูก คุณหมอก็ให้เราทานยาแก้แพ้ ลดไข้ และให้น้ำเกลือ คิดว่าตัวเองคิดถูกที่แอดมิทอยู่โรงพยาบาล อย่างน้อยก็มีคนคอยดูแล และไม่ต้องกังวลว่าไข้จะติดลูกอีก อย่าวางใจวันสองวันแรกเชื้อโรคยังไม่แสดงอาการประมาณชั่วโมงกว่าๆ ได้ คุณหมอก็เอาผลตรวจมาให้ดูพร้อมบอกว่าเราเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a มีผลเป็นบวกโดยคุณหมอจะให้ยาต้านไวรัสชนิดพ่นเพิ่ม วันสองวันก็จะมีอาการดีขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเดี๋ยวก็หาย เราเลยถามคุณหมอว่าลูกสาวเรามีสิทธิ์ติดเชื้อหรือเปล่า คุณหมอบอกว่ามีเพราะเชื้อโรคจะยังไม่แสดงอาการประมาณวันสองวัน ดังนั้นในสองสามวันนี้ก็ต้องเฝ้าระวังน้องด้วย แต่ถ้าได้รับวัคซีนป้องกันตามกำหนดก็ช่วยลดโอกาสการติดโรคได้ ตอนนั้นเราก็ได้แต่ภาวนาขอให้ลูกเราไม่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จากเราหลังจากคุณหมอออกไปเราก็หลับแบบไม่รู้ตัวค่ะ คงเพราะได้รับยาแก้แพ้ด้วย ตื่นขึ้นมายังรู้สึกเวียนหัว แต่อาการอาเจียนดีขึ้นเยอะมาก สามีเราเอาของมาให้ตอนไหนก็ไม่รู้ เรานอนโรงพยาบาลอยู่ 5 วันจนแน่ใจว่าหายดีแล้วถึงออกมา ข่าวดีของเราคือลูกเราไม่ได้รับเชื้อโรคด้วย คุณหมอบอกว่าจริง ๆ โรคนี้ถ้าร่างกายแข็งแรงดีและได้รับวัคซีนก็จะสามารถบรรเทาความรุนแรงได้ คงเพราะช่วงที่ได้รับเชื้อเราไม่ได้พักผ่อน ร่างกายอ่อนแอเลยทำให้อาการหนักมากป้องกันตนเองและผู้อื่นจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a และ b เพื่อน ๆ ก็ควรดูแลรักษาร่างกายตัวเองด้วยนะคะ เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่เป็นเชื้อโรคที่ตายง่ายค่ะ แค่เพียง ทำตามกฏ “กินร้อน ช้อนกลาง ขยันล้างมือ” ก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ และถ้าเกิดใครเจ็บป่วยก็ต้องสวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดสู่คนอื่น จะทำให้ปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่ลดลงเยอะค่ะ เหมือนประเทศญี่ปุ่นที่อัตราการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่น้อยมาก เพราะเมื่อคนญี่ปุ่นป่วย เค้าจะใส่หน้ากากป้องกันการแพร่เชื้อทันที ถือว่าเป็นการกระทำที่คนไทยเราควรเอาเยี่ยงอย่าง วันที่เรากลับบ้าน น้ำตาไหลเลยค่ะ ลูกสาววิ่งเข้ามากอดไม่ปล่อยเหมือนกลัวเราจะหายไป รู้เลยค่ะว่าเค้าคิดถึงเรามากขนาดไหน ดังนั้นสุขภาพของเราสำคัญมากค่ะ ขอให้เพื่อน ๆ ป้องกัน และรักษาสุขภาพตัวเองให้ดีนะคะ เพราะคุณมีคนที่คุณรัก และเค้าเหล่านั้นก็รักคุณมากจนคุณนึกไม่ถึงเลยล่ะค่ะบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ "โรคภัยใกล้ตัว" ที่ควรระวัง ใส่ใจ”อาการท้องผูก”สักนิด…เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี “ตับแข็ง” แม้ไม่กินเหล้า…คุณก็มีความเสี่ยงเป็นได้ “ไข้เลือดออก” ยุงลายเพชรฆาตตัวร้าย โดนกัดครั้งเดียวอาจถึงตาย ร้อนใน...แผลเล็กแต่ทรมานใหญ่