สมุนไพรน่ารู้ อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ August 14, 2016 Share 1 Tweet Pin 0 "เพชรสังฆาต" สรรพคุณ-ประโยชน์ สุดยอดสมุนไพรพิฆาต “ริดสีดวงทวาร” ในปัจจุบันโรคริดสีดวงทวารนั้นเป็นอีกโรคหนึ่งสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยกับทุกคนทุกวัย และสร้างความทรมานให้แก่ผู้ที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปทั้งการกิน การทำงาน และการใช้ชีวิตที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ไม่ใส่ใจเรื่องการขับถ่าย จนเป็นบ่อเกิดของโรคริดสีดวงทวารนั่นเอง เมื่อมีอาการของโรคนี้แล้วหลายคนจึงต่างพยายามมองหาวิธีที่จะช่วยแก้ไข เราจึงมีอีกหนึ่งวิธีที่อยากบอกต่อก็คือ การใช้สมุนไพรอย่าง "เพชรสังฆาต" (Cissus quadrangularis) ซึ่งถือเป็นสมุนไพรอันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องการช่วยรักษาอาการของโรคริดสีดวงทวาร และจากความโดดเด่น สรรพคุณของเพชรสังฆาต นี่เอง จึงมีการนำสมุนไพรอย่างเพชรสังฆาตมาผลิตเป็นยาในรูปแบบแคปซูลเพื่อให้ช่วยรักษาโรคได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้นลักษณะของต้นเพชรสังฆาตเพชรสังฆาต เป็นไม้เถาเลื้อยสีเขียว จัดอยู่ในพืชวงศ์องุ่น มีชื่อเรียกแตงต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น สันชะฆาต สามร้อยต่อ หรือสันชะงวด เป็นต้น เพชรสังฆาตมีรูปลักษณ์ที่สวยแปลกตา คนจึงมักคิดว่าเป็นไม้ประดับและนำมาปลูกเพื่อความสวยงามสะมากกว่า ต้น มีลักษณะเป็นไม้เถามีครีบเหลี่ยมๆเป็นข้อต่อกัน สีเขียว เปลือกเถาเรียบ มีมือไว้สำหรับเกาะยึดตามข้อต่างๆโผล่มาตรงข้อระหว่างใบ เห็นเป็นปล้องอย่างชัดเจนโดยบริเวณข้อจะเล็กลง แต่ละปล้องยาวประมาณ 3-15 เซนติเมตรใบ เป็นใบเดี่ยวรูปสามเหลี่ยม โคนใบเว้าลง ปลายใบมน ผิวใบเรียบเป็นมันสีเขียว ขอบใบหยักมนห่างๆดอก ดอกเป็นช่อเล็ก สีแดง แทงก้านออกออกมาจากตรงข้อ เมื่อดอกบานเต็มที่ก้านจะงอลงด้านล่างผล มีลักษณะกลม มีค่อนข้างเรียบเป็นมัน ผลอ่อนมีสีเขียว ผลแก่สีแดงออกดำ ในผลมีเมล็ดสีน้ำตาลผลละ 1 เมล็ดประโยชน์จากส่วนต่างๆ ของเพชรสังฆาตนอกจากสรรพคุณในการรักษาโรคริดสีดวงทวารที่โด่งดังแล้ว เพชรสังฆาตยังมีสรรพคุณทางยาในด้านอื่นๆ อีกมากมายซึ่งใช้ประโยชน์ได้จากเกือบทุกส่วนของเพชรสังฆาต ดังนี้ลำต้น- นำน้ำที่คั้นได้จากต้นมาปรุงเป็นยาธาตุ ช่วยให้เจริญอาหารหรือดื่มเพื่อรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้ ช่วยขับน้ำเหลืองและเลือดเสีย บรรเทาอาการประจำเดือนมาไม่ปกติในสตรี ช่วยขับลมแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ และสามารถมาหยอดหูรักษาโรคหูน้ำหนวกได้สำหรับการทานเพื่อรักษาโรคริดสีดวงนั้น หากจะทานสดควรทานโดยสอดเพชรสังฆาตชิ้นเล็กๆ ไว้ในอาหารต่างๆจำนวน 2-3 ชิ้นต่อหนึ่งมื้ออาหาร ห้ามเคี้ยว เพราะในเพชรสังฆาตมี Calcium Oxalate จำนวนมาก การเคี้ยวอาจจะทำให้เกิดอาการคันได้ รับประทานติดต่อกันประมาณ 10-15วัน หรือจะทานแบบผงโดยนำเถาไปตากแดดให้แห้งแล้วบดเป็นผงบรรจุแคปซูลขนาดแคปซูลละ 250 มิลลิกรัมทานวัน 4 เวลาก่อนอาหาร หรือสามารถซื้อแบบบรรจุสำเร็จตามร้านขายยาสมุนไพรทั่วไปก็ได้ หากทานแล้วมีการถ่ายมากขึ้นควรลดขนาดการทางลงเพราะเพชรสังฆาตมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆการรักษาควรรักษาร่วมกับการดูแลร่างกายแบบอื่น เช่น ทานอาหารที่มีกากใยสูง ไม่อั้นอุจจาระและขับถ่ายเป็นเวลา เพราะหากทานแต่เพชรสังฆาตแต่ไม่ดูแลตัวเอง ก็สามารถทำได้แค่เพียงบรรเทาอาการเท่านั้นใบ- มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคอาหารไม่ย่อย ขับน้ำเหลือง และนำมาพอกเพื่อช่วยให้กระดูกที่หักให้สมานตัวได้เร็วลดอาการปวดบวมและอักเสบราก-มีสรรพคุณช่วยสมานกระดูกเช่นเดียวกันกับใบเพชรสังฆาต...สมุนไพรรักษาริดสีดวง สร้างมวลกระดูก เพิ่มคอลลาเจนแต่สำหรับสรรพคุณและประโยชน์ของต้นเพชรสังฆาตไม่ได้จบอยู่เพียงแค่การรักษาโรคริดสีดวงทวารเท่านั้น เพราะเพชรสังฆาตยังสามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคอื่นได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยดูแลและรักษาโรคกระดูกบางได้ โดยมีงานวิจัยในประเทศพบว่า ในต้นเพชรสังฆาตมีสารสำคัญที่ทำให้เซลล์มีการสร้างมวลกระดูกเพิ่ม และยังเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในเซลล์สร้างกระดูก ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ที่อยู่ในกลุ่มสูญเสียมวลกระดูกง่าย เช่น วัยผู้สูงอายุ ผู้ที่อยู่ในวัยทอง ฯลฯ ลักษณะต้นเพชรสังฆาต โดยทั่วไปแล้วเรานิยมปลูกต้นเพชรสังฆาตเพื่อใช้ประดับบ้านเรือน เพราะเป็นพืชที่มีลักษณะแปลกตา มีดอกและช่อสีแดงที่ดูสวยงาม แต่เมื่อได้ทราบถึงสรรพคุณทางยาของสมุนไพรเพชรสังฆาตชนิดนี้กันบ้างแล้ว น่าจะทำให้เราได้เห็นว่าเจ้าต้นเพชรสังฆาตนั้นมีคุณค่าเพิ่มขึ้นอีกมากเลย โดยเฉพาะถือเป็นยาที่มีราคาถูกมากด้วย 10 สรรพคุณของเพชรสังฆาต ประโยชในการรักษาโรค1. เพชรสังฆาตมีสรรพคุณในการรักษาโรคริดสีดวงทวารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทียบเท่ากับการใช้ยาแผนปัจจุบันหรือยาจากต่างประเทศเลยทีเดียว โดยจะช่วยลดอาการปวดและการอักเสบได้ ทำให้หลอดเลือดแข็งแรงและหลอดเลือดดำที่บวมเป่งบริเวณทวารหนักหดตัวลงได้2. ประโยชน์ของเพชรสังฆาตมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ จึงช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการท้องผูก3. เพชรสังฆาตช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง และท้องอืดท้องเฟ้อ4. เพชรสังฆาตมีสรรพคุณช่วยทำให้เจริญอาหาร5. เพชรสังฆาตมีสรรพคุณทำให้กระดูกแข็งแรง บำรุงกระดูก ลดการสูญเสียมวลกระดูก และช่วยในการสมานกระดูกที่แตก หัก หรือซ้น โดยจะกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์กระดูกได้เร็วและแข็งแรงขึ้น6. ในเพชรสังฆาตอุดมด้วยวิตามินซี ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยในการกำจัดและป้องกันสารพิษต่างๆ และช่วยลดอาการอักสบได้เป็นอย่างดี7. ในเพชรสังฆาตมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีเช่นกัน แถมยังมีประสิทธิภาพสูงสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกได้อีกด้วย8. เพชรสังฆาตมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี จากการทดลองในกลุ่มผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานพบว่า ทำให้น้ำหนัก ไขมันในร่างกาย และเส้นรอบเอวลดลงอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งยังมีผลดีทำให้ระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือดลดลงด้วย เนื่องจากใยอาหารในเพชรสังฆาตที่ช่วยทำให้อิ่มเร็ว ยับยั้งเอนไซม์ที่ย่อยแป้ง น้ำตาล และไขมัน จึงลดการดูดซึมอาหาร9. ต้นเพชรสังฆาตมีประโยชน์ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และช่วยแก้อาการเลือดกำเดา ช่วยแก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติและแก้เลือดเสียในสตรี10. เพชรสังฆาตมีสรรพคุณช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือเลือดออกตามไรฟันได้เพชรสังฆาตช่วยลดน้ำหนักได้ไหม?จากการศึกษาทดลองจากผู้ร่วมทำการทดลองโดยไม่ปรับเปลี่ยนการกินอาหารและการออกกำลังกายโดยการให้ทานมื้อละ 100 มิลลิกรัมก่อนอาหาร พบว่าเพชรสังฆาตช่วยลดน้ำหนักได้เล็กน้อย ปริมาณไขมันและน้ำตาลในเลือดลดลง เนื่องจากเพชรสังฆาตเป็นพืชที่มีกาดใยสูงมาก ช่วยให้เนื้อที่กระเพราะน้อยลงจึงอิ่มเร็ว ลดการดูดซึมอาหารและความอยากอาหาร และยังเพิ่มระดับฮอร์โมนซีโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกอิ่มอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก การลดน้ำหนักที่ดีที่สุดควรทำไปพร้อมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลัง การทานเพชรสังฆาตหากทานแล้วท้องอืดสามารถเปลี่ยนมาทานหลังมื้ออาหารและไม่ควรทานมากเกินไปเพราะจะทำให้ไม่สบายท้องได้เพชรสังฆาต...กินอย่างไร ให้สุขภาพดี ต้านทานโรคอย่างไรก็ดี แม้ว่าเพชรสังฆาตจะมีสรรพคุณทางยาและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอยู่มาก แต่หากกินอย่างไม่ถูกต้องก็จะส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ เช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะไม่ปกติฯลฯ วิธีการกินเพชรสังฆาตที่เหมาะสมคือ อาจกินพร้อมกับอาหารหรือหลังอาหารทันที หรือสามารถกินเพชรสังฆาตในรูปแบบแคปซูลก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน แต่ไม่ควรกินเพชรสังฆาตแบบสดอย่างเดียวเด็ดขาด เพราะสารแคลเซียมออกซาเลตในเพชรสังฆาตจะทำให้เกิดการระคายเคืองที่คอและเยื่อบุภายในปากได้ ที่สำคัญคือ ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ร่วมกับการออกกำลังกายด้วยก็จะยิ่งดีมาก แค่นี้ร่างกายของเราก็จะปลอดภัยทั้งจากโรคริดสีดวงทวารและโรคอื่นๆ กันแล้วล่ะข้อแนะนำ และควรระวังในการใช้เพชรสังฆาต1. ควรระวังหากทานสด ไม่ควรเคี้ยวหรือรับประทานแบบสัมผัสกับปากโดยตรงเพราะอาจจะทำให้ระคายเคืองจาก Calcium Oxalate ที่มีอยู่ปริมาณมากในเพชรสังฆาตได้ 2. การทานในปริมาณมากสามารถทำให้ท้องอืดและไม่สบายท้องได้3. เนื่องจากมีฤทธิ์เป็นยาระบายแบบอ่อนๆ ดังนั้นผู้ที่มีธาตุอ่อนควรระมัดระวังในการทาน หากใครทานแล้วถ่ายมาก ควรลดขนาดการทานลง4. ยังไม่มีผลวิจัยสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์และผู้ที่กำลังให้นมบุตรดังนั้นจึงไม่ควรทานรู้ถึงสรรพคุณและประโยชน์ของเพชรสังฆาต...ตัวเพชรฆาต "โรคริดสีดวง" กันไปแล้ว ยามป่วยไข้ ไม่สบาย อย่าลืมนึกถึงสมุนไพรใกล้ตัว อย่าง "เพชรสังฆาต" นะค่ะ แต่หากคุณต้องการแก้ท้องผูก รักษาริดสีดวงทวาร ด้วยสรรพคุณของสมุนไพรอย่างเพชรสังฆาตแล้วละก็ เราแนะนำ เพชรสังฆาตชนิดเม็ด ทานง่าย ปลอดภัย เห็นผลจากผู้ใช้จริง ดีจนต้องบอกต่อ แถมมีบริการจัดส่งถึงบ้าน เก็บเงินปลายทาง รีบเช็คราคา โปรโมชั่นพิเศษได้ที่....คลิกที่นี่บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสรรพคุณ...ประโยชน์ของสมุนไพร 15 สรรพคุณ…ประโยชน์ของว่านหางจระเข้ “สมุนไพรแห่งความชุ่มชื่น” ตัวช่วยผิวสวย หน้าใส 13 สรรพคุณ…ประโยชน์ของทองพันชั่ง สมุนไพรเด่น “แก้โรคผิวหนัง” 17 สรรพคุณ…ประโยชน์ของขลู่ ปวดตัว ปวดข้อ “ขลู่” ช่วยได้ 15 สรรพคุณ…ประโยชน์ของชะเอมเทศ สุดยอด “สมุนไพรสู้โรคร้าย”