ผัก ผลไม้ วิตามิน อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ July 4, 2016 Share 26 Tweet Pin 0 11 ประโยชน์ของวิตามินอี (Vitamin E)...ที่คนอยากสวยต้องรู้ วิตามินที่เรารู้จักกันมีอยู่มากมายหลายชนิด แล้ววิตามินอีล่ะ? เป็นวิตามินที่คุณรู้จักดีพอแล้วหรือยัง? โดยสรรพคุณของวิตามินอีนั้นมีมากมาย ซึ่งคุณอาจจะยังไม่รู้ อีกทั้งวิตามินอีไม่ได้มีประโยชน์ต่อผิวพรรณของเราเท่านั้น แต่วิตามินอียังมีส่วนช่วยการทำงานของร่างกายคนเราให้มีสภาพการทำงานที่ดีได้อีกด้วย รวมถึงวิตามินอีมีบทบาทสำคัญในวงการเสริมความงามเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แล้วคุณล่ะอยากสวยหรือเปล่า? ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันเลยว่าประโยชน์ของวิตามินอี (Vitamin E) จะช่วยให้ผิวของคุณสวย ใส เนียนนุ่ม อย่างไรบ้าง? 11 คุณประโยชน์ของวิตามินอี1.วิตามินอีช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ นี่เป็นหนึ่งในสรรพคุณหลักของวิตามินอีเลยก็ว่าได้ เพราะในวงการแพทย์เสริมความงาม ส่วนใหญ่จะใช้วิตามินอีเข้ามาช่วยในการรักษาสภาพการทำงานของเซลล์ผิวหนัง ซึ่งคนที่ไปหาหมอเพื่อรักษาสภาพผิวหน้า หรือรักษาสิวนั้น คุณหมอจะให้ยากลุ่มวิตามินอี มาให้กับคุณเพื่อใช้ทาบริเวณที่เกิดสิว บรรเทารอยสิว และลดการเกิดสิว รวมถึงวิตามินอียังช่วยให้เซลล์ในร่างกายของเราไม่เสื่อมสภาพการทำงานไปง่ายๆ ทำให้เรายังดูหนุ่มสาว ไม่แก่ง่ายนั่นเอง2. วิตามินอีช่วยป้องกันภาวะแท้งของหญิงตั้งครรภ์ สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์คุณหมออาจจ่ายยากลุ่มวิตามินอีมาให้ทานควบคู่ด้วย นั่นเป็นเพราะบางคนที่ตั้งท้อง มีสุขภาพไม่แข็งแรง หรือได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจมีผลกระทบต่อลูกในท้องจนทำให้แท้งได้ ดังนั้นคุณหมอมักแนะนำให้ทานวิตามินอีเยอะๆ เพื่อรักษาสภาพการตั้งครรภ์ให้ทั้งคุณแม่และคุณลูก ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง3. วิตามินอีช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ สำหรับคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือคนที่ขี้หลงขี้ลืมบ่อยๆ คนเหล่านี้ไม่ได้ขาดแค่โอเมก้า3 เท่านั้น แต่ยังขาดสารอาหารจำพวกวิตามินอีอีกด้วย เพราะสารอาหารต่างๆ นั้นจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน ถ้าหากว่าขาดสารอาหารไปตัวใดตัวหนึ่งก็อาจจะทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่นั่นเอง จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานวิตามินอี 1,300 IU ต่อวัน อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีจะช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมจากการอุดตันของเส้นเลือดในสมองได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเป็นโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ก็ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และอย่าลืมทานวิตามินอีด้วยล่ะ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งประโยชน์ของวิตามินอีที่มองข้ามไม่ได้เลยค่ะ4. วิตามินอีช่วยบรรเทาตะคริว เหน็บชาได้ อย่างที่เรารู้กันว่าคนที่เป็นตะคริวหรือว่าเหน็ชาง่ายนั้น ควรทานข้าวซ้อมมือ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคนที่มีอาการเหน็บชาเหล่านี้ควรทานสารอาหารที่มีวิตามินอีด้วยเช่นกัน เพราะวิตามินอีเป็นตัวช่วยในการบรรเทาอาการของตะคริวให้ดีขึ้นกว่าเดิม แล้วคุณก็จะได้ไม่ต้องทรมานจากการเป็นตะคริวหรือเหน็บชานานจนเกินไป5. วิตามินอีช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม วิตามินอีมีสรรพคุณช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม และไม่ใช่แค่เซลล์มะเร็งเต้านมเท่านั้น แต่รวมถึงเซลล์มะเร็งชนิดอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้แล้ววิตามินอียังช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีได้อีกด้วย อันเป็นสาเหตุของการเกิดเซลล์มะเร็ง6. วิตามินอีจะทำงานร่วมกับวิตามินเอเพื่อป้องกันปอดจากมลพิษ คนที่ต้องทำงานอยู่ท่ามกลางมลพิษทางอากาศ เช่น คนกวาดถนน คนซ่อมท่อไอเสียรถยนต์ หรือแม้แต่คนที่ขายของอยู่ตามริมถนน ล้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับปอดได้มากกว่าคนที่ทำงานอยู่ในห้องแอร์ หรือในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ปลอดมลพิษ คนที่มีความเสี่ยงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทานวิตามินเอ และวิตามินอีควบคู่กันเป็นประจำ เพื่อป้องกันตนเองจากโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับปอด7. วิตามินอีช่วยป้องกันการเกิดแผลหนานูน เป็นสะเก็ดได้ นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณหมอด้านความสวยงามนั้นจำเป็นต้องพึ่งพาวิตามินอีให้มารักษาแผลที่เกิดจากสิว และร่องรอยของแผลต่างๆ เราจะเห็นว่าเมื่อไหร่ที่คุณเป็นแผล ไม่ว่าจะเกิดด้วยสาเหตุใดก็ตาม คุณมีสิทธิ์ที่จะมีแผลที่นูน ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนได้ ซึ่งวิตามินอีนี่แหละจะช่วยให้บาดแผลของคุณไม่เกิดความนูนขึ้นมา จนทำให้คุณมีผิวที่ดูไม่ดีได้8. วิตามินอีช่วยป้องกันปอดติดเชื้อจากมลพิษทางอากาศ โดยวิตามินอีทำงานร่วมกับวิตามินเอ9. วิตามินอีช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย10. วิตามินอีช่วยลดความดันโลหิต11. วิตามินอีมีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมได้อาหารอะไรที่มีวิตามินอี? เราสามารถบอกได้เลยว่าวิตามินอีนั้นอยู่ในอาหารที่เราทานกันอยู่ในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น ไข่ มะเขือเทศสด ถั่วลิสง หน่อไม้ฝรั่ง มันฝรั่ง ผักโขม เมล็ดอัลมอนด์ โดยเฉพาะผลไม้ที่เราหาซื้อได้ตามตลาดนั่นก้คือ มะม่วง ข้าวโพด และผักผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน เช่น แครอท ซึ่งเป็นแหล่งที่มีวิตามินอีเป็นจำนวนมาก รวมถึงในน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ที่เราใช้ในการทอดหรือปรุงอาหาร เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันทานตะวัน อีกด้วย ใช้วิตามินอีทาหน้าได้ด้วยเหรอ?สถาบันโรคผิวหนังหลายแห้งต่างมีผลการวิจัยยืนยันว่าวิตามินอีช่วยป้องกันผิวจากการไหม้เกรียมจากแสงแดด ริ้วรอยเหี่ยวย่น และรอยแผลได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานหรือ การการนำวิตามินอีมาทาที่ผิวโดยตรง ทั้งนี้เนื่องเมื่อบนผิวหนังเกิดการอักเสบ เกิดแผล หรือแม้แต่ ถูกแสงแดดเผาไหม้ เป็นผลทำให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระ วิตามินอีจึงทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำดูดซับสารอนุมูลอิสระก่อนที่ผ่านไปทำร้าย ทำลายเนื้อเยื่อต่างๆ ดังนั้นวิตามินอีจึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังเซลล์ ช่วยเซลล์ผิวให้แข็งแรงขึ้น ช่วยให้ทนต่อรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ในแสงแดดได้ดีขึ้น จึงทำให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางนิยมนำประโยชน์ และสรรพคุณของวิตามินอีมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์วิตามินอี รักษารอยดำจากสิวได้ยังไง?เมื่อไหร่ที่เราเป็นสิวควรต้องระวังอย่าให้สิวทิ้งรอยแดงจนกลายเป็นรอยดำ เพราะรอยดำเป็นร่องรอยที่เกิดจากสิวที่ใช้ระยะเวลาในการรักษานานมากที่สุด ซึ่งสรรพคุณของวิตามินอีมีส่วนช่วยในการรักษารอยดำจากสิวได้เหมือนกัน นั่นเป็นเพราะว่าวิตามินอีสามารถฟื้นฟูความชุ่มชื้นให้กับผิวของเรา ทำให้เซลล์ผิวบริเวณนั้นๆ กลับมาชุ่มชื้น อีกทั้งผลัดเซลล์ผิวเก่าหรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป และเมื่อเกิดเซลล์ผิวใหม่ก็จะทำให้รอยดำจากสิวนั้นค่อยๆ หายไปนั่นเอง ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินอีสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยเป็นกลุ่ม วิตามิน อี ครีม ที่เภสัชกรต่างรู้จักเป็นอย่างดีรู้ถึงสรรพคุณและประโยชน์ของวิตามินอีกันไปแล้ว...เห็นไหมล่ะว่า วิตามินอีนี่แหละ ที่เป็นตัวช่วยเรื่องความสวยความงามของหญิงสาว รวมถึงคนที่อยากมีผิวสวยได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณรู้สรรพคุณเลิศๆ ของวิตามินอีแล้วล่ะก็ คุณก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อเครื่องสำอางแพงๆ เพื่อมาปกปิดริ้วรอย รอยดำ รอยประวัติศาสตร์ของผิวแล้วค่ะบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับประโยชน์ของวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย 12 ประโยชน์ของวิตามินเอ (Vitamin A)...มิใช่แค่บำรุงสายตา 15 ประโยชน์ของวิตามินซี (Vitamin C)…ที่คนอยากขาวห้ามพลาด!! 7 ประโยชน์ของวิตามินบีรวม (Vitamin B)…คนทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ห้ามพลาด!! 7 ประโยชน์ของวิตามินบี 1 (Vitamin B1)…ที่ร่างกายขาดไม่ได้