เคล็ดลับสุขภาพ เรื่องน่ารู้ October 4, 2018 Share 1 Tweet Pin 0 18 วิธีดับกลิ่นอับในห้อง...รวมทริคดับกลิ่นอับ ให้ห้องกลับมาหอมสดชื่นใครมีที่พักอาศัยเป็นห้องพักไม่ว่าคอนโด อาพาร์ทเมนท์ แฟลต หรือแม้แต่หอพักก็ตาม ปัญหาอันดับต้นๆ ที่แทบจะหนีไม่พ้นก็คือ กลิ่นอับในห้องนั่นเอง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ารำคาญใจไม่น้อยที่ต้องมาคอยอดทนกับกลิ่นเหล่านี้ พยายามมาหลายวิธีแต่กลิ่นก็ยังอยู่ หากใครที่ไม่อยากหงุดหงิดกับปัญหานี้อีกต่อไป เราได้รวบรวมวิธีไล่กลิ่นอับออกไปจากห้องแสนรักของเรามาฝากกันค่ะ สาเหตุของการเกิดกลิ่นอับในห้องกลิ่นอับ (กลิ่นเหม็นในห้อง ) สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เริ่มตั้งแต่การประกอบอาหารในห้อง กลิ่นอับชื้นจากซอกมุมต่างๆ ในห้อง กลิ่นในตู้เสื้อ ควันบุหรี่ กลิ่นรองเท้า ตู้เย็น กลิ่นเสื้อผ้าที่เหม็นอับเพราะยังแห้งไม่สนิท เป็นต้น ใครๆ ก็อยากให้ห้องนั้นหอมสดชื่น สบายจมูกเพราะจะได้พักผ่อนอย่างสบายใจเวลาอยู่ที่ห้อง สำหรับวันนี้คุณสามารถกำจัดกลิ่นอับได้ง่ายๆ ด้วยวิธีของเรา ใครที่ไม่อยากทนอีกต่อไป มาเริ่มกำจัดกลิ่นอับกันได้เลยค่า18 วิธีดับกลิ่นอับ เรียกความหอมสดชื่น1. ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ เครื่องปรับอากาศเป็นแหล่งสะสมฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกชั้นดี เมื่อเปิดใช้งาน อากาศจะไม่ถ่ายเทออกไปข้างนอก เชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ จะแพร่กระจายและหมุนเวียนอยู่ภายในห้อง ดังนั้นหมั่นล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศบ่อยๆ จะช่วยได้มากค่ะ2. เปิดประตูหน้าต่าง ในขณะอยู่บ้าน เปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ยิ่งเปิดในช่วงที่แดดแรงๆ จะดีมากเพราะแดดจะช่วยกำจัดเชื้อโรคได้3. ปิดประตูหน้าต่างในขณะทำอาหาร ข้อนี้อาจจะดูขัดแย้งกับข้อด้านบน แต่มันเป็นสิ่งที่คสรทำเมื่อคุณประกอบอาหาร เพราะว่ากลิ่นอาหารนั้นสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ในห้อง แล้วกลิ่นอาจจะฝังตัวอยู่นานเลย ดังนั้นก่อนประกอบอาหารควรปิดประตูหน้าต่างห้องอื่นๆ ให้มิดชิดเสียก่อน แต่ถ้าปิดประตูห้องครัวแล้วกั้นกลิ่นอาหารได้ดี ก็ปิดแค่ห้องครัวห้องเดียวก็ได้ แต่ต้องเปิดหน้าต่างห้องครัวแล้วใช้พีดลมดูดกลิ่นอาหารออกไปทางหน้าต่างแทน4. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นอับ สำรวจสาเหตุของการเกิดกลิ่นอับแล้วหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดกลิ่นเช่น ตากเสื้อผ้าให้แห้งสนิทก่อนเก็บ เมื่อทำอาหารในห้องแล้วรีบทานรีบเก็บล้างทำความสะอาด แยกโซนเสื้อผ้าใช้แล้วรวมไปถึงรองเท้าให้อยู่ในบริเวณที่ระบายอากาศได้ง่าย ไม่สูบบุหรี่ในห้อง กำจัดขยะในห้องทุกวัน เป็นต้น5. แช่อาหารทันที เมื่อไปจ่ายตลาดแล้วมีของสดติดไม้ติดมือกลับมา ให้รีบนำไปแช่ตู้เย็นทันทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารสดจพวกเนื้อสัตว์ เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นคาวแพร่กระจายไปทั่วห้องนั่นเอง6. ผงซักฟอกกำจัดกลิ่นอับ สำรวจห้องว่ามีบริเวณใดที่สกปรกหรือมีเชื้อราบ้าง จากนั้นนำผงซักฟอกกลิ่นหอมมาขัดถูสะอาดทุกซอกมุม จากนั้นล้างให้สะอาด ปล่อยให้แห้งสนิท หรือถ้าไม่ทันใจก็ใช้ไดร์เป่าแทนก็ได้ค่ะ7. หมั่นรักษาความสะอาด หากมีข้าวของเครื่องใช้ที่มีกลิ่นอับหรือเชื้อราได้ง่าย ต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน พรม ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น เพราะความชื้นและคราบเหงื่อไคลนั้นทำให้เกิดกลิ่นอับได้ง่าย8. น้ำส้มสายชู หากทำวิธีด้านบนที่กล่าวมาแล้วยังมีกลิ่นอับๆ อยู่ ลองเทน้ำส้มสายชูใส่ถ้วยเล็กๆไปวางตามมุมห้อง เพียงแค่ 1 คืนกลิ่นอับจะบรรเทาลงอย่างแน่นอนค่ะ9. ผงฟู ผงฟูมีคุณสมบัติดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดีค่ะ นำผงฟูใส่ถ้วย ตรงไหนมีกลิ่นอับก็เอาไปวางตรงนั้น จะวางทั่วบ้านเลยก็ได้เพราะว่าหาซื้อได้ง่าย ราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าค่ะ แล้วกลิ่นอับจะถูกกำจัดได้อย่างง่ายดาย10. ถุงหอม สมุนไพร ถุงหอมสมุนไพรสามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่ถ้าใครอยากได้กลิ่นหอมๆในแบบของตัวเอง สามารถทำเองได้โดยการนำสมุนไพร เช่น ตะไคร้หอม พิมเสน การบูร เปลือกส้มหรือมะนาวตากแห้ง ขิง ข่า เป็นต้น มาตำหรือบดให้ละเอียด ผสมแล้วปรับแต่งกลิ่นตามใจชอบ จากนั้นใส่ถุงผ้ามัดปากถุงให้แน่น นำไปวางตามจุดต่างๆ ในบ้านหรือแขวนในตู้เสื้อผ้าก็ได้ค่ะ11. ถ่าน ถ่านหุงต้มธรรมดาๆ เรานี่แหละเป็นตัวช่วยดูดกลิ่นเหม็นอับได้เป็นอย่างดี ซึ่งบางคนอาจจะเคยเห็นการใช้ถ่านดับกลิ่นอับกลิ่นอาหารในตู้เย็น วิธีนี้นำมาใช้กับกลิ่นอับในห้องได้เช่นกัน เพียงนำถ่านใส่ถ้วยไปวางไว้ตามจุดที่เหม็นอับ หมั่นเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ จะได้คงประสิทธิภาพการดูดกลิ่นค่ะ12. น้ำหอมปรับอากาศ ใครที่ไม่รู้จะทำยังไงสามารถเลือดหาน้ำหอมกลิ่นที่ถูกใจมาใช้ได้ ฉีดพ่นให้ทั่วห้อง แต่ฉีดแล้วอย่าเปิดหน้าต่างระบายอาหารบ้างล่ะ หากฉีดมากไปแล้วเราก็อยู่ในห้องโดยที่อากาศในห้องปิดทึบ อาจจะเกิดอันตรายต่อตัวเราได้13. ใบเตย ถ้าอยากให้หอมแบบหวานๆ ไทยๆ ก็นำใบเตยสดมาหั่นเป็นชิ้น ชิ้นละประมาณ 1 นิ้ว ใส่ในตะกร้าแล้วนำไปวางหรือจะพับเป็นดอกกุหลาบมัดเป็นช่อใส่แจกัน นอกจากจะส่งกลิ่นหอมแล้ว ยังสวยงามไม่น้อยเลย14. มะกรูด เปลือกมะกรูดอุดมไปด้วยน้ำมันหอม ให้นำมะกรูดมาผ่าครึ่งแล้วเอาไปวางตามจุดต่างๆ ในห้อง ช่วยดับกลิ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยให้รู้สึกสดชื่นผ่อนคลายด้วย15. น้ำมันหอมระเหย มีน้ำมันหอมระเหยบางชนิดที่นอกจากจะมีกลิ่นหอมแล้ว ยังช่วยลดจำนวนไรฝุ่นลงได้ เช่น น้ำมันกานพลู น้ำมันโรสแมรี่ น้ำมันยูคาลิปตัส เป็นต้น คุณสามารถนำน้ำมันเหล่านี้ไปช่วยกำจัดกลิ่นอับในบ้านได้ บ้านหอมสดชื่น เจ้าของบ้านก็ได้ผ่อนคลายจากกลิ่นหอมๆ เหล่านี้ค่ะ16. เทียน อนุภาคฝุ่นผงต่างๆ ที่ลอยอยู่นั้นเป็นประจุบวก ส่วนถ้าเราจุดเทียนเราจะได้ประจุลบ หลังจากนั้นประจุสองตัวนี้จะเกาะกันจนหนัก แล้วตกลงพื้นในที่สุด อากาศจะดีขึ้น แนะนำให้ใช้เทียนหอมระเหยจุด ช่วยลดทั้งกลิ่นและฝุ่น แต่ไม่ควรจุดนานเกินไป เพราะเขม่าควันอาจทำให้อากาศแย่ลงกว่าเดิม17. ปลูกต้นไม้ จากงานวิจัยของสมาคมวิทยาศาสตร์พืชสวนแห่งอเมริกาพบว่า หากปลูกต้นไม้ในร่มจะช่วยให้คุณภาพอากาศภายในห้องดีขึ้นได้ ทำให้อากาศหมุนเวียนดีขึ้น เป็นวิธีที่ที่น่าสนใจแต่ว่า หากใครจะใช้วิธีนี้ ควรปลูกแบบเคลื่อนย้ายได้ เพราะในเวลากลางคืนต้องเอาต้นไม้ออก ไม่อย่างนั้นต้นไม้จะแย่งอากาศเราได้ค่ะ18. เครื่องฟอกอากาศ ใครที่ลองมาหลายวีแล้วยังไม่หาย มาลองวิธีนี้ได้กับเครื่องฟอกอากาศค่ะ ซึ่งก็มีหลายยี่ห้อ หลักการทำงานจะคล้ายๆ กันคือ ช่วยทำให้อากาศในห้องบริสุทธิ์ขึ้น กำจัดฝุ่นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ กำจัดกลิ่นอับและกลิ่นอื่นๆ ในห้องได้ดี บางรุ่นช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ ส่วนรุ่นมีโปรแกรมทำความชื้น ทำให้เย็นสบาย แต่ไม่ทำให้ผิวแห้งและคอแห้งเหมือนกับใช้เครื่องปรับอากาศค่ะใครที่กำลังประสบกับปัญหาห้องมีกลิ่นเหม็นอับ สามารถนำแนวทางเหล่านี้ไปใช้ได้เลยค่ะ เพราะส่วนใหญ่เป็นวิธีที่ง่าย สะดวกและประหยัด หากลองหลายวิธีแล้วยังมีกลิ่นอับอยู่ แนะนำให้ทำความสะอาดแบบครั้งใหญ่ โดยเลือกทำในวันที่แดดแรงๆ เริ่มจาก เปิดประตูหน้าต่างให้หมดทุกบาน เก็บเสื้อผ้า เครื่องนอน รองเท้าหรืออะไรก็ตามที่คาดว่าจะส่งกลิ่นอับได้ เอาไปซักให้หมดแล้วตากกลางแดดไปเลยค่ะ จากนั้นเก็บล้างภาชนะทั้งหมดแล้วเช็ดให้แห้งก่อนแล้วค่อยเก็บ ทำความสะอาดห้องทุกห้อง เน้นห้องครัวและห้องน้ำ ถ้าจุดไหนใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคได้ก็ใช้ทุกจุด เช่น พื้นห้อง อ่างล้างจาน โถส้วม เป็นต้นถู ตรงจุดไหนมีเชื้อราก็เน้นทำความสะอาดตรงนั้นมากหน่อย ปล่อยให้แห้งแล้วค่อยจัดของเข้าที่ตามเดิม รับรองว่าห้องจะไม่มีกลิ่นแน่นอน แต่ถ้าหากใครชอบแบบหอมๆ ก็หาพวกถุงหอมปรับอากาศมาแขวนก็ดีไม่น้อยค่ะ