1 คิดแบบใสๆ เหมือนเด็ก ทำไมจะต้องคิดมากให้วุ่นวาย เพราะมันจะยิ่งทำให้เราเครียดมากขึ้น ลองเปลี่ยนความคิดของคุณไปเป็นความคิดแบบใสๆ เหมือนเด็ก สงสัยก็ถาม โกรธก็บอก ไม่ชอบก็ปฏิเสธ รู้จักปฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบบ้าง ไม่ใช่อะไรๆ ก็เกรงใจ กลัวจะเสียหน้า หรือแคร์คนอื่นไปซะทุกคน การคิดแบบใสๆ และซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ ช่วยให้คุณไม่ต้องเครียดกับการกดดันตัวเอง และไม่เป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเองโดยใช่เหตุด้วยค่ะ

2 ไม่เจ้าคิด เจ้าแค้น...โกรธง่าย หายไว เคยสังเกตไหมคะ เวลาเด็กๆเล่นกัน มีอะไรกระทบกระทั่งกันนิดหน่อยก็โกรธกันซะแล้ว แต่ยังไม่ถึง 10 นาทีก็กลับมาเล่นกันใหม่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณต้องหัดนำข้อดีในวัยเด็กข้อนี้มาใช้ค่ะ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่คนเราซึ่งอยู่ด้วยกัน ทำงานร่วมกันจะทะเลาะ หรือพูดจาไม่ถูกใจกันบ้าง แต่ขอให้คุณลืมๆ มันไปซะบ้าง บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ต้องเก็บมาคิดให้จิตใจมัวหมองเปล่าๆ

3 จินตนาการ คิดนอกกรอบ อีกข้อดีของวัยเด็กคือเป็นวัยที่มีจินตนาการสูง เพราะยังไม่มีอะไรมาปิดกั้น มาจำกัดความคิด หากคุณได้ลองกลับไปคิดแบบนั้นโดยไม่ต้องสนใจข้อจำกัดต่างๆ ในสังคมผู้ใหญ่ดูบ้าง บางทีคุณอาจได้ไอเดียดีๆ แบบไม่รู้ตัวก็เป็นได้ค่ะ

4 คล่องแคล่ว ว่องไว ในวัยเด็กเรามักมีเอเนอร์จี้สูง กระปรี้กระเปร่าคล่องแคล่วว่องไวตลอดเวลา แต่พอโตขึ้น (หรือเริ่มแก่ตัวลง) สังเกตไหมคะว่าเราเริ่มจะเอื่อยๆ เฉื่อยๆ ไม่กระปรี้กระเปร่าเหมือนตอนเป็นเด็ก ลองเอาความแคล่วคล่องว่องไวที่เคยมีในวัยเด็กกลับมาใช้ค่ะ อย่ามัวแต่นั่งจมปลักอยู่กับเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานทั้งวัน ออกไปเดินสูดอากาศข้างนอก ทำตัวให้กระฉับกระเฉงบ้าง นอกจากคุณจะดูมีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของคุณด้วยค่ะ

5 อยากรู้ อยากเห็น สงสัยก็ถาม คำว่าอยากรู้อยากเห็นในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้คุณไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นนะคะ แต่หมายถึงให้คุณเป็นคนช่างค้นคว้าหาความรู้มาใส่ตัว อัพเดทข้อมูลใหม่ๆ ให้ตัวเองอยู่เสมอ มีอะไรสงสัยก็ให้ถาม ไม่ใช่คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้วเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ก็อายคนอื่นแย่ แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามันจะน่าอายยิ่งกว่าถ้าคุณเก็บความไม่รู้นั้นไปตลอดชีวิต การไม่รู้เรื่องอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่เรื่องน่าอายค่ะ กลับยิ่งน่ารักขึ้นไปซะอีกถ้าคุณกล้าถามมันออกมา