คลินิกสุขภาพจิต สุขภาพแม่และเด็ก June 28, 2018 Share 0 Tweet Pin 0 14 ข้อห้ามสำหรับคนท้องอ่อนๆ 1-3 เดือน...รู้ไว้ เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็กเมื่อตั้งครรภ์ สิ่งที่ควรใส่ใจมากเป็นพิเศษคือความปลอดภัย เพราะร่างกายคุณแม่จะอ่อนแอมาก การติดเชื้อ การรับสารเคมีหรืออันตรายต่างๆ เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อตัวคุณแม่เองแล้วยังส่งผลต่อทารกในครรภ์ด้วย สำหรับคนท้องอ่อนๆ 1-3 เดือนมีข้อควรระวังหรือห้ามทำในสิ่งใดบ้าง วันนี้เรามี 14 ข้อปฎิบัติมาบอกกล่าวกันค่ะ 14 ข้อต้องรู้...เพื่อความปลอดภัยสำหรับคนท้อง 1-3 เดือน1. ห้ามทานอาหารสุกๆ ดิบๆ อาหารที่ไม่สุก อาจจะปนเปื้อนเชื้อโรคหรือแบคทีเรีย รวมไปถึงพยาธิ ที่อาจติดต่อไปยังทารกในครรภ์ได้2. ห้ามทานอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งนานเกินไป คุณแม่บางท่านกังวลว่าลูกน้อยอาจจะขาดสารอาหาร จึงทานอาหารบางอย่างมากเกินไป เช่น อยากให้ลูกตัวสูงก็ดื่มนมเยอะๆ ซึ่งพฤติกรรมการทานอาหารแบบนี้จะทำให้ลูกน้อยคลอดออกมาเสี่ยงเป็นภูมิแพ้อาหารชนิดนั้นๆ ได้3. ห้ามทานอาหารทะเลบางชนิด อาหารทะเลบางชนิดอย่างหอย หรือปลาทะเลน้ำลึก มีสารปรอทสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารปรอทนี้ทำลายระบบประสาทและสมองของทารก ตัวอย่างปลาที่ไม่ควรทาน เช่น ปลาโทงเทง ปลาฉลาม ปลาดาบ ปลาอินทรี ส่วนปลาทูน่า ปลาแซลมอนสามารถทานได้แต่ควรทานเพียงเล็กน้อยค่ะ4. ห้ามเก็บอุจจาระแมว เชื้อพยาธิท็อกโซพลาสโมซิส เป็นพยาธิที่ใช้แมวเป็นโฮสต์ เชื้อนี้จะปนเปื้อนมากับอุจจาระของแมว หากเก็บอุจจาระแมวแล้วทำความสะอาดไม่ดี อาจได้รับเชื้อเข้าไปได้ ซึ่งเชื้อชนิดนี้เป็นอันตรายกับคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์เป็นอย่างมาก เพราะทารกมีโอกาสได้รับเชื้อมากถึง 45% หากทารกติดเชื้ออาจจะแท้ง พิการ หรือเสียชีวิตในระหว่างคลอด หากรอดชีวิตก็เสี่ยงมีอาการอย่างอื่นเช่น มีน้ำในสมอง ชัก ปอดอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโต หัวลีบ สมองอักเสบ หรือไขสันหลังอักเสบ ตาบอด หูหนวก ปัญญาอ่อน5. ห้ามซื้อยามาทานเอง มียาไม่กี่ชนิดที่คนท้องสามารถทานได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ ดังนั้นในขณะตั้งครรภ์ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งเท่านั้นเพราะยาบางชนิด เมื่อทานเข้าไปจะส่งผลให้ทารกในครรภ์ เจริญเติบโตช้า พิการหรือเสียชีวิตในครรภ์ได้ ตัวอย่างยาที่ห้ามทานเด็ดขาดในขณะตั้งครรภ์เช่น ยารักษาสิว ยาแก้ปวดไมเกรน เตตราไคลซิน ไอบูโพรเฟน แอสไพริน เป็นต้น หากเจ็บป่วยห้ามซื้อยามาทานเอง ควรไปพบแพทย์หรือปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง6. ห้ามสูบบุหรี่ สารนิโคตินเชื่อกันว่าสามารถส่งผ่านไปยังทารกในครรภ์ในครรภ์ได้ ซึ่งผลของมันคือ กดการทำงานของสมองในส่วนที่ควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ ผู้ที่สูบบุหรี่ในขณะตั้งครรภ์มีโอกาสแท้งมากกว่าผู้ที่ไม่ได้สูบหลายเท่าตัว นอกจากนี้อาจคลอดก่อนกำหนด เมื่อคลอดแล้วทารกจะมีน้ำหนักน้อย ระบบหายใจพัฒนาไม่เต็มที่ หัวใจเต้นเร็ว สมองและร่างกายพัฒนาได้ช้าและอาจเสี่ยงปัญญาอ่อนได้7. ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในขณะตั้งครรภ์โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ เป็นช่วงที่ระบบประสาทและสมองกำลังพัฒนามากที่สุด แอลกอฮอล์จะเข้าไปทำลายเซลล์ประสาท ทำให้ทารกเมื่อคลอดออกมาอาจมีอาการผิดปกติทางระบบประสาท โครงสร้างสมองผิดปกติ ศีรษะเล็ก สติปัญญาบกพร่อง ความจำไม่ดี สมาธิสั้น อยู่นิ่งไม่ได้ ในกรณีที่คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มแอลกอฮอล์มากๆ ทารกเสี่ยงป่วยด้วยโรค Fetal alcohol syndrome โดยมีอาการคือใบหน้าส่วนกลางพัฒนาผิดปกติ ดั้งจมูกแบน ปลายจมูกเชิด หนังคลุมหัวตามาก ช่วงตาสั้น ริมฝีปากบนเรียบ ยาว และบาง8. ห้ามอบซาวน่า ขณะตั้งครรภ์ อุณหภูมิร่างกายจะสูงอยู่แล้ว หากไปอบซาวน่าอีกจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ทำให้สูญเสียน้ำและเกลือแร่ ทำให้เลือดข้น เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และอุดตันตามเส้นเลือด ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงทารกไม่พอ อาจทำให้ทารกพิการหรือเสียชีวิตได้9. ห้ามทำสีผม ยังไม่มีผลการวิจัยที่แน่นอนว่าการทำสีผมนั้นอันตรายหรือไม่กับทารก แต่หากวิเคราะห์ดูจะเห็นว่าหนังศีรษะเป็นส่วนที่สามารถดูดซึมสารเคมีจากน้ำยาย้อมผมได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงไว้ก่อนจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์10. ห้ามเครียด ความเครียดจะกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารเคมีหรือฮอร์โมนบางตัวที่ทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบ เลือดไหวเวียนไม่สะดวก ออกซิเจนจึงไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารก หากมีความเครียดสูงตลอดการตั้งครรภ์ ทารกอาจคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย ทั้งนี้ทารกในครรภ์สามารถรับรู้ความเครียดของคุณแม่ได้ หากสมองตอบสนองต่อความเครียดมากไป จะเพิ่มความเสี่ยงให้ทารกคลอดออกมาเป็นเด็กพิเศษ เช่น ออทิสติก หรือเป็นเด็กสมาธิสั้นได้11. ห้ามละเลยการทานยาบำรุงครรภ์ ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ ระบบประสาทและสมองกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โฟลิคเป็นวิตามินที่จะช่วยบำรุงสมองของทารก ซึ่งปกติแล้วแพทย์จะจ่ายยานี้มาให้ ควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากละเลย สมองและไขมันสันหลังอาจผิดปกติ ทารกอาจพิการทางสมองตั้งแต่กำเนิดได้ แต่ถ้าใครวางแผนที่จะตั้งครรภ์ ขอแนะนำให้ทานโฟลิคตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ จะช่วยป้องกันความผิดปกติทางสมองของทารกได้มากกว่าการทานระหว่างการตั้งครรภ์12. ห้ามอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ จากผลการวิจัยพบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ เช่น การใช้สารเคมีฆ่าแมลง สีทาบ้าน น้ำยาล้างห้องน้ำ ผักผลไม้ที่ปนเปื้อนสารเคมี รวมไปถึงควันบุหรี่ จะมีความเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษและการคลอดก่อนกำหนดได้13. ห้ามรับการฉายรังสี หากได้รับรังสีมากๆ จะถูกซึมเข้าสู่กระแสเลือดและทารกจะได้รับผ่านทางรก ส่งผลต่อการพัฒนาของระบบประสาทและสมองของทารก อาจทำให้ทารกพิการแต่กำเนิดและบกพร่องทางสติปัญญา13. ห้ามลดน้ำหนักหรืออดอาหาร คนท้องต้องการสารอาหารมากเป็นสองเท่าของคนปกติ เพราะทารกก็ต้องการอาหารไปช่วยในการเจริญเติบโต ควรทานอาหารให้หลากหลายและครบถ้วน 5 หมู่ เนื่องจากหากคุณแม่ตั้งครรภ์อดอาหาร เสี่ยงคลอดก่อนกำหนดสูง ทารกอาจมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ระบบหายใจทำงานไม่ปกติ ในรายที่มีอาการรุนแรงสมองอาจพิการเพราะได้รับสารอาหารไปบำรุงสมองไม่พอในช่วงอยู่ในครรภ์14. ห้ามออกกำลังกายหรือทำงานหักโหม ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ หากทำงานหนักหรืออกกำลังกายหักโหม อาจจะทำมีภาวะแท้งคุกคามหรือแท้งจริงๆ เลยก็ได้ ดังนั้นในช่วงนี้ควรพักผ่อนให้มากๆ หากต้องทำงานหรืออกกำลังกาย เลือกงานที่เบาๆ ใช้แรงไม่มาก จะได้ไม่อันตรายต่อทารกในครรภ์เพราะในช่วงตั้งครรภ์ 1-3 เดือนเป็นช่วงที่ร่างกายเปราะบางเป็นพิเศษ เนื่องจากอวัยวะสำคัญของทารกกำลังพัฒนาและเป็นช่วงที่เกิดภาวะแท้งง่าย ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์อ่อนๆ ควรใส่ใจทำตามข้อควรปฎิบัติและข้อห้ามต่างๆ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์นะค่ะ