สิวอุดตัน เกิดจากอะไร?

พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน

1 ไม่ใช้คลีนซิ่งเช็ดเครื่องสำอางก่อนล้างหน้า สาวๆคนไหนที่แต่งหน้าแล้วไม่ใช้คลีนซิ่งเช็ดก่อนล้างหน้าแล้วล่ะก็ บอกได้เลยว่าคุณกำลังทำ “ผิด” ต่อผิวคุณอย่างมหันต์ หรือแม้แต่จะใช้ครีมกันแดดและแป้งฝุ่นเพียงอย่างเดียวก็ไม่ควรมองข้ามคลีนซิ่ง เพราะมีเครื่องสำอางหลายชนิดที่กันน้ำ โดยสังเกตข้างขวด หรือข้างหลอดจะมีคำว่า “Waterproof” หรือ “Water Resistant” อยู่ ซึ่งเครื่องสำอางเหล่านี้จะติดทนมากเป็นพิเศษ ล้างน้ำเปล่าธรรมดาไม่ออก หรือแม้จะใช้โฟมล้างหน้าก็ตาม มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เครื่องสำอางเหล่านี้ออกหมดจดก็คือการใช้คลีนซิ่ง สำหรับคนที่เป็นสิวอุดตันอยู่นั้น ควรเลือกใช้คลีนซิ่งแบบน้ำ หรือ Cleansing Water ยิ่งถ้าปราศจากสี น้ำหอม และแอลกอฮอล์ด้วยก็จะยิ่งดี ห้ามใช้คลีนซิ่งที่เป็นน้ำมัน หรือ Cleansing Oil อย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวหน้าคุณยิ่งมันขึ้น และหากเช็ดออกไม่หมดยังเสี่ยงต่อการเป็นสิวอุดตันเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก

2 นอนทั้งๆที่ยังไม่ได้ล้างหน้า เชื่อว่าหลายคนที่กลับมาจากเรียนหรือทำงานเหนื่อยๆ แล้วเผลอนอนแผ่บนเตียงแล้วไม่ได้ล้างหน้ายาวไปจนถึงเช้า ขอบอกว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่งค่ะ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยด่วน ถ้าไม่อยากมีสิวอุดตันขึ้นเต็มหน้า เพราะการหลับไปทั้งๆที่ยังไม่ได้ล้างหน้า แถมหน้ายังเต็มไปด้วยแบคทีเรียและมลภาวะต่างๆที่เราเจอมาในตอนกลางวันอย่างมากมายถือเป็นการทำร้ายผิวหน้าอย่างยิ่ง เพราะทั้งน้ำมัน ทั้งเครื่องสำอางจะอุดตันอยู่ในรูขุมขนของคุณตลอดทั้งคืน แถมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ต้องเร่งรีบไปทำงานต่ออีก คงไม่มีเวลาเช็ดเครื่องสำอางออกได้หมดจดเป็นแน่ แทนที่ในตอนกลางคืนผิวหน้าจะได้พักผ่อน และได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่จากครีมบำรุง กลับกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียซะนี่ ใครกำลังทำแบบนี้อยู่ ขอให้เลิกด่วนค่ะ

3 ล้างหน้าบ่อยเกินไป หลายคนอาจตกใจว่า ล้างหน้าบ่อยแล้วจะทำให้เกิดสิวอุดตันได้ยังไง เพราะหน้าสะอาดก็ต้องทำให้สิวน้อยลงสิ แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย เพราะการล้างหน้าบ่อยๆจะทำให้ผิวเสียสมดุล และขาดความชุ่มชื้น ต่อมไขมันใต้ผิวหนังจึงผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อทดแทนไขมันที่สูญเสียไป ดังนั้น การล้างหน้าบ่อยๆแทนที่จะทำให้หน้าสะอาดใสไร้ความมัน แต่กลับเป็นการกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้นแทน ทางที่ดีควรล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้ง คือ เช้า และเย็น หากระหว่างวันหน้าต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ หรือมีเหงื่อออกเยอะมากจริงๆก็อาจล้างอีกครั้งหนึ่งก็ได้ แต่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่ผสมสารขัดผิว หรือมีฤทธิ์เป็นด่างมากไป เพราะจะทำให้ค่า Ph ของผิวเสียสมดุลได้

4 ใช้ครีมที่มีส่วนผสมที่อุดตันผิว ครีมบำรุงผิวบางชนิดมีสารที่กระตุ้นให้เกิดสิวอุดตัน เช่น พวกน้ำมันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น jojoba oil, Olive Oil, Coconut Oil ฯลฯ ทางที่ดีควรเลือกใช้ครีมบำรุงผิวประเภท
Oil Free หรือเลือกใช้เป็นเนื้อเจล หรือเอซเซนส์แทน เพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันของรูขุมขน

วิธีรักษาสิวอุดตัน

สิวอุดตันนั้นโดยทั่วไปรักษายากกว่าสิวอักเสบและสิวชนิดอื่นๆมาก เพราะสิวอักเสบถึงแม้จะไม่ได้ใช้ยาอะไรก็จะค่อยๆยุบไปเองตามธรรมชาติ แต่สิวอุดตันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะหากไม่มีการใช้ยา หรือกดออกมา สิวอุดตันก็จะยังคงฝังอยู่ใต้ผิวอย่างนั้น ไม่มีการหายไปเองอย่างแน่นอน ดังนั้นวิธีกำจัดสิวอุดตันที่เราจะมาแนะนำกันวันนี้จึงเป็นวิธีที่เกี่ยวกับการใช้ยาเป็นส่วนใหญ่

• ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของฺ BP (Benzoyl Peroxide) หากเพิ่งเริ่มใช้ควรเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีค่าเปอร์เซ็นต์น้อยๆ ตั้งแต่ 2.5% ก่อน เพราะหากใช้เปอร์เซ็นต์ที่เยอะกว่านี้อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ โดยใช้ทาก่อนล้างหน้าประมาณ 15-20 นาที BP จะมีกลไกการทำงานโดยการปล่อยออกซิเจนออกมาบนผิว เพื่อฆ่าเชื้อ P.acne ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว

• ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acid) AHA เป็นกรดผลไม้ สามารถเร่งการผลัดเซลผิวให้หลุดออกได้เร็วขึ้น ใช้ที่ความเข้มข้นประมาณ 8-10% ทาวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน นอกจากในผลิตภัณฑ์ยาแล้ว AHA ยังมีอยู่ในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะขามเปียก มะนาว ฯลฯ การพอกหน้าด้วยสมุนไพรเหล่านี้จึงลดความรุนแรงของการเป็นสิวอุดตันได้ แต่ต้องมั่นใจว่าคุณไม่ได้เป็นสิวอักเสบร่วมด้วย เพราะกรด AHA จะยิ่งทำให้อาการของสิวอักเสบแย่ขึ้นไปอีก

• ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ กรดวิตามินเอเป็นยาหลักๆ ที่ใช้ในการรักษาสิวอุดตัน เนื่องจากได้รับการรับรองทางการแพทย์แล้วว่าได้ผลดีที่สุดในการรักษาสิวอุดตัน ตั้งแต่ในระดับน้อย ปานกลาง ถึงระดับรุนแรงมาก ส่วนใหญ่แล้วกรดวิตามินเอที่ใช้จะมีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.01%, 0.025% และ 0.05% แล้วแต่ระดับความรุนแรงของสิว มีทั้งในรูปแบบครีมและเจล ใช้ทาวันละครั้งก่อนนอน และห้ามทาในตอนกลางวันเด็ดขาด เนื่องจากกระวิตามินเอมีความไวต่อแสงมาก อาจทำให้ผิวหน้าไหม้ได้เลยทีเดียว นอกจากนี้จะต้องทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด กลไกการทำงานของมันก็คือช่วยดันสิวที่อุดตันอยู่ภายใต้ผิวหนังให้ออกมา กระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ผลัดเซลล์ผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน และช่วยลดไขมันบริเวณผิวหนัง แต่ผลข้างเคียงจากกรดวิตามินเอค่อนข้างรุนแรงเช่นกัน คือ อาจทำให้สิวเห่อได้ในช่วงแรกที่ใช้ เนื่องจากกรดวิตามินเอจะมีฤทธิ์ทำให้เซลผิวหนังจับกันอย่างหลวมๆ ทำให้สิวอุดตันที่อยู่ภายใต้ผิวหนังหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น ในระยะแรกที่ใช้จึงมีสิวเห่อ จะมากหรือน้อยนั้นแล้วแต่ปริมาณของสิวอุดตันที่ฝังอยู่ภายใต้ผิวหนังของแต่ละคน นอกจากนี้ผลข้างเคียงจากยานี้อาจทำให้ผิวหนังแห้ง แสบ แดง และลอกอย่างรุนแรง ในระยะนี้จึงไม่ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งใดๆทั้งสิ้น เพราะจะเป็นการกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลให้มากขึ้นไปอีก ควรใช้แค่ครีมกันแดด และมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม อย่างไรก็ตาม ยานี้หากใช้ถูกวิธีก็จะทำให้สิวอุดตันหายได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือน แต่หากใช้ในปริมาณที่เยอะเกินไป หรือใช้ผิดวิธี ก็จะส่งผลเสียที่รุนแรงต่อผิวหนังเช่นกัน ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้

รู้วิธีการกำจัดสิวอุดตันแล้วก็อย่าลืมนำไปใช้กันนะคะ แต่อย่างไรก็ตาม การป้องกันย่อมดีกว่าการไก้ไข หากใครไม่อยากเป็นสิวอุดตัน แนะนำให้ดูแลผิวหน้าให้สะอาด ดื่มน้ำเยอะๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ แค่นี้ก็ลดโอกาสการเกิดสิวอุดตันไปได้บ้างแล้วล่ะค่ะ