การดูแลรูปร่างและผิวพรรณ หน้าใส July 7, 2018 Share 18 Tweet Pin 0 16 วิธีรักษาหน้ามัน...อยากแก้ "ปัญหาหน้ามัน" ต้องทำอย่างไร?"หน้ามัน" เป็นอีกปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน ด้วยสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนจัด แดดแรง ทำให้เหงื่อออกง่าย ผิวก็มันง่ายตามไปด้วย ถึงแม้ว่าจะหน้าใสมาก ไม่มีสิวฝ้ามากวนใจ แต่ถ้าใบหน้านั้นมันเยิ้มตลอดเวลา จะทำให้ผิวดูหมองไปในทันที อีกทั้งยังทำให้สิ่งสกปรกมาสะสมบนใบหน้าได้ง่าย แถมยังทำความสะอาดให้หมดจดยากไปอีก พอล้างหน้าไม่สะอาด สิวก็จะมา เรียกว่ามีผลกระทบเป็นลูกโซ่เลยทีเดียว...สำหรับเรื่องมันๆ บนใบหน้านี้ สาวๆ คงยอมกันไม่ได้ใช่มั้ยละคะ ดังนั้นใครที่มีปัญหาหน้ามันมานาน ทำยังไงก็ไม่หายสักที ลองนำวิธีลดหน้ามันต่อไปนี้ไปใช้ บางทีคำตอบของปัญหานี้อาจจะใกล้ตัวมากกว่าที่คุณคิดค่ะ สาเหตุการเกิดปัญหาหน้ามันหน้ามันเกิดจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากผิดปกติ จนทำให้หน้ามันวาวได้ง่าย บางคนถึงแม้จะผิวแห้งแต่ก็มีบางส่วนของใบหน้าที่มันอย่างเช่น บริเวณทีโซน เนื่องจากบริเวณมีต่อมไขมันที่ใหญ่กว่าและทำงานได้ดีกว่าที่อื่น ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมช่วงระหว่างคิ้ว จมูก จึงมันได้ง่ายกว่าปกติมากสาเหตุที่ต่อมไขมันทำงานมากผิดปกติ ส่วนใหญ่เกิดมาจากกรรมพันธุ์ แต่ก็เกิดจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน เช่น ทานอาหารมันๆ ทอดๆ แสงแดด ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมจากน้ำมัน ความเครียด ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การที่มีใบหน้ามันส่งผลเสียหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิวได้ง่าย หน้าดูหมองคล้ำ แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางเยิ้มเลอะได้ง่าย ซึ่งข้อเสียเหล่านี้ไม่ใครชอบอย่างแน่นอน16 วิธีรักษาหน้ามัน...ลดหน้ามัน1. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดหน้ามัน อันดับแรกควรงดการทานอาหารมันๆ ทอดๆ เนื่องจากต่อมไขมันจะทำงานมากขึ้น ลดการทานอาหารรสเผ็ดร้อนและแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้เหงื่อออกมาก ดูหน้ามันตลอดเวลา ที่สำคัญไม่ควรล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้งหรือใช้กระดาษซับหน้ามันตลอดทั้งวัน การพยายามคอยกำจัดน้ำมันบนใบหน้าอยู่ตลอดเวลานั้น ผิวจะเข้าใจผิดคิดไปว่าหน้าขาดน้ำมัน จึงกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น ยิ่งซับยิ่งล้าง หน้ายิ่งมันค่ะ2. เลือกทานอาหาร สำหรับคนที่หน้ามัน ควรเลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินบี 2 เพราะถ้าหากได้รับไม่เพียงพอ อาจจะทำให้หน้ามันมากขึ้นได้ ตัวอย่าอาหารในกลุ่มนี้เช่น ถั่ว ข้าวกล้อง ข้าวสีนิล ลูกเดือย ธัญพืชชนิดอื่นๆ แครอท ผักโขม แคนตาลูป เป็นต้น รับประทานบ่อยๆ จะช่วยลดการผลิตน้ำมันได้3. เลิกปล่อยผมปรกใบหน้า เพราะเส้นผมเป็นแหล่งสะสมน้ำมันและความสกปรกชั้นดี หากผมปิดหน้าบ่อยๆ หน้าจะมันมากขึ้น ทั้งยังสกปรกได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวด้วย ดังนั้นพยายามทำผมในทรงที่ไม่รกหน้า หากิ๊ฟติดผมหรือมัดรวบผมให้เรียบร้อย อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดเส้นผม ปลอกหมอน ผ้าห่มและผ้าปูที่นอนอย่างสม่ำเสมอ4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญต่อผิวหน้ามาก การได้รับน้ำอย่างเพียงพอช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่นและไม่มันจนเกินไป ดังนั้นควรจิบน้ำเรื่อยๆ ในระหว่างวัน ไม่ควรดื่มมีละเยอะๆ เพราะร่างกายจะเอาไปใช้แค่นิดเดียว ส่วนใหญ่ถูกขับออกมาทางปัสสาวะหมด การจิบเรื่อยๆ ร่างกายจะเอาน้ำไปใช้ได้มากและมีประสิทธิภาพดีกว่า5. รักษาความสะอาดบนใบหน้า ไม่แคะแกะเกาหรือบีบสิว หยุดลูบจับใบหน้าโดยไม่จำเป็น หากจะจับต้องล้างมือก่อน การล้างหน้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ควรล้างหน้าแค่วันละ 2 ครั้ง หากหน้ามันระหว่างวัน ควรใช้ทิชชู่แทนกระดาษซับมันใบหน้า การพยายามกำจัดน้ำมันบนใบหน้าตลอดเวลาจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น6. ปกป้องใบหน้าจากแสงแดด หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแสงแดด เพราะความร้อนจากแดดจะทำให้ผิวขาดความสมดุลและแห้งลงได้ เมื่อหน้าแห้งมากๆ ผิวจะกระตุ้นการผลิตน้ำมันจนกลับมาหน้ามันยิ่งกว่าเดิม ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า Spf 30 ขึ้นไปและมี PA+++ เพราะสามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี เลือกสูตรที่บางเบาซึมซาบง่ายหรือมีส่วนผสมของสารกันแดด เช่น ไทเทเนียมไดออกไซด์ ซึ่งเป็นครีมกันแดดสำหรับคนหน้ามันโดยเฉพาะ ส่วนใครที่ไม่แพ้แอลกอฮอล์ ใช้ครีมสูตรที่มีแอลกอฮอล์ได้เลยเพราะว่าจะซึมง่ายและเร็วกว่าสูตรอื่นๆ7. ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH เป็นกลางหรือเป็นกรดเล็กน้อย เพราะอ่อนโยนต่อผิว หรือความเป็นกรดอ่อนนั้นช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบนผิวหน้าได้ดี อาจจะเลือกสูตรเย็นก็ได้เพราะไม่ทำให้ผิวแห้งมากเกินไป สิ่งที่ไม่ควรใช้คือสบู่ที่มีฤทธิ์เป็นด่างมากไปหรือผลิตภัณฑ์ที่ผสมเม็ดสครับ การขัดถูนั้นหากรุนแรงมากไปจะทำร้ายผิวและกระตุ้นให้ผิวขับน้ำมันออกมามากขึ้น8. ใช้โทนเนอร์ควบคุมความมัน เลือกใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์และอซีโตน เพราะจะทำให้หน้าแห้งกว่าเดิม จนกระตุ้นการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันได้ สำหรับโทนเนอร์ควรใช้สำลีก่อนเช็ดที่ใบหน้าและลำคอวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หลังล้างหน้าเป็นอีกวิธีที่ช่วยความมันได้เป็นอย่างดี9. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่มีน้ำมัน แน่นอนอยู่แล้วว่าการใช้ครีมที่มีน้ำมันผสมอยู่นั้นเป็นสาเหตุหนึ่งของความมันบนใบหน้า ดังนั้นถ้าอยากบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นเนียนนุ่ม แนะนำให้ใช้ครีมที่มีลักษณะบางเบา หากเป็นเจลหรือเซรั่มจะดีกว่า ช่วยเติมผิวให้น้ำ ซึมง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้หน้ามัน10. เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะสมกับผิว เครื่องสำอางในปัจจุบันมีหลายแบบ ใครที่ชอบแต่งหน้าและมีผิวหน้ามันๆ ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่มีลักษณะแมทด้านมากกว่าแวววาว เพราะการที่หน้ามันมากแล้วมาใช้เครื่องสำอางที่มีความวาวสูง จะทำให้หน้ามันเยิ้มมากยิ่งขึ้น เลือกเครื่องสำอางด้วยหลักเกณฑ์เดียวกับการเลือกครีม คือ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน แอลกอฮอล์และน้ำหอมฉุนๆ เครื่องสำอางในกลุ่มที่มีลักษณะเหลวอย่างรองพื้น ไพรเมอร์ ควรเลือกแบบที่มีเนื้อบางเบา ปกปิดได้พอสมควร ไม่แน่น ไม่หนักหน้า จะช่วยลดการมันเยิ้มระหว่างวันได้ หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ วิตามินซี น้ำแร่ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เพราะสารเหล่านี้มรคุณสมบัติช่วยดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี11. ลดการใช้กระดาษซับหน้ามัน หลายคนมีกระดาษซับหน้ามันติดไว้อยู่เสมอ เพราะเป็นผู้ช่วยในยามหน้ามันแต่ไม่สามารถล้างหน้าหรือเติมหน้าได้ กระดาษซับหน้าเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะน้ำมันบนใบหน้าจะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่!!! การซับหน้าในบางครั้งไม่ใช่แค่ซับน้ำมันส่วนเกินออกไป แต่ยังซับน้ำมันที่ควรอยู่เพื่อรักษาความชุ่มชื่นให้ผิวออกไปอีก ซึ่งเมื่อน้ำมันทั้งหมดบนใบหน้าถูกซับออกไปแล้ว ผิวจะแห้งลงจนส่งสัญญาณไปให้ต่อมน้ำมันเข้าใจผิด จึงรีบผลิตน้ำมันออกมาเคลือบมากกว่าเดิม เรียกว่ายิ่งซับยิ่งมันเจ้าค่ะ ดังนั้นควรใช้กระดาษซับหน้ามันเท่าที่จำเป็นก็เพียงพอแล้ว12. ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA สารเหล่านี้เป็นสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เสริมสร้างการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวเนียนกระชับ รูขุมขนเล็กลง แต่ว่าด้วยความที่มันเป็นกรด จึงไม่ควรใช้บ่อยเกินอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง เพราะว่าจะทำให้ผิวบางลงและไวต่อแดด13. ยาในกลุ่มวิตามินเอชนิดรับประทาน ยาในกลุ่มนี้หลายคนอาจจะรู้จักในยี่ห้อ แอคโนติน หรือโรแอคคิวเทน เป็นต้นโดยปกติแล้วจะนำมาใช้รักษาสิวเป็นหลัก มีฤทธิ์กดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผลิตไขมันได้น้อยลง ผิวจะแห้ง แต่ผลข้างเคียงก็มีมากเพราะนอกจากผิวแห้งแล้ว ปากกับตาก็จะแห้งด้วยเช่นกัน บางคนอาจจะพบอาการปากแห้งจนลอกและแตก ผิวบาง ลอกและเป็นขุยได้ง่าย จัดเป็นยาอันตรายที่ไม่ควรซื้อมาทานเองเป็นอย่างยิ่ง ห้ามแบ่งให้คนอื่นทานโดยพละการด้วย ยานี้หากรับประทานโดยสตรีตั้งครรภ์ อาจส่งผลอันตรายร้ายแรงต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นหากต้องการรักษาด้วยวิธีนี้ จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด14. การทำเทอร์มาจ วิธีนี้คือการยิงคลื่นวิทยุลงไปที่ผิวหนังชั้นเดอมิส คลื่นวิทยุจะส่งพลังงานความร้อนสูงเข้าไปใต้ผิวหนัง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวยืดหยุ่นและกระชับมากขึ้น และด้วยความร้อนสูงนี้ มีผลทำให้ต่อมไขมันฝ่อตัวหรือทำงานแย่ลง ดังนั้นจึงทำให้ผลิตไขมันหรือน้ำมันได้น้อยลงตามไปด้วย15. เลเซอร์ Smoothbeam Laser เป็นการเลเซอร์ที่ใช้คลื่นความยาวมากถึง 1,450 นาโนเมตรมาใช้ในการยิงลงไปที่ใต้ผิวหนัง คลื่นนี้เมื่อส่งไปแล้วจะไปทำลายต่อมไขมันให้ค่อยๆฝ่อตัวลง ลดการผลิตน้ำมัน ลดการเกิดสิว เห็นผลไวตั้งแต่ครั้งที่ 3-5 เป็นต้น ผลลัพธ์การรักษาค่อนข้างดีมาก ผลข้างเคียงคืออาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขณะเลเซอร์ แต่ก็คุ้มค่ากับการรักษาด้วยวิธีนี้ค่ะ16. ทรีตเมนต์ใบหน้าช่วยคุมมัน การทรีตเมนต์ใบหน้าใครว่าแพง เพราะเราสามารถทำได้เองที่บ้าน ทั้งช่วยลดความมัน ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น ขาวกระจ่างใสได้ ด้วยการหยิบผักสมุนไพรหรือวัตถุดีๆ ในครัวมาทำทรีตเมนต์สูตรโฮมเมด นอกจากสวยแล้วยังประหยัดอีกด้วย ว่าแต่จะมีสูตรอะไรบ้างนั้นมาดูกันค่ะว่านหางจระเข้ วิธีง่ายมาก แค่ไปเลือกว่านหางจระเข้ใบใหญ่ๆหน่อย เลือกใบแก่ซึ่งจะอยู่ช่วงล่างๆ ของลำต้น จากนั้นนำไปปอกเปลือกออกแล้วล้างให้สะอาด นำวุ้นที่ได้มาสไลด์เป็นแผ่นยาวบางหลายๆ แผ่น แล้วนำมาแปะให้ทั่วใบหน้า วุ้นจะให้ความรู้สึกเย็นสบายผิว ผิวหน้าไม่มัน ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยอาหารผิว ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความมันบนใบหน้าแล้วยังช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงและอิ่มน้ำมะเขือเทศ เลือกมะเขือเทศที่แก่จัด สีแดงเข้มๆ นำไปล้างแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก จากนั้นปั่นให้ละเอียด นำมาพอกหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก มะเขือเทศจะช่วยดูดซับความมัน วิตามินซีและไลโคปีนในมะเขือเทศนั้นจะทำให้ผิวเปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดีมะนาว บีบน้ำมะนาวสดให้ได้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ นำมาทาให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปาก ข้างปีกจมูกและรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก ทำอาทิตย์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอ สูตรนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบางเพราะมะนาวอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ดินสอพอง เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่ขึ้นชื่อเรื่องการดูดซับความมันบนใบหน้า นำดินสอพองมาบดให้ละเอียด ผสมน้ำผึ้งและมะนาวเล็กน้อย นำมาพอกทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก หรือนำมาผสมน้ำเปล่าเฉยๆ แล้วทาให้ทั่วใบหน้า อันนี้สามารถทาทิ้งไว้ตลอดทั้งคืนแล้วค่อยมาล้างออกตอนเช้าก็ได้ ดินสอพองจะช่วยให้ผิวหน้าแห้ง เย็นสบาย ทำบ่อยๆ ผิวจะมันน้อยลงไปเองน้ำมันหอมระเหย จากพืชตระกูลส้ม เช่น ส้ม มะนาว เป็นต้น หาครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยนสักสูตร หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปเล็กน้อย ใช้ทาในเวลากลางคืน ช่วยบำรุงผิวในเวลากลางคืน เมื่อตื่นมาจะมีผิวหน้าสดใส ไม่หมอง ไม่มันค่ะไข่ขาว+มะนาว+แตงกวา+สะระแหน่ บดสะระแหน่ น้ำมะนาวนำสะระแหน่ แตงกวาครึ่งลูกและน้ำมะนาวครึ่งช้อนโต๊ะมาปั่นผสมกันให้ละเอียด จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้มาผสมกับไข่ขาว 1 ลูก คนให้เข้ากัน นำมาทาที่ใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกข้าวโอ๊ต+มะเขือเทศ+น้ำมะนาว นำทั้ง 3 อย่างมาปั่นรวมกันให้ได้ส่วนผสมที่มีลักษณะข้นพอประมาณ พอกหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก ขณะพอกสามารถนวดหน้าได้เบาๆ ผงข้าวโอ๊ตจะช่วยขัดผิวให้เนียนละเอียด หน้าจะมันน้อยลงน้ำมะนาว+ข้าวโอ๊ต+น้ำมันมะกอก ผสมผงข้าวโอ๊ตกับน้ำมะนาวและน้ำมันมะกอก คนให้เข้ากัน นำมาขัดหน้าเบาๆ ให้ทั่ว ทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้นอกจากจะช่วยให้ความมันบนใบหน้าลดลงแล้ว ยังช่วยกำจัดสิวเสี้ยนได้เป็นอย่างดีเปลือกมะนาว+น้ำเกลือ ผสมเกลือลงไปในน้ำเปล่าที่สะอาด นำมาต้มจนเดือด ยกลงแล้วพักให้เย็น ระหว่างนี้ให้เอาหน้ามาอังไอน้ำที่หม้อน้ำเกลือเพื่อเปิดรูขุมขน เมื่อน้ำเริ่มอุ่น นำสำลีก้อนมาจุ่มน้ำแล้วเอามาเช็ดให้ทั่วใบหน้า รอจนแห้งเห็นคราบเกลือตามใบหน้า นำเปลือกมะนาวสดมาถูตามใบหน้าเบาๆ จนทั่ว แล้วล้างออกทันทีด้วยน้ำเปล่า 1 ครั้ง แล้วตามด้วยการล้างหน้าด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้าอีกครั้ง หลังล้างหน้าอย่าลืมบำรุงผิวด้วยล่ะน้ำผึ้ง+แอปเปิ้ล นำแอปเปิ้ลมาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาปั่นรวมกับน้ำผึ้งพอให้ข้นเหนียว พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดน้ำอุ่น+น้ำมะนาว+น้ำส้มสายชู น้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย (ถ้าเป็นน้ำส้มที่ผลิตมาจากธรรมชาติจะดีที่สุด) นำสำลีก้อนมาจุ่มแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออกก่อนทาครีม ก่อนแต่งหน้าหรือก่อนนอนได้ ช่วยลดความมันได้อย่างดีเยี่ยมเคล็ดลับสำหรับคนหน้ามัน...แก้ปัญหาหน้ามันแบบเอาอยู่1. ก่อนการทรีตเมนต์ใบหน้า สำรวจผิวหน้าตัวเองก่อนว่าเป็นแบบใด ผิวบอบบางแพ้ง่ายหรือไม่ แล้วค่อยหาสูตรที่เหมาะสมกับผิวหน้าของตัวเองเพื่อป้องกันการระคายเคืองค่ะ2. ไม่ควรทรีตเมนต์ใบหน้าบ่อยเกินสัปดาห์ละ 4 ครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสูตรที่มีส่วนผสมที่มีคุณสมบัติเป็นกรดอย่างมะนาว ไม่ควรทำเกิน 2 ครั้งต่ออาทิตย์ เพราะจะทำให้ผิวบาง ไวต่อแดดได้3. การทรีตเมนต์หน้าแนะนำให้ทำช่วงอาบน้ำก่อนจะเข้านอน เพื่อให้ผิวได้พัก ลดความเสี่ยงในการเจอแสงแดด เพราะผิวที่เพิ่งผ่านการขัด/พอกมา จะบอบบางเป็นพิเศษ4. ขณะทรีตเมนต์ ไม่ขัดถูหรือล้างหน้าอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง อักเสบ บาง ลอกหรือเป็นสิวตามมาได้5. การเลือกใช้ครีมกันแดด เลือกแบบไม่กันน้ำ เนื้อบางเบาจะดีต่อผิวหน้ามากกว่าเพราะล้างออกได้ง่าย ไม่อุดตันรูขุมขน6. ครีมบำรุงผิว คนหน้ามันเหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเป็นเจล เซรั่ม หรือโลชั่นที่ค่อนข้างเหลวใส เพราะซึมซาบได้เร็ว ไม่หนักหน้า ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้น7. การดูแลผิวหน้า ต้องดูแลจากภายในสู่ภายนอก ผิวจะแข็งแรง สว่างสดใสมากกว่าการบำรุงแค่ภายนอกอย่างเดียวใครที่ประสบกับ "ปัญหาหน้ามัน" จนเกินไป สามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองไปใช้ได้ หลายวีธีทำง่าย สามารถทดลองได้เองที่บ้านค่ะ ทั้งนี้ใครที่หน้ามันโดยธรรมชาติ ไม่อยากให้วิตกจนเกินไป เพราะหากว่ากันตามจริงแล้ว คนที่หน้ามันมีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพผิวดีกว่าคนที่มีผิวแห้ง เนื่องจากมีผิวที่ชุ่มชื้นมากกว่า ริ้วรอยจะเกิดได้ช้ากว่า ถึงแม้จะประสบกับปัญหากับสิวอุดตันมากกว่าก็ตาม ดังนั้นการกำจัดความมันควรทำแต่พอดี เพราะถ้าหน้าแห้งจนเกินไป ผิวจะขาดความชุ่มชื่น ริ้วรอยรอบใบหน้ารวมทั้งรอยตีนกา จะมาเยือนไวกว่าปกติอย่างแน่นอน