4 สมุนไพรรักษาแผล…สมานแผลหายไว ไร้รอยแผลเป็น

เมื่อบาดแผลเกิดขึ้นกับร่างกาย ใครๆ ก็คงอยากหายเร็วๆ ก็แน่ล่ะ เพราะใครจะอยากเจ็บตัวกันนานๆ ล่ะใช่ไหม ทีนี้พออยากหายไวก็ไปสรรหาสารพัดวิธีมารักษา ทั้งยากิน ยาทา เพื่อจะเร่งให้บาดแผลสมานกัน แต่นอกจากยาแผนปัจจุบันแล้ว ยังมีสมุนไพรรักษาแผลอีกหลายชนิดที่ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมตัวเองของผิวหนัง ดังนั้นถ้าใครกำลังสนใจการรักษาแผลด้วยแนวทางธรรมชาติๆ คุณมาถูกทางแล้วค่ะ

1. ใบบัวบก มาเริ่มกันที่สมุนไพรรักษาแผลชนิดแรกอย่างใบบัวบก เราต่างก็รู้กันอยู่แล้วว่าใบบัวบกมีสรรพคุณที่โดดเด่นเรื่องแก้ช้ำใน ช่วยลดการปวดบวมอักเสบ แก้ฟกช้ำ แต่ว่าบัวบกนำมาใช้รักษาแผลสดได้ เนื่องจากมีสารในกลุ่มไตรเทอร์ปินอยด์ ไกลโคไซด์หลายชนิด เช่น กรดเอเซียติก(Asiatic acids) สารเอเซียติโคไซด์ (asiaticoside) และ กรดมาดิแคสซอล (madecassol) ซึ่งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค ลดการอักเสบและติดเชื้อ กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้บาดแผลสมานกันเร็ว

มีรายงานการวิจัยยืนยันข้อมูลสรรพคุณการรักษาแผลของบัวบกอยู่หลายชิ้น เช่น คณะเภสัชศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลศิริราช ได้ทดลองทำครีมทาแผลทีส่วนผสมจากสารไตรเทอร์ปินอยด์เข้มข้น  1% ที่สกัดได้จากบัวบก โดยนำมารักษาผู้ป่วยแผลกดทับและแผลที่เกิดจาก  อุบัติเหตุจำนวน 22 ราย การทดลองใช้เวลา 3 สัปดาห์ พบว่าขนาดของแผลลดลงร้อยละ 47 ใน 3 สัปดาห์ และผู้ป่วย 17 ราย แผลหายเป็นปกติ ประเทศญี่ปุ่น คุณหมอไรโอซูเกะ ฟูจิโมริ จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิยาลัยเกียวโตได้คิดค้นขี้ผึ้งบัวบก หลังจากนำมาทดลอง พบว่าการรักษามีประสิทธิภาพดีกว่ายาปฏิชีวนะและสเตียรอยด์ ขึ้ผึ้งใบบัวบกช่วยเร่งให้การสมานแผลเร็วมากขึ้น สามารถรักษาแผลสดได้ดี แผลหายไวจนเกือบเป็นปกติ จากการศึกษาวิจัยกันมาหลายปีจึงค่อนข้างมั่นใจได้ว่าใบบกเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ช่วยรักษาแผลได้อย่างดีเยี่ยมในประเทศไทยเองก็มีการนำบัวบกมาพัฒนาเป็นครีมทาแผลโดยองค์กรเภสัชกรรม หาซื้อได้ไม่ยาก ใช้ง่าย ปลอดภัยต่อผิวอย่างแน่นอน

2. ขมิ้นชัน ใครอยากแผลหายไวขมิ้นชันช่วยคุณได้ค่ะ จากการทดลองกับอาสาสมัคร 60 ราย โดยใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของขมิ้นชันมาทาแผลพุพอง พบว่าขมิ้นช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ แผลจะค่อยๆ ดีขึ้น แห้งไว และหายสนิทภายใน 21 วัน และยังมีการศึกษาที่ทดลองกับผู้ป่วยที่เป็นแผลในปาก โดยใช้ครีมขมิ้นชันที่สกัดจากแอลกอฮอล์มาป้ายปาก พบว่าแผลหายสนิทใน 1 สัปดาห์ ดังนั้นใครที่เป็นแผลลองนำขมิ้นมาใช้ได้ วิธีการคือนำขมิ้นผงมาผสมน้ำจนเป็นครีมข้นๆ แล้วทาที่แผลเป็นประจำ แต่อย่าลืมว่าทั้งขมิ้น น้ำและอุปกรณ์ป้ายแผลนั้นต้องสะอาดด้วยนะ

3. น้ำผึ้ง น้ำผึ้งจัดเป็นสมุนไพรที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์มายาวนาน เชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการบำบัดโรคภัยหลายชนิด อีกทั้งนำมาใช้รักษาแผลต่างๆ ได้หลายรูปแบบ เนื่องจากน้ำผึ้งประกอบไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติในปริมาณมาก ทำให้มีความเข้มข้นสูง จุลินทรีย์จะไม่สามารถเจริญเติบได้ในน้ำผึ้ง แถมยังมีสารเคมีบางชนิดที่น่าจะมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านและยับยั้งแบคทีเรียหรือเชื้อราได้ หากนำมาทาแผล จะช่วยฆ่าเชื้อโรค ทำให้แผลสะอาด ช่วยสมานแผล กระตุ้นการเกิดใหม่ของผิวหนัง ลดความเจ็บปวดของแผล ลดการอักเสบ ลดการเกิดแผลเป็นธรรมดาและแผลเป็นนูนได้ดีกว่าการรักษาตามปกติ

แผลที่น้ำผึ้งสามารถรักษาได้ดีที่สุดคือ แผลจากไฟไหม้(โดยเฉพาะแผลไฟไหม้ระดับ 2 แบบตื้น) แต่ก็สามารถรักษาแผลชนิดอื่นๆได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะแผลสด แผลถลอก แผลผ่าตัด แผลจากฝี แผลถูกของมีคมบาด วิธีการนำน้ำผึ้งมาใช้คือ เอาน้ำผึ้งไปต้มจนเดือด ทิ้งไว้อุ่นแล้วเอามาทาที่แผลให้ทั่ว จากนั้นปิดด้วยผ้าผ้าพันแผล หรือจะเอาผ้าพันแผลไปจุ่มน้ำผึ้งให้ชุ่มแล้วเอามาแปะเลยก็ได้ หมั่นรักษาความสะอาดของแผล โดยการทาน้ำผึ้งหรือเปลี่ยนผ้าพันแผลจุ่มน้ำผึ้งใหม่ทุกๆวัน และที่สำคัญคือ คุณต้องมั่นใจว่าน้ำผึ้งที่คุณนำมาใช้เป็นน้ำผึ้งแท้ๆ 100% เท่านั้น หากเป็นน้ำผึ้งผสมหรือน้ำผึ้งปลอม อาจทำให้แผลเกิดการติดเชื้อได้

4. ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรมหัศจรรย์จากธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยรักษาแผลได้เป็นอย่างดี ในว่านหางจระเข้มีสารโพลีแซคคาไรด์และโพลียูโรไนด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยป้องกันบาดแผลจากเชื้อโรคได้ ช่วยฆ่าเชื้อ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนัง ช่วยห้ามเลือด ลดการอักเสบของแผลได้เกือบทุกชนิด แต่ว่าจะได้ผลดีที่สุดกับแผลในกลุ่มแผลไฟไหม้ แผลน้ำร้อนลวก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติฟื้นฟูสุขภาพผิว ใช้ทาผิวที่ไหม้หรือลอกหลังถูกแดดทำร้ายได้ ผู้ป่วยมะเร็งสามารถทาเพื่อลดความเจ็บปวดหลังรักษาด้วยการฉายแสงได้ หรือใช้ทาเพื่อบรรเทาพิษร้อนจากแมงกะพรุน เป็นต้น ว่านหางจระเข้นั้นจะใช้แบบสดๆ โดยนำมาปอกเปลือก ล้างน้ำ เอาแต่วุ้นมาทาแผล หรือจะใช้ในรูปแบบเจลว่านหางจระเข้ที่วางขายอยู่ตามร้านสมุนไพรทั่วไปก็ได้ผลเช่นเดียวกัน

จาก 4 สมุนไพรรักษาแผล สมานแผล....แม้ว่าบาดแผลต่างๆ จะสามารถรักษาได้ด้วยสมุนไพร แต่สิ่งสำคัญที่ต้องระวังมากที่สุดคือ ความสะอาดในกระบวนการรักษา เพราะเมื่อเป็นแผลก็เหมือนร่างกายเปิดประตูให้เชื้อโรคเข้ามาได้ง่าย ดังนั้นหากใครไม่มั่นใจว่าจะควบคุมความสะอาดได้ ก็ไม่แนะนำให้รักษาเองค่ะ