free web tracker, fire_lady "ดินสอพอง" ของไทยๆ ที่ใช้รักษาสิวได้แบบเอาอยู่ • สุขภาพดี

"ดินสอพอง"

ของไทยๆที่ใช้รักษาสิวได้

ดินสอพองรักษาสิว

ดินสอพองเป็นสมุนไพรไทยที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเทศกาลสงกรานต์ ดินสอพองมักจะเป็น Item ยอดฮิตที่ใครๆต่างก็ต้องมีติดมือ แต่หากพูดถึงเรื่องการใช้ดินสอพองพอกหน้าเพื่อรักษาสิวนั้น ขอบอกไว้ก่อนเลยค่ะว่าดินสอพองที่ใช้นั้นเป็นคนละชนิดกับที่เราใช้เล่นสงกรานต์!! หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน และใช้ดินสอพองถุงใหญ่ๆมีหลายๆ ก้อนที่ใช้สำหรับเล่นสงกรานต์มาพอกหน้าเพื่อรักษาสิว และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมสิวของคุณถึงไม่หายเสียที!!! สุขภาพดี...จึงนำเอา"ดินสอพองรักษาสิว" อย่างถูกชนิดและถูกวิธีมาฝากคนรักสวย รักงามที่มองหาวิธีแก้ปัญหาสิวค่ะ

สรรพคุณ ดินสอพองรักษาสิว

แต่ก่อนจะรู้จักชนิดของดินสอพอง มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าค่ะว่าเจ้าดินสอพองที่เป็นผงสีขาวๆ ผสมน้ำแล้วข้นๆหนืดๆนั้น แท้จริงคืออะไรกันแน่

การใช้ดินสอพองรักษาสิว

ดินสอพอง หรือ ดิน Marl เป็นเป็นผงแร่ที่ได้จากธรรมชาติ มีองค์ประกอบหลักเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต (CO3) ประมาณ 80-90% นอกนั้นจะเป็นแร่และดินเหนียว รวมถึงส่วนประกอบอื่นๆ เช่น แมกนีเซียม เหล็ก แคลเซียม ซิลิกา และอาราโกไนต์ เป็นต้น มีลักษณะเป็นผงหรือก้อนสีขาว มีฤทธิ์เย็น คนไทยสมัยก่อนจึงนิยมใช้เป็นแป้งทาตัวให้เย็นสบายคลายร้อน หรือใช้ผสมน้ำอบไทย นำมาปะเล่นในเทศกาลสงกรานต์  ต่อมาในปัจจุบันก็นำมาใช้กับร่างกายในด้านความสวยความงาม อย่างเช่นการใช้ “ดินสอพองรักษาสิว” เป็นต้น

แต่ดินสอพองที่นำมาใช้พอกหน้าเพื่อรักษาสิวนั้น ต้องเป็นดินสอพองที่ผ่านการ “สะตุ” มาแล้ว การสะตุดินสอพอง เป็นขั้นตอนทีทำให้ดินสอพองสะอาด ปราศจากเชื้อโรค โดยการ นำดินสอพองใส่หม้อดิน ปิดฝาหม้อ แล้วตั้งไฟทิ้งไว้จนดินสอพองร้อนระอุทั่วหม้อ ปิดไฟแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ก็จะได้ดินสอพองสะตุที่เหมาะสำหรับนำมาใช้กับผิวหนังแล้วค่ะ

วิธีการใช้ดินสอพองรักษาสิว

1 ส่วนวิธีใช้ดินสอพองรักษาสิวก็คือ เพียงแค่นำดินสอพองที่ผ่านการสะตุแล้ว มาใส่ในภาชนะที่สะอาด จากนั้นบีบน้ำมะนาวลงบนก้อนดินสอพอง ขั้นตอนนี้อาจเกิดฟองฟู่ออกมาไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะนั่นเป็นการทำปฏิกิริยาระหว่างกรดในน้ำมะนาวกับแคลเซียมคาร์บอเนตในดินสอพองนั่นเอง

ดินสอพองมะนาว

2 จากนั้นก็คนจนดินสอพองกับน้ำมะนาวเป็นเนื้อเดียวกัน และดูความเข้มข้นให้พอเหมาะ เพราะหากเหลวเกินไปก็จะพอกไม่ติดหน้าและไหลเลอะเทอะเปล่าๆ ทางที่ดีควรผสมให้ได้ครีมดินสอพองที่หนืดและเหนียวกำลังดี พอที่จะสามารถเกาะติดอยู่บนผิวหน้าได้

3 จากนั้นใช้มือหรือแปรงสะอาดๆ ทาดินสอพองให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นบริเวณรอบด้วยตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แต่หากใครอยากจะพอกเฉพาะจุดที่เป็นสิวก็สามารถทำได้ โดยการใช้ cotton bud สะอาดๆ จุ่มลงในดินสอพองแล้วนำไปแต้มที่หัวสิว แต่หากใครผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่ายมากก็ควรเปลี่ยนส่วนผสมจากน้ำมะนาวเป็นน้ำผึ้งนะคะ เพราะน้ำผึ้งให้ความชุ่มชื้นได้ดีกว่า แถมยังไม่มีฤทธิ์เป็นกรดเหมือนการใช้มะนาว จึงไม่เสี่ยงต่อการแสบผิว สูตรนี้ควรพอกสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง อย่างน้อยเป็นเวลา 4 สัปดาห์จึงจะเห็นผลได้ชัดเจนค่ะ

ดินสอพองรักษาสิว ได้อย่างไร

สาเหตุที่ดินสอพองรักษาสิวได้นั้น เพราะดินสอพองมีแคลเซียมคาร์บอเนตซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สามารถดูดซับความมันได้ดี เพราะหนึ่งสาเหตุการเกิดสิวนั้น อาจมาจากต่อมไขมันบนผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ดังนั้นการได้ลดปริมาณน้ำมันบนผิวหน้าลงบ้าง จะทำให้อาการของสิวดีขึ้น อีกทั้งการใช้ดินสอพองร่วมกับน้ำมะนาวยังส่งผลให้รอยสิวจางเร็วขึ้นอีกด้วย เพราะในน้ำมะนาวมี  AHA  ( Alpha Hydroxy Acids)  ซึ่งเป็นกรดผลไม้ที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว และทำให้เซลล์ผิวหลุดลอกได้เร็วขึ้น จึงทำให้รอยดำจากสิวจางลงเร็วกว่าปกติ ส่วนน้ำผึ้งนั้นก็มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคบางชนิด และให้ความชุ่มชื้นกับผิว หากนำมาผสมกับดินสอพองก็จะได้ผิวสวยสองต่อเลยล่ะค่ะ

ข้อควรระวัง !! การใช้ดินสอพองรักษาสิว

แต่การใช้ดินสอพองรักษาสิวก็มีข้อควรระวังเช่นกันค่ะ โดยเฉพาะเมื่อดินสอพองที่อยู่ในรูปแบบ “ผง”เพราะมีความเสี่ยงที่เราจะสูดดมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมาก และเมื่อสารแคลเซียมคาร์บอนเนตเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากนั้น ก็จะส่งผลเสียต่อระบบต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นทางที่ดี ในขั้นตอนการผสมดินสอพองกับน้ำมะนาวหรือน้ำผึ้ง คุณควรใช้ผ้าปิดจมูก แต่เมื่อดินสอพองอยู่ในรูปแบบของเหลวแล้วก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ที่ควรระวังอีกอย่างคือ เมื่อดินสอพองเริ่มแห้งแล้ว ควรรีบล้างออก เพราะไม่อย่างนั้นมันก็จะกลับมาอยู่ในรูปแบบผง และเข้าไปในร่างกายเราได้อยู่ดี

สาวๆที่กำลังเป็นสิวอยู่ลองนำสูตร ดินสอพองรักษาสิว นี้ไปใช้ดูนะคะ แต่ต้องอย่าลืมว่าต้องใช้ดินสอพองที่ผ่านการ “สะตุ” แล้วเท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้นแล้วแทนที่หน้าจะดีขึ้นกว่าเดิม กลับทำให้ยิ่งแย่ลงซะงั้น เพราะฉะนั้นจะเลือกใช้อะไรก็ศึกษาข้อมูลกันดีๆนะจ๊ะสาวๆ