free web tracker, fire_lady 47 วิธีดับกลิ่นตัว…กลิ่นตัวแรง ตัวเหม็น ทำไงดี? • สุขภาพดี

47 วิธีดับกลิ่นตัว...กลิ่นตัวแรง ตัวเหม็น ทำไงดี?

วิธีดับกลิ่นตัวแรง ตัวเหม็น

"กลิ่น" เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องมี เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีกลิ่นที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของร่างกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ กลิ่นนี้ถ้าหากเป็นกลิ่นปกติก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่ถ้ากลิ่นนี้กลายเป็นกลิ่นเต่า ซึ่งออกจะเหม็นฉุนรุนแรงกับคนที่ได้กลิ่นไปสักนิด ก็คงต้องมาหาวิธีจัดการไม่ให้เต่าออกมาทักทายคนอื่นกัน แล้วเราจะมีวิธีดับกลิ่นตัวแรง กลิ่นตัวเหม็นได้อย่างไร?...สุขภาพดี ขนเอา 47 วิธีระงับกลิ่นตัวอย่างได้ผล ทั้งวิธีง่ายๆ ไปจนถึงวิธีที่ต้องพึ่งหมอ พึ่งเทคโนโลยี จะมีวิธีใดบ้าง..ไปติดตามกันได้เลย

กลิ่นตัว

"กลิ่นตัว" หรือ "กลิ่นเต่า" มักจะเริ่มมีในช่วงที่ร่างกายย่างเข้าวัยรุ่น เพราะต่อมเหงื่อมีการทำงานมากขึ้น เพราะร่างกายต้องการระบายความร้อนออกมา เหงื่อจะออกในบริเวณรักแร้ ซอกพับ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เป็นต้น ในแต่ละวันคนเราต้องสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียมากมาย เมื่อแบคทีเรียเหล่านี้มารวมตัวกับเหงื่อจึงส่งผลให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา

สาเหตุการเกิดกลิ่นตัว

สาเหตุหลักของการเกิดกลิ่นตัวเกิดมาจากต่อมเหงื่อหลั่งเหงื่อออกมา แล้วเหงื่อนั้นไปทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียจนทำให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ และกลิ่นตัวยังสามารถเกิดได้จากปัจจัยอื่นๆ ได้อีก เช่น ความเครียด การทานอาหารที่มีกลิ่นฉุนหรือรสจัด น้ำหนักเกิน เจ็บป่วย ไม่รักษาสุขอนามัยอย่างเพียงพอ เป็นต้น

วิธีดับกลิ่นตัว

1. อาบน้ำ การอาบน้ำเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับลดกลิ่นตัว เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น เหงื่อจะออกง่ายมาก แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดี ควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งคือตอนเช้าและก่อนเข้านอน อาบให้สะอาดหมดจด เน้นบริเวณที่เหงื่อออกและอับชื้นง่ายและบริเวณข้อพับต่างๆ

2. ใช้สบู่สำหรับกำจัดแบคทีเรียโดยตรง กลิ่นตัวที่จริงแล้วไม่ได้เกิดจากเหงื่อโดยตรง แต่เกิดจากแบคทีเรียที่เติบโตได้ง่ายหากเหงื่ออกเยอะๆอีกที ดังนั้นการกำจัดแบคทีเรียที่ต้นเหตุจะสามารถลดการเกิดกลิ่นตัวได้อย่างตรงจุด ดังนั้นเราขอแนะนำให้ใช้สบู่ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยตรง ซึ่งมีขายหลายยี่ห้อตามท้องตลาด เวลาฟอกสบู่เน้นฟอกตามรักแร้หรือข้อพับต่างๆตามร่างกายค่ะ

3. เช็ดตัวให้แห้ง การเช็ดตัวเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้าม ซึ่งจริงๆ ไม่ควรละเลยโดยเด็ดขาด หลังอาบน้ำต้องเช็ดตัวให้แห้ง โดยเฉพาะตามซอกพับต่างๆ แล้วค่อย ทาครีมหรือแต่งตัว การปล่อยร่างกายให้ชื้นน้ำอยู่แบบนั้น ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้ง่าย เสื้อผ้าจะชื้น อาจจะเกิดกลิ่นอับตามมา หากทำบ่อยๆ ผิวบางส่วนของร่างกายอาจจะเกิดผดผื่นได้ เช่น หลัง ก้น

4. ไม่ใส่เสื้อผ้าซ้ำ อย่างที่บอกว่ากลิ่นตัวหลักๆมีสาเหตุมาจากการสะสมของแบคทีเรีย ซึ่งการใส่เสื้อผ้าซ้ำนั่นแหละตัวดี เพราะในระหว่างวันชุดที่เราใส่ก็จะดูดซับเหงื่อเอาไว้ แบคทีเรียจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะอาบน้ำขัดถูอย่างดีแล้ว ถ้ายังใส่เสื้อผ้าอยู่ คุณก็จะยังมีกลิ่นตัวอยู่นั่นเอง

5. ซักเสื้อผ้าให้สะอาด ใช้ผงซักฟอกที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคในการซักผ้า เน้นซักบริเวณรักแร้หรือจุดที่สะสมความสกปรกให้มากกว่าบริเวณอื่นๆ อาจจะเลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆ ด้วยก็ได้ จะช่วยลดกลิ่นตัวได้ไม่มากก็น้อย

6. อย่าตากผ้าในที่อับชื้น ข้อนี้ทุกคนคงรู้ดีกันอยู่แล้ว เพราะอาจจะสังเกตได้ว่า หากวันไหนซักผ้าแล้วฝนตก ผ้าที่ตากจะแห้งไม่สนิท หรือแห้งแล้วก็จะมีกลิ่นอับที่รุนแรงมากๆ เมื่อนำมาใส่ มันทำให้มีกลิ่นตัวมากขึ้น ดังนั้นหากจะซักผ้าควรเลือกซักในเวลาแดดจ้าๆ ตากในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรซักด้วยเครื่องซักผ้าแบบปั่นหมาด จะได้แห้งได้ไวขึ้นค่ะ

วิธีดับกลิ่นตัว-ผ้าสะอาด

7. ไม่ใส่เสื้อผ้าที่เปียกหรือยังแห้งไม่สนิท หากออกไปข้างนอกแล้วฝนตก หรือไปเล่นกีฬาหรืออกกำลังกายจนเสื้อผ้าเปียกชุ่ม เมื่อกลับมาถึงบ้านให้รีบอาบน้ำเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าแห้งๆ ห้ามใส่ชุดเดิมนานๆ เด็ดขาด เพราะความชื้นจะทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย นอกจากจะทำให้กลิ่นตัวแรงแล้วยังทำให้เป็นโรคผิวหนังอย่าง กลากหรือเกลื้อนได้ง่ายๆ อีกด้วย

8. ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป เพราะการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป ส่งผลให้เหงื่อออกง่าย 

9. คุมน้ำหนัก หากน้ำหนักตัวมากจะทำให้มีกลิ่นตัวได้ง่ายกว่าเดิม เพราะว่าคนอ้วนเหงื่อจะออกเยอะ ส่วนใครที่อ้วนมากจนผิวหนังห้อยย้อย ร่างกายจะมีซอกพับเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง คราบไคลจะสะสมได้ง่ายและทำความสะอาดให้หมดจดได้ยาก ตรงจุดนี้แหละที่จะกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรีย จัดเป็นจัดหลังใหญ่เลยทีเดียวเชียว ดังนั้นสำหรับใครที่กลิ่นตัวแรงเพราะอ้วน ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ตามเกณฑ์ เหงื่อจะออกน้อยลง กลิ่นตัวจะดีขึ้นค่ะ

10. หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ทำให้กลิ่นตัวแรง เช่น กระเทียม เครื่องเทศ ผงกระหรี่ สะตอ ทุเรียน ชะอม ปลาร้า ปูดอง เพราะอาหารเหล่านี้ถ้าหากทาน มากๆ กลิ่นตัวจะคล้ายกับกลิ่นอาหารที่ทานเข้าไปเลยค่ะ

11. สารส้ม สุดยอดสมุนไพรที่ใช้กำจัดกลิ่นตัวมาตั้งแต่ยุคโบราณ ใช้ทาใต้วงแขนหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว ช่วยลดกลิ่นตัวได้อย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันนี้มีสารส้มที่ผลิตมาเพื่อใช้ใต้วงแขนโดยเฉพาะแล้ว เป็นแท่งกลมๆ ปลายมน ไม่ต้องกลัวบาดผิว มีหลายกลิ่นให้เลือกใช้ แต่ถ้าใครชอบความย้อนยุคก็เลือกใช้แบบก้อนดั้งเดิมก็ได้

12. กำจัดขน ถึงขนจะมีประโยชน์ในด้านช่วยลดการเสียดสีและปกป้องผิวหนังในบริเวณที่อ่อนนุ่ม แต่ขนก็เป็นแหล่งกักเก็บกลิ่นชั้นดี ดังนั้นปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เอาออกสะดีกว่าเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมค่ะ

โกนขนรักแร้ แก้ปัญหารักแร้เปียก

13. ผงฟู นำผงฟูมาผสมน้ำพอข้นๆ นำมาทาที่รักแร้ นวดเบาๆ (ย้ำว่าเบาๆ) ทิ้งไว้ 10 แล้วล้างออกให้สะอาด ผงฟูจะช่วยผลัดเซลล์ผิวและกำจัดแบคทีเรีย ซึ่งช่วยลดกลิ่นได้

14. ปูนกินหมาก ใครมีย่ายายชอบกินหมาก คุณโชคดีแล้วค่ะ เพราะว่าปูนแดงที่ใช้กินกับหมากเนี่ยก็ช่วยลดกลิ่นตัวได้ โดยการนำปูนแดงเล็กน้อยมาละลายน้ำ แล้วเอาน้ำปูนแดงที่ได้มาทาที่รักแร้หลังอาบน้ำ

15. น้ำมันสะระแหน่ ลองหาซื้อน้ำมันสะระแหน่มาสักขวด แล้วนำมาผสมน้ำอุ่นๆ จากนั้นแช่ตัว 10-15 นาที กลิ่นหอมๆของสะระแหน่จะช่วยให้ผ่อนคลาย สดชื่น และช่วยลดการเกิดกลิ่นตัวค่ะ

16. ทานวิตามินช่วยลดกลิ่นตัว มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยลดกลิ่นตัวได้ เช่น วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 สังกะสี แมกนีเซียม เป็นต้น ดังนั้นควรเลือกทานอาหารที่มีสารอาหารเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วยค่ะ

17. กินยาระงับการหลั่งเหงื่อ การหลั่งเหงื่อหากมากเกินไป อาจเกิดมาจากระบบประสาททำงานมากผิดปกติ การใช้ยาสำหรับปรับการทำงานของระบบประสาทจะช่วยได้มากพอสมควร แต่ว่าผลข้างเคียงของยาค่อนข้างมากคือ ตาพร่ามัว ปากแห้ง คอแห้ง ใจสั่น ท้องผูก เป็นต้น ซึ่งบางคนอาจจะทนผลข้างเคียงนี้ไม่ได้ วิธีนี้จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก

18. แอลกอฮอล์ล้างมือ ใครที่ต้องการบรรเทากลิ่นตัวแบบฉุกเฉิน นำแอลกอฮอล์ล้างมือเล็กน้อยมาถูที่รักแร้ จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ กลิ่นแอลกอฮอล์จะบรรเทากลิ่นตัวลงด้วยค่ะ แต่ไม่แนะนำให้ทำบ่อยๆเพราะว่าผิวใต้วงแขนค่อนข้างบอบบางอยู่เหมือนกัน

19. กระดาษซับมัน แต่ถ้าใครไม่มีแอลกอฮอล์ เอากระดาษซับมันซับแทนไปก่อนก็พอช่วยได้ค่ะ

20. มะนาวช่วยกำจัดกลิ่นตัว บีบมะนาวผสมน้ำอุ่น แล้วนำมาทา รอจนแห้งแล้วค่อยแต่งตัวออกนอกบ้าน น้ำมะนาวช่วยลดการเกิดกลิ่นได้ แต่ต้องระมัดระวังเล็กน้อยเพราะมะนาวมีความเป็นกรดสูง หากผสมเข้มข้นเกินไปอาจจะแสบได้

21. ทำความสะอาดหลังเข้าห้องน้ำ หลังปัสสาวะ อุจจาระเสร็จเรียบร้อย ต้องล้างให้สะอาด ใช้กระดาษทิชชูซับให้แห้ง โดยต้องซับจากหน้าไปหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

22. เป็นประจำเดือนยิ่งต้องสะอาด ส่วนคุณสาวๆ ที่เป็นประจำเดือนยิ่งต้องรักษาความสะอาดยิ่งกว่าเดิม เข้าห้องน้ำต้องล้างซับให้แห้ง เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3-4 ชั่วโมง หากใส่นานเกินไปอาจจะอับชื้นและส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมากได้ค่ะ

23. ใบโรสแมรี่อบแห้ง วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวหอมอ่อนๆ และเย็นสดชื่นเล็กน้อย เพราะใบโรสแมรี่เป็นพืชที่มีเมนทอลเป็นส่วนประกอบ รวมทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนมีกลิ่นตัว วิธีการใช้คือ นำใบโรสแมรี่ประมาณครึ่งถ้วยไปแช่ในน้ำอุ่น 4 ถ้วย จากนั้นไปอาบน้ำตามปกติ นำน้ำโรสแม่รี่ที่ได้ไผผสมน้ำใหม่ในอ่างน้ำอาบแล้วแช่ตัวประมาณ 10-15 นาที เช็ดตัวให้แห้งโดยไม่ต้องอาบน้ำซ้ำ แต่ถ้าใครไม่สะดวกใช้วิธีนี้ สามารถใช้น้ำมันโรสแมรี่ทดแทนได้ โดยการผสมน้ำมันลงไปน้ำสะอาดแล้วนำมาใช้ทดแทนโรล ออนค่ะ

โรสแมรี่ดับกลิ่นตัว

24. ใส่ใจโลชั่นที่ใช้ทาก่อนออกจากบ้าน งดเว้นการทาโลชั่นที่ค่อนข้างเหนอะหนะก่อนออกจากบ้าน เพราะว่าการทาโลชั่นเป็นเหมือนการเคลือบผิวหนังอีกชั้น ซึ่งทำให้การระบายความร้อนในร่างกายทำได้ยากขึ้น ถ้าต้องทาแนะนำให้เลือกแบบที่ซึมซาบง่ายและไม่เหนียวข้นจนเกินไปค่ะ

25. เลือกเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม เพราะเสื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยเหล่านี้มักมีการระบายอากาศที่ดี ทำให้เหงื่อแห้งไว ลดการสะสมของแบคทีเรีย ลดการเกิดกลิ่นตัวค่ะ

26. พยายามอย่าให้เหงื่อออก หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เหงื่อออกในขณะอยู่นอกบ้าน เช่น การอยู่อาศัยในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวกหรือกลางแดดร้อน การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป เป็นต้น เพราะถ้าเหงื่อออกมากในระหว่างวันนั้น เราคงไม่สามารถอาบน้ำหรือหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนได้แบบรวดเร็วทันใจ จึงเกิดการหมักหมมจนเกิดกลิ่นได้ง่าย

27. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ข้อนี้อาจจะดูขัดแย้งกับคำแนะนำด้านบนเล็กน้อย แต่การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำเพราะว่า จะทำให้เหงื่อออกมากซึ่งช่วยขับสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายออกมากด้วย ซึ่งมีผลช่วยลดกลิ่นตัวลงได้ไม่มากก็น้อย แต่สิ่งสำคัญคือหลังออกกำลังกายเสร็จ ควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ ห้ามใส่ชุดออกกำลังกายค้างไว้นานๆเด็ดขาดค่ะ

28. แป้งระงับกลิ่นกาย ในห้องแป้งพันทิปจะมีแป้งตัวหนึ่งที่สาวๆ ห้องนี้แนะนำให้ใช้ สำหรับการแก้ปัญหากลิ่นตัวแรง ซึ่งก็คือแป้งตราเต่าเหยียบโลกนั่นเอง หลังอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้งแล้ว ทาแป้งให้ทั่ว เน้นทาบริเวณที่อับชื้นได้ง่ายเช่น รักแร้ ข้อพับ

29. ไม่เครียด น่าแปลกแต่เป็นเรื่องจริงที่ว่า ความเครียดส่งผลให้กลิ่นตัวแรงขึ้นได้ ดังนั้นพยายามทำให้จิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอค่ะ

30. หยดน้ำหอมลงบนผ้าเช็ดหน้า ในระหว่างวันพกผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าขนหนูผืนเล็ก ชุบน้ำบิดพอหมาด หยดน้ำหอมลงไปเล็กน้อย แล้วนำมาเช็ดร่างกายให้ทั่ว ช่วยลดกลิ่น ทำให้ร่างกายหอมสดชื่น

31. อย่าขัดผิวบ่อย การขัดผิวบ่อยๆ ทำให้แบคทีเรียดีๆ ที่ผิวหนังตายหมด ทำให้ผิวขาดความสมดุล เกิดกลิ่นตัวได้ง่ายขึ้น

32. ทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นทานผักผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์ โปรตีนสามารถทานได้จากถั่ว ธัญพืชต่างๆ หรือถ้าหากอยากได้โปรตีนจากเนื้อสัตว์แนะนำว่าทานเนื้อปลาดีกว่าค่ะ บางคนอาจจะสังเกตได้ว่าคนที่ทานอาหารจำพวกมังสวิรัติ กลิ่นตัวจะมีน้อยกว่าคนที่ทานเนื้อสัตว์ เพราะว่าเนื้อนั้นมีกลิ่นแรงกว่าผักผลไม้นั่นเอง

33. ขับถ่ายเป็นเวลา ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา โดยเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการขับถ่ายคือช่วงเช้า เพราะเป็นเวลาการทำงานของลำไส้ใหญ่ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงโรคท้องผูกเพราะว่าหากท้องผูกบ่อยๆ ของเสียในร่างกายจะไม่ถูกขับออกอย่างที่ควรจะเป็นและยังตกค้างสะสมอยู่ในร่างกาย กลิ่นตัวบางส่วนก็เกิดจากสาเหตุนี้นี่เอง

34. ดีท็อกซ์ดับกลิ่นตัว ร่างกายคนเราได้รับสารพิษทุกวันจนสะสมได้ ซึ่งก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว ดังนั้นควรดีท็อกซ์บ้างเพื่อกำจัดสารพิษเหล่านี้ออกไปจากร่างกาย

35. น้ำหอม สเปรย์ โรลออนลดกลิ่นตัว ซึ่งมีหลายยี่ห้อ หลายกลิ่น หลายชนิดให้เลือกแล้วแต่จะชอบกันไปเลย บางยี่ห้อช่วยลดการหลั่งเหงื่อและลดการสะสมของแบคทีเรียได้ ควรใช้เป็นประจำทุกวันก่อนออกจากบ้าน แต่สำหรับใครที่ทาครีมหรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีกลิ่นหอมมาก่อนแล้ว หากจะใช้นหอมๆ อาจจะตีกันจนคนรอบข้างเวียนหัวได้

36. น้ำยาระงับกลิ่นกาย (Deodorant) หลายๆคนดูจะชอบใช้วิธีนี้สำรับจัดการกลิ่นตัว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดเท่าใดนัก เพราะว่าน้ำยาระงับกลิ่นจริงๆ แล้วมันไม่ได้ช่วยลดกลิ่น แต่ว่าผสมน้ำหอมลงไปเพื่อกลบกลิ่นตัวเสียมากกว่า แต่ว่าหลายๆ รุ่นก็มีสารต่อต้านแบคทีเรีย ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโต เมื่อไม่มีแบคทีเรียออกมาทำปฏิกิริยากับเหงื่อ กลิ่นก็จะมาเกิดนั่นเอง การใช้น้ำยาระงับกลิ่นควรเปลี่ยนยี่ห้อทุกๆ 6 เดือน เพราะร่างกายอาจจะดื้อสารเหล่านั้นได้

37. สารระงับเหงื่อ ( Anti-perspiant) หรือสารลดเหงื่อ  เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมสำหรับที่มีเหงื่อออก มากๆ สารนี้เมื่อใช้แล้วจะไปทำให้เหงื่อออกน้อยลง เพราะจะเข้าไปอุดตันที่ท่อเหงื่อ ทำให้รูขุมขนแคบลง ลดการไหลของเหงื่อ หากใครจะใช้แนะนำให้ใช้แบบที่ไม่ผสมน้ำหอมเพราะไม่ทำให้รักแร้ดำ การใช้สารลดเหงื่อควรใช้ในขณะผิวแห้ง หากใช้หลังอาบน้ำหรือเหงื่อออก ประสิทธิภาพอาจจะลดลงได้ ส่วนประกอบหลักในสารระงับเหงื่อที่ทำหน้าที่ลดการไหลของเหงื่อคือ Aluminum Chloride ซึ่งนับว่าใช้ได้ผลดีพอสมควร แต่ก็มีผลข้างเคียงเช่นกันโดยสารนี้จะทำปฏิกิริยากับเหงื่อ ทำให้เกิดคราบเหลืองติดเสื้อนั่นเอง ส่วนใครที่ใช้ไม่ได้ผลอาจจะต้องเปลี่ยนเป็นสารตัวอื่นอย่าง Aluminum Chloride Hexahydrate แทน

38. แผ่นซับเหงื่อ มีลักษณะคล้ายแผ่นอนามัย แต่ขนาดเล็กกว่า ดีไซน์มาให้เข้ากับสรีระของรักแร้มากกว่า สำหรับซึมซับเหงื่อของคนที่เหงื่อออกมาก ใครอยากลองใช้ สามารถหาซื้อได้ตามช็อปออนไลน์หรือร้านไดโซะ

39. ผ้าอนามัย อาจจะฟังแล้วดูแปลกไปสักนิด แต่ถ้าใครใช้แผ่นซับเหงื่อไม่ได้ผล ลองใช้ผ้าอนามัยได้ค่ะ โดยการนำมาตัดให้มีขนาดพอดีกับรักแร้ตัวเอง ผ้าอนามัยจะซึบซับเหงื่อได้มากกว่า บางรุ่นเป็นสูตรเย็น มีกลิ่นเมนทอล ซึ่งก็ช่วยดับกลิ่นเหงื่อได้ดีพอสมควรค่ะ

ผ้าอนามัยซับเหงื่อ ลดกลิ่นตัว

40. ไฮโรเจน เปอร์ออกไซด์ ใช้ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ความเข้มข้น 1% 1 ช้อนชาผสมน้ำ 1 ถ้วย จากนั้นใช้ผ้านุ่มๆ หรือสำลีก้อนใหญ่ๆ ชุบน้ำ นำมาเช็ดบริเวณที่เหงื่ออกมากๆ อย่างรักแร้ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า รอจนแห้งแล้วค่อยใส่เสื้อผ้า ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียได้

41. โบท็อกซ์ลดกลิ่นตัว เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ลองรักษามาหลายวีธีแล้ว แต่กลิ่นตัวก็ยังไม่หายไปอยู่ดี สารที่นำมาใช้ฉีดโบทอกซ์นั้นจะช่วยให้เหงื่อหลั่งออกมาน้อยลง ประสิทธิภาพการรักษาอยู่ที่ 83% นับว่ามากพอสมควร แต่ราคาก็เอาเรื่องอยู่แถมยังต้องฉีดซ้ำ ทุก 3-6 เดือนด้วยค่ะ

42. อบสมุนไพร/อาบน้ำสมุนไพร มีชุดสมุนไพรสำหรับอบตัวโดยเฉพาะชาย ซึ่งช่วยขับเหงื่อ ขับสารพิษออกจากร่างกาย ส่วนการอาบน้ำสมุนไพรทำได้หลายวีธีเช่น นำมะเขือเทศมาปั่น คั้นเอาแต่น้ำ เทลงไปผสมในอ่างอาบน้ำแล้วแช่ตัว 10-15 นาทีก็ช่วยลดกลิ่นได้เช่นกัน

อบสมุนไพรดับกลิ่นตัว

43. Miradry วิธีนี้จะใช้ปืนที่มีคลื่นไมโครเวฟยิงลงไปที่รักแร้ เพื่อทำลายต่อมเหงื่อให้หายไปอย่างถาวร เป็นวิธีดับกลิ่นตัวที่ได้ผลดีมาก และยังช่วยกำจัดขนได้อีกด้วย

44. การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency ) วิธีการรักษาคล้ายกับ Miradry เพียงแต่เปลี่ยนจากคลื่นไมโครเวฟเป็นคลื่นวิทยุแทน ผลการรักษาคือ ต่อมเหงื่อจะถูกทำลาย ช่วยลดเหงื่อ ลดกลิ่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวหนังกระชับและยืดหยุ่น

45. การทำไออนโต ( Iontophoresis ) เป็นการรักษาโดยใช้วิธีการแช่มือและเท้าลงในน้ำที่มีกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อน ช่วยลดการเกิดเหงื่อได้มากพอสมควร แต่ต้องรักษาซ้ำอยู่เรื่อยๆ เพราะผลการรักษาไม่ได้หายขาดถาวร

46. การเลเซอร์ YAG จุดประสงค์ของการเลเซอร์นั้นเน้นกำจัดขนเป็นหลัก แต่เมื่อขนรักแร้หายไป ผลพลอยได้คือ กลิ่นตัวที่เกิดในบริเวณรักแร้จะหายไปด้วย การเลเซอร์นั้นจะทำให้รากขนอ่อนแอลง จนในที่สุดก็จะไม่งอกอีก แต่ก็ต้องทำซ้ำประมาณ 5-6 ครั้งจึงจะเห็นผลที่ชัดเจน

47. การผ่าตัด การผ่าตัดต่อเหงื่อมี 2 แบบคือ การผ่าตัดต่อมเหงื่อบริเวณนั้นออกไปทั้งหมดเลย ซึ่งจะติดเนื้อและหนังออกไปด้วย เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเนื่องจากทำให้ติดเชื้อได้ง่าย และผิวบริเวณเปลี่ยนรูปร่างไป ทั้งนี้เหงื่อก็อาจจะยังกลับมาออกได้เช่นเดิม กับอีกวิธีคือ การผ่าตัดเส้นประสาทบริเวณช่องอก เพราะการหลั่งเหงื่อนั้นเกิดจากการสั่งการจากสมองลงมาที่เส้นประสาทนี้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง หากรักษาที่รักแร้ผลการรักษาจะอยู่ที่ 80% โดยจะสังเกตได้ว่ารักแร้จะแห้งไปเลย แต่ผลข้างเคียงคือเหงื่อจะไปออกที่บริเวณแทนบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของร่างกายค่ะ

อย่าปล่อยให้ตัวเองมีกลิ่นตัวจนคนข้างๆ ต้องทรมานจมูก เพราะว่าคุณก็สามารถกำจัดกลิ่นตัวได้ด้วยตัวเองค่ะ จากสารพัดวีธีดับกลิ่นตัวแรง กลิ่นตัวเหม็นที่กล่าวมาข้างต้น ลองหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองดูก่อน เมื่อพยายามอย่างที่สุดแล้ว กลิ่นตัวยังไม่หายไป แนะนำให้ลองไปพบแพทย์เพื่อปรึกษา เพราะว่าคุณอาจจะเจ็บป่วยเป็นโรคอยู่ก็เป็นได้ค่ะ