ผัก ผลไม้ วิตามิน อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ August 28, 2018 Share 11 Tweet Pin 0 “ตะลิงปลิง” สรรพคุณ-ประโยชน์ของผลไม้ ที่มีดีมากกว่าความเปรี้ยวตะลิงปลิง ผลไม้รสชาติเปรี้ยวจี๊ดที่ใครเห็น เป็นต้องน้ำลายสอ นิยมรับประทานแบบผลสด โดยจะจิ้มกับกะปิก็ได้ กับพริกเกลือก็อร่อยแซบ แถมยังทำมาปรุงอาหารได้ด้วยนะ โดยเฉพาะพวกต้มยำ แกงส้ม เพราะให้รสชาติเปรี้ยวได้ดีไม่แพ้มะนาวหรือมะขามเลย ผลไม้ชนิดนี้มีประโยชน์และสรรพคุณทางยาเยอะอยู่พอสมควร แต่ว่าก็อันตรายที่คาดไม่ถึงแฝงมาด้วย ทานไม่ระวังอาจถึงตายได้เลย เอาละสิ แค่ผลไม้ลูกเล็กๆ จะอันตรายอะไรขนาดนั้น ว่าแต่ว่า ตะลิงปลิงมีสรรพคุณ ประโยชน์อย่างไรบ้าง ต้องกินยังไงถึงจะปลอดภัย มาดูกันดีกว่าค่ะ ที่มา ต้นกำเนิดตะลิงปลิง ( Bilimbi ) ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Averrhoa bilimbi L. จัดอยู่ในวงศ์ Averrhoaceae หรือวงศ์กระทืบยอด มะเฟืองก็เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์นี้ จึงมีลักษณะร่วมกันหลายอย่าง แต่ที่แตกต่างกันคือมะเฟืองมีขนาดใหญ่กว่า ตะลิงปลิงมีชื่อเรียกท้องถิ่นหลายชื่อ เช่น มูงมัง หลิงปิง ลิงปิง เฟืองเทศ เป็นต้นตะลิงปลิง มีทฤษฎีเรื่องถิ่นกำเนิดอยู่ 2 แนวทางคือ มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางชายฝั่งทะเลประเทศบราซิล ส่วนอีกทฤษฎีบอกว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ภาคใต้ของประเทศไทยนี่เอง อีกทั้งยังเป็นพืชท้องถิ่นที่พบได้ทั่วไปตามพื้นที่ภาคใต้ รวมไปถึงประเทศที่อยู่ใต้ประเทศไทยลงไปอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียลักษณะทางพฤกษศาสตร์ลำต้น เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงเฉลี่ย 3-8 เมตร ต้นเป็นทรงพุ่ม ใบหนาแน่นจึงมีกิ่งก้านสาขามาก มีลักษณะคล้ายต้นมะยม เปลือกลำต้นค่อนข้างเรียบสีน้ำตาล เนื้อไม้ไม่แข็งมากนัก จึงไม่นิยมเก็บผลด้วยการปีนป่าย เพราะว่ากิ่งมันเปราะและแตกหักได้ง่ายใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกชนิดใบเดี่ยว ใบหลักหนึ่งใบประกอบไปด้วยใบย่อยประมาณ 15-25 คู่ โดยจะแตกใบตรงข้ามกัน แต่ใบที่อยู่ปลายสุดจะมีแค่ใบเดียว ใบคล้ายใบมะยมแต่ยาวกว่า ใบอ่อนมีสีแดง ใบแก่สีเขียว มีขนอ่อนนุ่มปกคลุมเล็กน้อย ผิวใบเรียบเป็นมัน แผ่นใบและขอบใบเรียบ โคนใบมนใหญ่ ปลายใบเรียวแหลมดอก มีลักษณะเป็นกระจุก กระจุกละหลายช่อ ออกตามกิ่งหรือลำต้น ดอกอ่อนมีสีเขียวอ่อน จากนั้นจะมีสีแดงช่วงใกล้จะบาน แล้วกลายเป็นสีแดงอมม่วงตอนบานแล้ว กลีบดอกมี 5 กลีบ กลีบเลี้ยงสีแดง อ่อนๆ มีเกสรสีขาวอยู่ตรงกลาง ก้านดอกย่อยยาวสีเขียวอ่อนผล เป็นผลเดี่ยวออกเป็นพวง ผลลักษณะเป็นทรงกระบอก มีเหลี่ยมมนๆอยู่ 4-5 เหลี่ยม โคนผลเล็ก ก้นผลใหญ่กว่า อาจจะมีร่องเล็กๆ 2-3 ร่องที่ก้นผล ผิวเปลืองบาง สีเขียวสด ผลที่อยู่ปลายช่อมีขนาดใหญ่กว่าที่โคนช่อ ผลดิบเนื้อด้านในสีเขียวอ่อนอมขาว ฉ่ำน้ำ รับประทานได้ มีรสเปรี้ยวจัด ส่วนผลสุก สีสีออกเหลืองเมล็ด เมล็ดอ่อนจะเล็กแต่ทานได้ ส่วนเมล็ดแก่สีน้ำตาล แบน ทรงกระบอก มีรสขม ถ้าจะทานเนื้อ ต้องแยกเม็ดออก15 สรรพคุณดีๆ ของตะลิงปลิง1. ตะลิงปลิงช่วยให้เจริญอาหาร กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้ระบบย่อยดีขึ้น บำรุงกระเพาะอาหาร แก้อาการเลือดออกในกระเพาะ บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม2. ตะลิงปลิงมีสรรพคุณแก้ไข้ ลดไข้ บรรเทาอาการหวัด ละลายและขับเสมหะ แก้ไอ ทำให้คันคอน้อยลง รักษาการอักเสบในปากและลำคอ3. สรรพคุณตะลิงปลิงใช้เป็นยาระบาย ตะลิงปลิงมีรสเปรี้ยว มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ทานประมาณ 4-5 ผล จากนั้นดื่มน้ำตามเยอะๆ ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก รักษาโรคริดสีดวงทวาร4. ตะลิงปลิงเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง ชะลอความเสื่อมของเซลล์5. ตะลิงปลิงมีวิตามินซีสูง ป้องกันโรคหวัด ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน บำรุงผิวให้ขาวใส ปกป้องผิวจากแสงแดด6. ตะลิงปลิงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะทานแล้วช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดได้7. ประโยชน์ของตะลิงปลิงรักษาสิวได้ ตะลิงปลิงมีกรดผลไม้ตามธรรมชาติที่ช่วยรักษาสิวได้ นำมาฝานเป็นแผ่นบางๆจากนั้นนำไปแปะบริเวณที่เป็นสิว สิวจะยุบไวขึ้น หรือจะแปะบริเวณที่มีฝ้า กระ รวมไปถึงรอยดำรอยแดงจากสิว ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวขาวสดใสขึ้นได้8. ตะลิงปลิงช่วยขับสารพิษ ช่วยปกป้องอวัยวะภายในจากสารพิษต่างๆ กระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษตกค้างออกมาได้ดีขึ้น หากทานหลังดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยให้สร่างเมาได้ไว เพราะตะลิงปลิงช่วยให้แอลกอฮอล์จะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ9. ตะลิงปลิงรักษาโรคผิวหนัง นำใบมาต้มน้ำอาบ ช่วยรักษาอาการคันตามผิวหนัง หรือรักษาโรคผิวหนังจำพวกกลาก เกลื้อน ก็ได้เช่นกัน10. ตะลิงปลิงบำรุงลำไส้ แก้ลำไส้อักเสบ บรรเทาอาการเลือดออกในลำไส้11. ตะลิงปลิงช่วยแก้ร้อนใน ดับพิษร้อนในร่างกาย แก้กระหายน้ำ ช่วยขับเหงื่อ12. สรรพคุณตะลิงปลิงบำรุงเลือด ช่วยฟอกเลือด กระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด13. ตะลิงปลิงแก้ปวดตามข้อ เช่น โรคเก๊าต์ โรครูมาตอยด์ ช่วยบรรเทาอาการไขข้ออักเสบ14. ตะลิงปลิงช่วยรักษาโรคซิฟิลิส ในประเทศมาเลเซีย มีประชากรบางส่วนของรัฐเประก์นำใบและผลของตะลิงปลิงมารักษาโรคซิฟิลิส15. ตะลิงปลิงช่วยบำรุงมดลูก สำหรับสตรีที่มีปัญหาปวดมดลูกบ่อยๆ ลองทานตะลิงปลิงคราวละ 1-2 ลูก จะช่วยบรรเทาอาการได้ประโยชน์ของตะลิงปลิงนำมารับประทาน สามารถนำมารับประทานสดๆ ได้ทุกส่วนถ้าเป็นผลอ่อน แต่ถ้าเป็นผลแก่ก็เอาเม็ดออก โดยรับประทานกับพริกเกลือ หรือจะเอามาปรุงอาหารประเภทแกงส้ม ต้มยำก็อร่อยเพราะว่ามีรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด หากมีเยอะจนทานไม่หมด จะนำไปแปรรูป เช่น ดอง แช่อิ่ม เครื่องดื่มหรือไวน์ เป็นต้นย้อมสี ดอกตะลิงปลิงมีสีแดงอมม่วง นำมาคั้นเอาแต่น้ำ นำไปใส่ขนมหรือย้อมสีกระดาษได้ข้อควรระวังในการทาน1. ห้ามทานติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะเลือดอาจจะตกตะกอนได้2. การทานตะลิงปลิงมากจนเกินไป อาจจะทำให้เกิดภาวะไตวายได้ ดังนั้นไม่ควรนำตะลิงปลิงมาคั้นน้ำทานแบบไม่เจือจาง ไม่ทานตอนท้องว่างหรือทานในขณะร่างกายมีภาวะขาดน้ำ3. คนที่เป็นโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการทานตะลิงปลิงเพระมีกรดออกซาลิคสูงมาก เนื่องจากไตอาจทำงานผิดปกติมากขึ้น ถ้าอาการรุนแรง อาจจะทำให้ไตล้มเหลวได้เลยทีเดียววิธีทำตะลิงปลิงแช่อิ่มตะลิงปลิงเป็นผลไม้ที่ให้ผลิตผลคราวละมากๆ ทำให้มักจะรับประทานไม่หมด ก็จะเหลือทิ้งสุกร่วงคาต้น ซึ่งก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร วันนี้มาดูวิธีแปรรูปตะลิงปลิงให้สามารเก็บรักษาได้นาน แถมรสชาติอร่อยจนสามารถทำขายได้อีกด้วยส่วนผสมตะลิงปลิง 1 กิโลกรัมเกลือ ¼ ถ้วยน้ำเปล่า 1 ลิตรน้ำปูนใส 1 ลิตรน้ำตาล 400 กรัมวิธีทำ1. เอาตะลิงปลิงมาเด็ดขั้วออกจากนั้นล้างให้สะอาด หากมีมากกว่า 1 กิโลกรัม ก็เพิ่มส่วนผสมไปเท่าตัว เช่น ถ้ามี 2 กิโลกรัม ก็คูณส่วนผสมอื่นด้วย 2 เช่นกัน2. ผสมเกลือกับน้ำเปล่า จากนั้นต้มแค่พอเกลือละลาย ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำตะลิงปลิงมาแช่ไว้ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ตอนแช่อย่าลืมหาอะไรมากดไว้ จะได้จมน้ำเสมอกัน การแช่ตะลิงปลิงจะช่วยลดความเปรี้ยวลง3. ทำน้ำปูนใส โดยใช้ผสมปูนแดงกับน้ำเปล่า ปูนแดงนี้คือปูนที่ใช้กินกับหมากนั่นเอง ผสมปูนแดงประมาณ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1-2 ลิตร คนให้เข้ากัน ตั้งทิ้งไว้แล้วตักฝ้าที่ผิวน้ำออก ตักน้ำปูนใสไปใช้ได้เลย4. เทน้ำเกลือออกแล้วใส่น้ำปูนใสลงไปแทน แช่อีก 8 ชั่วโมง จะทำให้เนื้อตะลิงปลิงแข็งและไม่เละตอนนำมาต้ม5. เทน้ำปูนใสออกไป จากนั้นล้างให้สะอาดแล้วผึ่งตะลิงปลิงให้แห้ง6. เริ่มขั้นตอนแช่อิ่มโดยการใช้หม้อก้นหนา(กันน้ำตาลไหม้) ใส่ตะลิงปลิงสลับกับน้ำตาลทีละชั้นๆ ในอัตราส่วนตะลิงปลิงสด 1 กิโลกรัมต่อน้ำตาล 400 กรัม จากนั้นเคี่ยวโดยใช้ไฟอ่อน จากนั้นจะมีน้ำซึมออกมาจากตะลิงปลิง7. เคี่ยวจนน้ำตาละลาย เวลาคนให้ใช้อุปกรณ์ที่ไม่มีคม เพราะตะลิงปลิงจะได้ไม่เละ รอจนเดือดอีกรอบก็ปิดไฟ แล้วตั้งทิ้งไว้ให้เย็น8. พอเย็นแล้วให้แช่ไว้แบบนั้นประมาณ 8 ชั่วโมง9. ตักตะลิงปลิงออก น้ำตาลที่เหลือให้เคี่ยวจนลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง แล้วเทตะลิงปลิงที่ตักออกมาตอนแรกใส่ลงไปให้หมด10. แช่ทิ้งไว้อีกรอบด้วยเวลาเท่าเดิม11. ตักตะลิงปลิงออกมาแล้วผึ่งให้แห้ง อาจจะตากแดด 1-2 แดดก็ได้ แล้วแต่ว่าชอบแบบแห้งน้อยหรือมาก12. น้ำเชื่อมที่เหลือ สามารถเคี่ยวอีกรอบให้ลดปริมาณลงหรือไม่เคี่ยวก็ได้ เวลาทานแนะนำให้ผสมน้ำ นิดหน่อย ใส่ตะลิงปลิงลง ทานแบบลอยแก้ว หรือจะเอามาผสมน้ำเฉยๆ แล้วใส่น้ำแข็ง ก็ดื่มได้ อร่อยหวานเย็น ชื่นใจ13. การเก็บรักษา หากตากแดดจนแห้งมาก ใส่กล่องที่แห้งสนิท เก็บไว้นอกตู้เย็นได้ แต่ถ้าแบบไม่แห้งมาก แนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็นจะเก็บได้นานกว่าสรุปได้ว่า สรรพคุณ ประโยชน์ของตะลิงปลิงเนี่ยถ้าร่างกายแข็งแรงดี ไม่ได้เป็นโรคไต ไม่ได้ประสบภาวะขาดน้ำก็ทานไปเถอะค่ะ ไม่ต้องกังวล เพราะเราคงไม่ได้ทานคราวละเป็นกิโลๆอยู่แล้ว การทานเล็กน้อยแบบทานผลไม้ทั่วๆ ไปนั้น ปลอดภัย ไม่อันตราย เพียงแต่ต้องไม่ทานในขณะท้องว่างเท่านั้นเอง