“คนท้องกินอะไรให้ลูกผิวขาว” อาหารช่วยได้หรือไม่?

สำหรับเหล่าว่าที่คุณแม่ นอกจากสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์และความฉลาดเฉลียวของลูกแล้ว ย่อมอยากให้ลูกเกิดมาหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ผิวพรรณขาวใส มีออร่า หลายคนจึงหาวิธีที่จะทำอย่างไรจึงจะช่วยบำรุงผิวของลูกให้ลูกเกิดมาผิวขาวได้ แต่เนื่องจากเจ้าตัวเล็กยังอยู่ในท้อง วิธีที่ง่ายที่สุดหากจะทำให้ลูกขาวได้ก็ต้องมาจากอาหารที่คุณแม่ทานเข้าไปนั่นเอง ว่าแต่ว่าจะทำได้จริงไม่ ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผิวที่เคยได้ยินมีข้อเท็จจริงอย่างไร มาล้อมวงคุยกันค่ะ

สีผิวของลูกนั้น จะผิวขาวหรือผิวเข้ม ที่จริงแล้วขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ของคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก ส่วนลำดับญาติทางสายเลือดที่สูงขึ้นไปอย่างปู่ย่าตายายก็มีผลเช่นเดียวกัน หากพ่อแม่ผิวขาว ลูกก็มีโอกาสมากที่จะเกิดมาขาว ถ้าพ่อแม่ผิวเข้ม ลูกก็มีโอกาสมากที่ผิวจะเข้ม ส่วนลูกของใครเกิดมามีสีผิวแตกต่างจากพ่อแม่ อย่าตกใจไปนะคะ เพราะสีผิวของลูกอาจจะได้มาจากปู่ย่าตายายซึ่งเป็นยีนส์แฝงที่อยู่ในตัวพ่อแม่นั่นเอง ดังนั้นอาหารจึงแทบไม่มีผลกับสีผิวเลยค่ะ

“ท้องอยู่เหรอ ห้ามดื่มโกโก้นะ ห้ามทานเฉาก๊วยด้วย ถ้าไม่อยากให้ลูกดำ” เชื่อว่าแม่ๆ หลายคนคงเคยได้ยินประโยคคล้ายๆ แบบนี้กันมาบ้างว่า การทานอาหารที่มีสีดำจะทำให้ลูกเกิดมาดำ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมากค่ะ อย่างที่บอกว่าสีผิวลูกขึ้นกับพันธุกรรมสีผิวของพ่อแม่ ดังนั้นไม่ว่าจะเฉาก๊วย โกโก้ มังคุด องุ่นหรืออะไรก็ตามที่มีสีดำ คุณแม่สามารถทานได้ค่ะ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับสีผิวของลูก หากอยากทานก็ทานเถอะค่ะ เพราะถ้าเกิดแพ้ท้องหนักมากๆ ขึ้นมา แค่น้ำคุณแม่ก็ดื่มไม่ได้เพราะอาการคลื่นไส้อาเจียนมันจะรุนแรงจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมเลือกรับประทานนะคะ อาหารอะไรที่หวานๆ หรือมีคาเฟอีนเยอะๆ ไม่ควรทานมากเพราะอันนี้ส่งผลต่อลูกแน่นอน

ผิวขาวคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพันธุกรรม แต่ผิวแข็งแรงคุณแม่สามารถช่วยลูกได้ค่ะ มีอาหารหลายอย่างที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวของลูกน้อย หากอยากให้ลูกเกิดมาผิวเนียน ผิวสวยคุณแม่ควรหมั่นรับประทานอาหารบำรุงผิวเป็นประจำ

3. ปลา เนื้อปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่ายที่สุด มีโปรตีน โอเมก้า 3 และ 6 ซึ่งช่วยบำรุงและซ่อมแซมผิวได้เป็นอย่างดี คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานปลาบ่อย โดยปรับเปลี่ยนเมนูและชนิดปลา ทานให้หลากหลายเช่น ปลาช่อน ปลาทับทิม ปลาแซลมอน ปลาทู เป็นต้น โอเมก้า 3 และ 6 เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์มาก โดยนอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณ ยังช่วยบำรุงประสาทและสมอง ทำให้ลูกน้อยเป็นเด็กฉลาดนั่นเองค่ะ

4. น้ำเปล่า สุดท้ายนี้คุณแม่และลูกน้อยจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ทานเข้าไปไม่เต็มที่ค่ะ หากแต่ละวันดื่มน้ำไม่เพียงพอ ดังนั้นน้ำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องดื่มให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพราะน้ำจะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่น ยืดหยุ่น โครงสร้างผิวแข็งแรง ไม่แห้งกร้านทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ด้วย

1. ไม่ควรรับประทานอาหารเดิมซ้ำติดต่อกันหลายๆ วัน เนื่องจากจะได้รับสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำกัน ก่อให้เกิดโทษมากกว่าผลดี เช่น หากรับประทานสตรอว์เบอรีทุกวัน จะได้รับสารเคมีในปริมาณและจะสะสมในร่างกาย เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้จัดเป็น 1 ใน 5 ผลไม้ที่พบสารเคมีตกค้างมากที่สุด ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าอาหารชนิดใดก็ไม่ควรทานซ้ำนานๆ ค่ะ

2. อย่าทานมาก เพราะคิดว่าช่วยบำรุงลูก เช่น ดื่มนมมากๆ เพราะอยากให้ลูกเกิดมาตัวลูก ทานไข่วันละหลายๆ ฟองเพราะกลัวได้โปรตีนไม่พอ เป็นต้น พฤติกรรมการรับประทานอาหารเช่นนี้อาจก่อให้เกิดผลเสียกับลูกคือ กระตุ้นให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ มีเด็กๆ หลายที่ในขณะตั้งครรภ์แม่ทานไข่หรือนมมากเกินไป ลูกเกิดมาก็เป็นโรคภูมิแพ้ไข่กับนม ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตของลูกในอนาคตได้ค่ะ

3. การดื่มน้ำ ควรจิบไปเรื่อยๆตลอดทั้งวัน อย่าดื่มน้ำทีละมากๆ เพราะอาจจะทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้ ส่วนคุณแม่คนไหนปวดปัสสาวะบ่อย ห้ามกลั้นปัสสาวะหรือลดการดื่มน้ำเพราะคิดว่าจะปวดน้อยลงเด็ดขาด อดทนแค่นิดเดียวเพื่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อย ถ้าไม่อยากลุกเข้าห้องน้ำบ่อยตอนกลางคืน แนะนำว่าให้ดื่มน้ำให้พอในเวลากลางวัน และงดดื่มน้ำก่อนเข้านอน 1-2 ชั่วโมงค่ะ

สรุปได้ว่าอาหารไม่มีผลต่อสีผิวของลูก เนื่องจากขึ้นอยู่กับพันธุกรรมเป็นหลัก แต่อาหารช่วยให้ลูกมีผิวพรรณที่แข็งแรงได้ ขึ้นอยู่กับอาหารที่คุณแม่เลือกทานในระหว่างตั้งครรภ์ ดังนั้นหากคุณแม่ท่านใดอยากให้ลูกผิวสวย แนะนำให้ทานธัญพืช ปลา ผักผลไม้และน้ำเปล่าเยอะๆ เพื่อช่วยบำรุงผิวลูก รวมทั้งอย่าลืมรับประทานอาหารให้ครบถ้วน 5 หมู่เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของลูกน้อยและตัวคุณแม่เอง และที่สำคัญเมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลกแล้ว เค้าจะมีผิวสีขาวหรือสีเข้มก็ไม่เป็นไรค่ะ เด็กๆ ทุกคนมีความน่ารักเสมอค่ะ