เคล็ดลับสุขภาพ เรื่องน่ารู้ October 30, 2018 Share 0 Tweet Pin 0 “น้ำมันไพล” สมุนไพรไทยมากสรรพคุณ ประโยชน์ดีไม่ใช่น้อยคนไทยในสมัยโบราณมักนำสมุนไพรไทย ที่มีชื่อว่า “ไพล” มาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด บวม ช้ำ หรือเพื่อสมานแผล เราจึงเข้าใจว่าไพลมีสรรพคุณเพียงเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไพลยังมีสรรพคุณอีกมากมายที่เราอาจยังไม่รู้ มารู้จักกับไพลไพล เป็นสมุนไพรไทยที่มีชื่อท้องถิ่นหลากหลาย เช่น ว่านไพล ไพลเหลือง สีไพล ปูลอย ปูเลย (ภาคเหนือ) ปูขมิ้น มิ้นสะล่าง (ไทยใหญ่ - แม่ฮ่องสอน) ว่านไฟ (ภาคกลาง) ว่านปอบ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. หรือ Zingiber cassumunar Roxb. จัดเป็นสมุนไพรที่อยู่ในวงศ์ Zingiberaceae พบปลูกในทุกภาคของประเทศไทยลักษณะของไพล ไพลจัดเป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 0.7 - 1.5 เมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน ในเหง้ามีน้ำมันหอมระเหย เปลือกนอกเป็นสีน้ำตาลแกมเหลือง เนื้อในมีสีเหลืองแกมเขียว ซึ่งส่วนนี้จะมีกลิ่นเฉพาะตัว หากเป็นเหง้าสดจะฉ่ำน้ำ มีรสฝาด ร้อนซ่า แต่หากเป็นเหง้าแก่สดและแห้งจะมีรสเผ็ดเล็กน้อย ตัวเหง้าจะแทงหน่อหรือลำต้นเทียมขึ้นเป็นกอ ใบเป็นใบเดี่ยวมีลักษณะเรียวแหลม โคนใบมนหรือเว้ารูปหัวใจ ใบประดับสีม่วง ดอกเป็นรูปไข่หรือยาวรี ผลเป็นผลแห้งรูปกลมสรรพคุณแต่ละส่วนของไพลไพล ถือเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณในการรักษาเกือบทุกส่วน ซึ่งสรรพคุณในแต่ละส่วน มีดังนี้ 1. เหง้า เหง้าจัดเป็นส่วนที่มีประโยชน์มากที่สุดของไพล เพราะสามารถนำมาใช้รักษาอาการต่างๆ ได้มากมาย นำมาเป็นส่วนประกอบของลูกประคบ หรือนำมาฝนเพื่อใช้สมานแผล แก้ฟกช้ำ ปวด บวม เหน็บชา เส้นตึง ปวดเมื่อย เคล็ดขัดยอก ข้อเท้าแพลง หรือทาบรรเทาอาการผื่นคันจากการแพ้ โรคผิวหนัง แก้ฝี ดูดหนอง และเป็นยากันเล็บถอดได้ส่วนน้ำคั้นหัวไพลยังมีฤทธิ์เป็นยาชาเฉพาะที่ ช่วยลดอาการปวด เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ข้อเท้าแพลง หรือหากนำไปต้มน้ำอาบ ถูนวดตัวก็ช่วยบำรุงผิวพรรณได้อีก หญิงเพิ่งคลอดบุตรก็สามารถนำเหง้าไปต้มน้ำอาบหลังคลอดได้ หากนำมารับประทานก็มีสรรพคุณช่วยแก้บิด แก้ท้องเสีย แก้หืดทั้งนี้พบว่า น้ำมันหอมระเหยในเหง้ามีสารออกฤทธิ์ช่วยลดอาการบวมและอาการปวดได้ จึงช่วยยับยั้งอาการอักเสบด้วยกระบวนการเดียวกับยาแก้ปวดและยาลดอาการอักเสบแผนปัจจุบัน นอกจากนี้เหง้ายังมีสาร Veratrole ซึ่งมีฤทธิ์ขยายหลอดลม พบว่าช่วยรักษาโรคหืดได้ผล ทั้งหืดชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง2. ราก รากไพลมีรสขื่นเอียน มีสรรพคุณช่วยขับโลหิต ขับระดูให้มาตามปกติ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ท้องผูก เคล็ดขัดยอก โรคผิวหนัง โรคอันบังเกิดแต่โลหิตอันออกทางปากและจมูก และแก้อาเจียนเป็นโลหิต 3. ดอก ดอกไพลจะมีรสขื่น ช่วยสลายลิ่มเลือด กระจายโลหิตอันเกิดแต่อภิญญาณธาตุ ขับโลหิต แก้อาเจียนเป็นโลหิต แก้เลือดกำเดาออกทางจมูก แก้ช้ำใน ขับระดู และทำลายเลือดเสีย 4. ต้น ต้นไพลมีรสฝาด ขื่นเอียน แก้ธาตุพิการ แก้อุจจาระพิการ5. ใบ ใบไพลประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด เช่น sabinene, β-pinene, caryophyllene oxide และ caryophyllene มีรสขื่นเอียน ช่วยแก้ไข้ แก้ปวดเมื่อย และแก้ครั่นเนื้อครั่นตัว6. ช่อดอก ช่อดอกไพลนำมาต้มจิ้มน้ำพริกรับประทานได้ตำรับยาจากไพลตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปรากฏการใช้เหง้าไพล ในยาหลายขนาน เช่น1. ยาประสะกานพลู นำไพลมาผสมร่วมกับดอกกานพลู เหง้าขิงแห้ง เทียนดำ เทียนขาว ฯลฯ ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง จุกเสียดแน่นเฟ้อจากอาหารไม่ย่อย เนื่องจากธาตุไม่ปกติ หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่มีไข้ไม่ควรใช้ยานี้2. ยาประสะไพล ประกอบด้วยเหง้าไพลผสมกับผิวมะกรูด การบูร ฯลฯ ใช้ในสตรีที่ระดูมาไม่สม่ำเสมอหรือมาน้อยกว่าปกติ และขับน้ำคาวปลาในสตรีหลังคลอดบุตร ไม่ควรใช้ในหญิงที่มีระดูมากกว่าปกติ หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงตกเลือดหลังคลอด3. ยาแก้ลมอัมพฤกษ์ ประกอบด้วยเหง้าไพล เหง้าขมิ้นอ้อย เหง้าข่า ผักเสี้ยนผี การบูร ผสมกับสมุนไพรอื่น ๆ ใช้บรรเทาอาการปวดตามเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา แต่ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีไข้ และเด็ก4. ยาผสมเถาวัลย์เปรียง ประกอบด้วยเหง้าไพลผสมกับเถาวัลย์เปรียง และสมุนไพรอื่นๆ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่ไม่ควรใช้กับหญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหารวิธีใช้ไพลรักษาอาการต่างๆสูตรน้ำมันไพลส่วนผสม1. หัวไพลสดหั่นเป็นชิ้นบางๆ 2 ถ้วยตวง2. น้ำมันมะพร้าว 1 ถ้วยตวง3. การบูร 1 ช้อนชา4. ดอกกานพลู 1 ช้อนชาวิธีทำ1. เทน้ำมันมะพร้าวลงกระทะแล้วยกขึ้นตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนจัดให้ใส่ไพลที่หั่นเป็นชิ้นบางๆ เตรียมไว้แล้วลงไปทอดในน้ำมัน 2. ลดไฟลงให้ร้อนปานกลาง ทอดจนไพลกรอบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแก่ (ระวังไหม้) จะได้น้ำมันเป็นสีเหลืองใส ช้อนเอาเนื้อไพลออก 3. จากนั้นตำกานพลูให้ป่น นำลงทอดในน้ำมันต่อ และลดไฟให้เหลือไฟอ่อนๆ เพื่อกันไม่ให้น้ำมันที่อยู่ในกานพลูระเหยไป 4. ทอดประมาณ 10 นาที แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง พอน้ำมันอุ่นจึงผสมการบูรลงในน้ำมัน แล้วเทลงภาชนะที่สามารถปิดฝาได้สนิท เพื่อป้องกันการระเหย5. เมื่อน้ำมันเย็นดีแล้ว ให้เขย่าหรือใช้ช้อนคนจนเข้ากันดี แล้วแบ่งบรรจุขวดเล็กปิดฝาให้แน่น เพื่อนำไปใช้ต่อไปสรรพคุณและวิธีใช้น้ำมันไพล1. แก้แผลช้ำ ให้ทาน้ำมันเพียงบางๆ วันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น (ก่อนทาน้ำมันควรทำความสะอาดแผลทุกครั้ง)2. แก้เคล็ด - บวมช้ำ ทาน้ำมันให้ทั่วบริเวณที่มีอาการ ใช้ฝ่ามือนวดเบาๆ ควรทาน้ำมันสัก 3 - 4 ครั้งต่อวัน3. แก้ข้อบวมและเหน็บชา ควรทาน้ำมันให้โชก แล้วใช้ขวดใส่น้ำร้อนห่อด้วยผ้า ประคบบริเวณที่มีอาการวันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น หรือเวลาที่มีอาการปวดชาข้อควรระวังในการใช้ไพลแม้การทดสอบพิษในห้องทดลองจะไม่พบอาการเป็นพิษเมื่อใช้ไพลในขนาดที่ใช้รักษาปกติ แต่ก็มีคำแนะนำว่าไม่ควรรับประทานไพลในปริมาณมาก หรือใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะจะไปสะสมในตับทำให้เป็นพิษต่อตับได้อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็น "ไพล" หรือสมุนไพรชนิดอื่นๆ หากจะนำมาใช้หรือนำมารับประทานก็ควรศึกษาวิธีใช้อย่างรอบคอบเสียก่อน หากมีอาการป่วยหรือมีโรคประจำตัวอยู่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง