เคล็ดลับสุขภาพ แนะนำผลิตภัณฑ์ ใช้ดีบอกต่อ June 5, 2017 Share 2 Tweet Pin 0 สรรพคุณ 5 ประการของ "น้ำมันมะรุม" ที่คุณอาจไม่เคยรู้ปัญหาผิวพรรณที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นผิวคล้ำ ผิวแห้งกร้านหรือปัญหาสิวต่างๆ ล้วนแต่เกิดจากมลภาวะที่เราเผชิญในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นควันหรือรังสี UV... นอกจากนั้นปัญหาอีกอย่างคือผิวที่ขาดการบำรุงก่อนออกไปเผชิญกับการทำงานหนักในทุกๆ วัน ก็ล้วนทำให้ผิวคล้ำเสียสะสมจนยากจะเยียวยา วันนี้ ‘สุขภาพดี’ จึงมีเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณจากสารสกัดธรรมชาติอย่าง "น้ำมันมะรุม" มาฝาก รับรองว่าสาวๆหรือหนุ่มๆ ที่มีปัญหาสุขภาพผิวต้องร้องWOW! ให้กับคุณประโยชน์สุดเริดของเจ้าน้ำมันมะรุม ขวดจิ๋วกันอย่างแน่นอน! 5 สรรพคุณ และประโยชน์ของน้ำมันมะรุม เพื่อผิวสวย สุขภาพดี1. น้ำมันมะรุมมีสรรพคุณช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ผิว เนื่องจากน้ำมันมะรุมมีส่วนประกอบหลักๆคือวิตามินเอ (ที่มีมากกว่าแครอทถึง 4 เท่า) ที่มีคุณสมบัติในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนภายใต้ผิวหนัง นอกจากนั้นวิตามินเอที่ว่ายังมีส่วนช่วยในการลอกเซลล์ผิวเก่าหรือผลัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไปได้อย่างดีทำให้ผู้ที่ใช้น้ำมันมะรุมในการดูแลผิวหน้าและผิวกายมีริ้วรอยช้าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยใช้เลยช่วย2. น้ำมันมะรุมช่วยในการรักษาแผลไหม้และรอยผื่น ด้วยสภาพแดดเมืองไทยที่ทั้งร้อนระอุและมีค่ารังสีที่ค่อนข้างสูง จึงไม่น่าแปลกใจที่สาวไทยหลายๆคนมักประสบกับปัญหาผิวไหม้และเกิดรอยผื่นเนื่องจากแพ้แดด โดยหลายคนใช้สกินแคร์เท่าไหร่ก็ไม่หาย ที่ผ่านมาจึงมีผู้ประกอบการหลายเจ้าพยายามคิดค้นวิธีรักษาปัญหาดังกล่าวด้วยธรรมชาติบำบัดอย่างการใช้น้ำมันมะรุมสกัดเย็นที่นำใช้ทาบริเวณผิวที่มีรอยไหม้เพื่อฆ่าเชื้อ โดยสรรพคุณของน้ำมันมะรุมสกัดเย็นนี้จะช่วยสมานแผลรวมไปถึงรักษารอยผดผื่นที่เกิดจากการแพ้แดดได้ดีอีกด้วย3. สรรพคุณของน้ำมันมะรุมช่วยรักษาสิวหัวดำ อีกหนึ่งประสิทธิภาพในการรักษาสิวของน้ำมันมะรุมคือการรักษาสิวหัวดำและรอยแดง รอยดำ จากการกดสิวเนื่องจากน้ำมันมะรุมมีปริมาณวิตามินอีอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งวิตามินอีที่ว่านี้สามารถลดเลือนรอยแดงหรือรอยดำที่เกิดจากการกดสิว นอกจากนั้นยังช่วยให้สิวหัวดำหลุดออกง่ายขึ้น4. น้ำมันมะรุมมีสรรพคุณเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวกาย น้ำมันมะรุมมีคุณสมบัติพิเศษอีกข้อคือให้ความชุ่มชื้นกับผิวกายได้เป็นอย่างดี ในบางรายที่มีผิวค่อนข้างแห้งหรืออาจจะใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ชำระล้างความมันออกมากจนเกินไปก็อาจจะทำให้ทั้งผิวหน้าและผิวกายแห้งกร้าน จนลอกและเป็นขุยได้ วิธีแก้ก็ง่ายนิดเดียวเพียงแค่หยดน้ำมันมะรุมที่อุดมไปด้วยวิตามินอีและมอยเจอร์ไรเซอร์ลงไปหลังอาบน้ำ เพียงเท่านี้ผิวก็จะกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นทันตา5. น้ำมันมะรุมช่วยบำรุงปลายผมและเล็บให้ดูสุขภาพดี นอกจากคุณสมบัติที่ดีต่อผิวพรรณแล้ว "น้ำมันมะรุม’"ยังช่วยบำรุงผมและเล็บให้ดูสุขภาพดีอีกด้วย เนื่องจากในน้ำมันมะรุมมีสารประกอบจำพวกวิตามินและสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ที่ช่วยในการยับยั้งเชื้อรา ตามหนังศีรษะและซอกเล็บ ดังนั้นในรายที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมหากใช้น้ำมันมะรุมนวดก่อนหรือหลังสระผมใหม่ๆ จะช่วยลดอาการคันศีรษะจากเชื้อราและป้องกันอาการผมร่วงได้อย่างที่ทราบกันว่า "น้ำมันมะรุม" ถือเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในด้านความงามหรือใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง โดยนอกจากประโยชน์ทั้ง 5 ข้อที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว "มะรุม" ยังเป็นพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ขาดแคลนอาหารอย่างประเทศ ‘เฮติ’ ที่ได้มีทำการทดลองนำใบมะรุมมาตากแห้งและบดเพื่อรักษาภาวะทุพโภชนาการของเด็กๆ รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์จากการทดลองพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีสุขภาพดีขึ้นทั้งนี้เนื่องจากสรรพคุณในมะรุมที่มีปริมาณโปรตีน (14%) แคลเซียม (40%) เหล็ก (23%) และวิตามินเอ ที่ร่างกายมนุษย์ต้องการในแต่ละวัน และยังมีธาตุอาหารอื่นๆเช่น กำมะถัน ทองแดง และวิตามินบีอีกด้วยจากข้อมูลข้างต้นที่ ‘สุขภาพดี’ นำมาฝากกัน คงทำให้ใครหลายๆ คนรู้จักกับคุณประโยชน์ของมะรุมเพิ่มมากขึ้น สำหรับสาวๆ หรือหนุ่มๆ ที่รักสุขภาพคนใดที่อยากจะใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแบบนี้ในการดูแลผิวพรรณแล้วล่ะก็ "น้ำมันมะรุม" ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ควรมีเป็นไอเทม Must have ในกระเป๋านะคะ แต่อาจซื้อยากซะหน่อย...แต่เรามีช่องทางซื้อผลิตภัณฑ์ "น้ำมันมะรุม" ที่มีคุณภาพ ปลอดภัยเพราะเป็นออร์แกนิค 100% และมีบริการส่งตรงถึงบ้าน เก็บเงินปลายทาง รับรองว่าได้น้ำมันมะรุมสกัดเย็นเป็นไอเท็มดูแลสุขภาพได้แบบง่ายๆ ไม่ยุ่งยากแน่นอน...สนใจ คลิกที่นี่ที่มา: เว็บไซต์ Herbandherthailandบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้...คู่สุขภาพดี "น้ำมันยูคาลิปตัส" กับสรรพคุณ 5 ประการ ที่ยิ่งใช้ยิ่งมีสุขภาพดี เคล็ดลับ…วิธีกินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ให้ได้ผล “น้ำมันตับปลา” ทานพอเหมาะให้ประโยชน์ ทานมากไปให้โทษนะ จะบอกให้!! ประโยชน์ของน้ำผัก-ผลไม้…ให้คุณค่าไม่ต่างกับการกินผลสด