free web tracker, fire_lady โรคที่เกิดจากการกินหวาน..มหันตภัยร้ายที่มาพร้อมกับน้ำตาล • สุขภาพดี

โรคที่เกิดจากการกินหวาน..มหันตภัยร้ายที่มาพร้อมกับน้ำตาล

โรคที่เกิดจากการกินหวาน

ขึ้นชื่อว่า "น้ำตาล" สิ่งที่นึกออกเป็นอย่างแรกคือความหวาน ซึ่งเป็นรสชาติอันดับหนึ่ง ที่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนชอบและติดใจ แหม...ก็เมื่อทานของหวานๆ เข้าไป มันชั่งรู้สึกชื่นใจ สดชื่นอารมณ์ดีนี่หน่ะสิ...แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเจ้ารสชาติหวานๆ เนี่ย นอกจากอร่อยแล้วยังพกความอันตราย โรคร้ายมาด้วย ส่วนโรคที่เกิดจากการกินหวานจะมีอะไรบ้าง และมีความอันตรายมากแค่ไหน เราได้รวบรวมข้อมูลมาฝากกันค่ะ

น้ำตาลสำคัญต่อร่างกาย?

น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานที่จำเป็นมากสำหรับมนุษย์ ถือเป็นสารอาหารหนึ่งที่คนเราขาดไม่ได้ เพราะราวๆ 70% ของพลังงานที่มนุษย์ใช้ในแต่ละวันมาจากน้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลกลูโคสยิ่งมีความจำเป็นต่อสมองคนเราเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะมีประโยชน์มากแค่ไหนก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทานน้ำตาลเข้าไปมากๆ  เพราะการทานน้ำตาลในปริมาณมากส่งผลเสียกับร่างกายมากกว่าผลดี ทำให้เป็นโรคร้ายต่างๆ ง่ายขึ้น ทั้งยังทำให้แก่เร็วอีกด้วย

ปริมาณน้ำตาลที่ควรรับประทานในแต่ละวัน

ในแต่ละวันร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่จากการวิจัยปริมาณน้ำตาลที่คนไทยได้รับในปัจจุบันพบว่าคนไทยทานน้ำตาลมากเป็นอันดับสองของโลก โดยเป็นรองแค่ประเทศบราซิลเท่านั้น โดยในปี 2557 มีการเผยแพร่จาก Global Agricultural Information Network พบว่า คนไทยทานน้ำตาลมากถึง 28.4 ช้อนชาต่อวัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ควรได้รับถึง 4.7 เท่า

เราได้น้ำตาลจากแหล่งใดบ้าง?

จริงๆ แล้วในชีวิตประจำวันของเรา อาหารในแต่ละมื้อที่มีข้าว ก๋วยเตี๋ยว แป้ง ขนมปัง เหล่านี้ล้วนเป็นอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนรูปกลายเป็นน้ำตาลที่สามารถนำไปเป็นพลังงานได้ ดังนั้นแม้เราไม่ทานน้ำตาลเลย ก็ถือว่าได้รับน้ำตาลมากพอสำหรับความต้องการในแต่ละวัน

โรคยอดฮิตที่มาจากการกินหวาน

น้ำตาล ถ้าหากทานมากเกินความต้องการของร่างกาย ร่างกายจะนำมาเผาผลาญหรือใช้ได้ไม่หมด จนทำให้กลายเป็นไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย การทานน้ำตาลมากๆ ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น น้ำตาลสามารถนำโรคอะไรมาฝากได้บ้าง ดังนี้ค่ะ

1. โรคอ้วน เป็นโรคที่เห็นได้อย่างชัดเจนที่สุด เพราะว่าการทานน้ำตาลมากๆ ร่างกายจะนำไปใช้ไม่หมด น้ำตาลจะเปลี่ยนรูปไปเป็นไขมัน แล้วไปสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพุง ต้นแขน ต้นขา และสะโพก ใครที่รักการทานของหวานๆ ทานแต่อาหารและขนมหวานอยู่ตลอด จะเห็นว่าหลายคนเป็นผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกายเกินมาตรฐานหรือเป็นโรคอ้วนนั่นเอง

2. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลเข้ามา อินซูลินจะถูกหลั่งจากตับอ่อนเพื่อช่วยรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อทานน้ำตาลมากติดต่อกันเป็นเวลานานๆ อินซูลินจะถูกหลั่งออกมามากเพื่อพยายามลดระดับน้ำตาลในเลือด สุดท้ายร่างกายจะเข้าสู่ภาวะดื้ออินซูลินจนไม่สามารถควบคุมน้ำตาลได้อีกต่อไป จนกลายเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในที่สุด

3. โรคหัวใจและหลอดเลือด การทานน้ำตาลมากมีผลทำให้คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น ซึ่งไขมันเมื่อมีมากเกินก็จะไปเกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบตัน เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เป็นโรคความดันโลหิตสูง หากตีบมากหลอดเลือดสมองอาจจะแตก จนเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต เลือดเข้าไปเลี้ยงหัวใจน้อยลง อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจนหัวใจวาย ซึ่งมีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก

4. โรคฟันผุ น้ำตาลเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อโรคในปาก ซึ่งหากอาหารอุดมสมบูรณ์ เชื้อโรคก็จะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายฟันก็จะผุจนมีปัญหาทั้งเหงือกและฟันตามมา

5. โรคมะเร็ง น้ำตาลทำให้ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเพิ่มมากขึ้นเนื่องจาก ฮอร์โมนอินซูลินเป็นฮอร์โมนหนึ่งที่ช่วยควบคุมการเจริญเติบและการเพิ่มทวีคูณของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการสันดาปและการอักเสบของเซลล์ ดังนั้นการที่ร่างกายมีระดับอินซูลินสูงอยู่ตลอดเวลา อาจจะทำให้เป็นมะเร็งได้

6. ตับทำงานหนัก ตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลให้อยู่ในรูปกลูโคสหรือฟรุกโตส จากนั้นจะสังเคราะห์จนกลายเป็นไกลโคลเจนแล้วเก็บไว้ที่ตับ จนกว่าร่างกายจะนำไปใช้ ซึ่งถ้าทานน้ำตาลมาก ตับจะต้องทำงานหนักเพื่อเปลี่ยนรูปน้ำตาลอยู่ตลอดเวลา ในระยะยาวอาจทำให้ตับอ่อนแอและเจ็บป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับได้

7. ไขมันพอกตับ เมื่อน้ำตาลถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมัน หลังจากนั้นจะไปสะสมอยู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งส่วนหนึ่งจะถูกเก็บสะสมอยู่ในตับ เมื่อเวลาผ่านไปไขมันที่ตับมีลักษณะเป็นเม็ดๆ ซึ่งเม็ดไขมันนี้จะเป็นหนทางไปสู่โรคไขมันพอกตับในที่สุด

ผลเสียจากการทานหวานมากไป

นอกจากโรคภัยต่างๆ ที่น้ำตาลนำมาให้แล้ว ยังมีผลเสียอื่นๆ อีกหลายข้อ ดังนี้

1. ทำให้อายุสั้น จากโรคที่กล่าวทั้งหมดด้านบน บางโรคจัดเป็นโรคที่อันตรายมาก และมีอัตราการเสียชีวิตสูง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคนี้จัดเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของประชากรโลกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นน้ำตาลจึงเหมือนสิ่งที่ทำให้คนเสียชีวิตได้เร็วขึ้นนั่นเอง

2. แก่เร็ว น้ำตาลจะเข้าไปทำลายเซลล์ ไปจับตัวกับคอลลาเจนทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวจะเหี่ยวย่นได้ง่าย แก่เร็ว และเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคความจำเสื่อมตอนสูงอายุ

3. เสพติดรสชาติ เมื่อทานน้ำตาล มันจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารโดพามีน ซึ่งก็คือฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกมีความสุข บางคนที่ทานน้ำตาลจึงรู้สึกอารมณ์ดี สดชื่น อีกทั้งยังทำให้สมองหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนินออกมา ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายกับมอร์ฟีน ดังนั้นน้ำตาลจึงทำให้รู้สึกเหมือนเสพติดได้ จะทำให้ทานแล้วทานอีก อยากทานวนไปไม่รู้จักจบจนเสพติดไปในที่สุด

4. ทำให้อาการเจ็บป่วยรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากเชื้อโรคสามารถใช้น้ำตาลเป็นอาหารได้เกือบทุกชนิด เช่น เชื้อโรคในกระแสเลือด เชื้อยีสต์ในลำไส้ ดังนั้นหากใครที่เจ็บป่วย หากทานน้ำตาลมากอาจส่งผลให้ความรุนแรงของโรคมากเป็น 2 เท่าเลยก็ว่าได้

5. มีผลต่อสมองของเด็กวัยกำลังโต น้ำตาลหากทานมากจะทำให้เด็กไม่ฉลาดเพราะน้ำตาลทำให้สมองเสียสมดุลฮอร์โมน ทำให้หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย ไม่มีสมาธิในการเรียน เรียนไม่รู้เรื่องและเป็นคนเซื่องซึม 

หากติดหวาน มีวิธีแก้อย่างไร?

หากใครที่ติดรสหวานมากๆ แล้วอยากลดการทานลง ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะการหยุดทานน้ำตาลแบบหักดิบอาจจะทำให้ตบะแตก แล้วกลับมาทานหวานมากกว่าเดิมในที่สุด

1. ดื่มน้ำเปล่า ใครที่ชอบดื่มสมูทตี้ น้ำหวาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม รวมไปถึงน้ำผลไม้กล่องต่างๆ ให้เริ่มที่ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ หากกลัวโหย ให้นำผลไม้ที่มีกลิ่นหอมอร่อยและรสหวานปานกลางมาใส่ลงในน้ำเปล่า เช่น สับปะรด สตรอว์เบอร์รี แอปเปิ้ล มะนาว  แล้วนำไปแช่เย็น อาจจะใส่น้ำแข็งเกล็ดเล็กน้อย ดื่มแล้วชื่นใจ ไม่กดดันตัวเองมากเกินไปแถมยังได้วิตามินและเกลือจากผลไม้ด้วย

2. ทำเครื่องดื่มเอง น้ำปั่นตามร้านส่วนใหญ่ใส่น้ำเชื่อมเยอะมาก ซึ่งปริมาณน้ำตาลในน้ำปั่น 1 แก้ว อาจจะมากกว่าที่ร่างกายต้องการต่อวันเลยก็ว่าได้ ดังนั้นใครชอบดื่มน้ำปั่น ไม่ว่าจะชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้ แนะนำให้ทำดื่มเอง ใส่น้ำตาลน้อยๆ หรือใส่สารให้ความทดแทนอย่างหญ้าหวานก็ได้ค่ะ

วิธีลดการติดหวาน ติดน้ำตาล

3. อ่านฉลากก่อนดื่ม เครื่องดื่มสำเร็จรูปตามร้านสะดวกซื้อ เกือบทั้งหมดมีน้ำตาลมากกว่าที่เราคิด เช่น นมเปรี้ยวขวดเล็กๆ มีน้ำตาลมากถึง 3-4 ช้อนชา ในขณะที่คนเราต้องการน้ำตาลแค่วันละ 6 ช้อนชา ดังนั้นแค่ดื่มนมเปรี้ยว 2 ขวด น้ำตาลที่ได้รับก็มากเกินพอแล้ว ตัวอย่างเครื่องดื่มที่น้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม ชาเขียวน้ำผึ้งผสมมะนาว นมเปรี้ยว กาแฟสด ชาชงแก้ว ชาไข่มุก

4. ลดการทานขนมหวานลง ขนมกรุบกรอบ ขนมปังขาว เค้ก คุ้กกี้ โดนัท หรือเบเกอรี่ชนิดอื่นๆ ถึงแม้จะอร่อยแต่ขอบอกว่ามีน้ำตาลสูงมาก สำหรับคนที่ติดทานขนมเหล่านี้ไม่ควรงดโดยสิ้นเชิงเพราะอาจจะโหยและกลับมาทานมากกว่าเดิมได้ หากอดใจไม่ไหว ควรค่อยๆ ลด หากหิวให้ทานผลไม้หวานน้อย นมจืด หรืออาหารที่ไฟเบอร์มากๆ เพื่อช่วยลดความอยากอาหาร ทดแทนความอยากของหวานๆ

เป็นอย่างไรบ้างคะ..กับโรคที่เกิดจากการทานหวาน...ความอร่อยที่แสนอันตราย ซึ่งทานได้แต่ควรทานแต่น้อย สำหรับน้ำตาลเราไม่จำเป็นต้องงดโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ทานในปริมาณที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย ถึงแม้ชีวิตจะขาดหวานไม่ได้ แต่แนะนำให้หวานน้อยๆ แต่หวานนานๆ ดีกว่าค่ะ