สมุนไพรน่ารู้ อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ April 12, 2017 Share 1 Tweet Pin 0 7 สมุนไพรจีนแก้ปวดเมื่อย...หนักแค่ไหนก็เอาอยู่ เชื่อสิ!! เมื่ออายุของเรามากขึ้น ความเสื่อมทั้งหลายเริ่มคืบคลานเข้ามา ร่างกายที่เคยใช้งานอย่างหักโหมก็กลับทำได้เพียงไม่มากและไม่นาน สุดท้ายก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า กลายเป็นนำความเจ็บปวดมาสู่ร่างกาย “อาการปวดเมื่อย” เป็นอาการของความเจ็บปวดอย่างหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่โอกาสที่จะเกิดกับผู้ที่มีอายุมากขึ้นก็ย่อมมีมากไปด้วย และที่สำคัญสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของร่างกาย อาการปวดเมื่อยจึงเป็นอาการหนึ่งที่แม้ไม่ได้ร้ายแรงแต่ก็นับว่าทรมานไม่น้อยอาการปวดเมื่อยมักเกิดจากความเสื่อมและความล้าของร่างกาย ดังนั้นการบำรุงร่างกายให้แข็งแรงก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะสามารถช่วยลดการเกิดอาการปวดเมื่อยได้ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนักก็คงจะหลีกเลี่ยงอาการปวดเมื่อยได้ยาก เราจึงควรหาวิธีการรักษาอาการปวดเมื่อยไว้ด้วยการรับประทานสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณในการบำบัดอาการปวดเมื่อย อาจเป็นทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการรับประทานยาจากแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งสมุนไพรจีนที่มีสรรพคุณในการบำรุงรักษาร่างกายให้แข็งแรง ลดอาการปวดเมื่อย มีดังนี้7 สมุนไพรจีนแก้ปวดเมื่อย แบบเอาอยู่1. โสม สมุนไพรชั้นเลิศอย่างโสม ไม่ใช่แค่ราคาเท่านั้นที่สูง แต่สรรพคุณของโสมก็นับว่าสูงสมราคาด้วย เพราะโสมมีสรรพคุณในการบำรุงระบบต่างๆ ในร่างกายของเราให้ทำงานได้ดี ลดปริมาณน้ำตาลในร่างกาย และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และที่สำคัญโสมยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการบำรุงร่างกาย เพราะโสมถือว่าเป็นยาบำรุงกำลังชั้นยอด ผู้คนจึงนิยมรับประทานโสมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีพละกำลัง ไม่อ่อนแอหรือปวดเมื่อยง่าย2. ซวงซู่ ซวงซู่เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่น่าสนใจ เพราะซวงซู่เป็นสมุนไพรจีนที่มีส่วนช่วยในการบำรุงระบบประสาทให้ทำงานเป็นปกติ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการไหลเวียนโลหิต ซึ่งหากระบบการไหลเวียนโลหิตในร่างกายของเราดี สามารถไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายของเราได้อย่างเพียงพอ ร่างกายของเราก็จะแข็งแรง ไม่อ่อนเพลียง่าย ที่สำคัญเป็นสมุนไพรจีนแก้ปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดีอีกด้วย3. กระดูกเสือ สมุนไพรชนิดนี้ชื่ออาจจะน่ากลัวสักหน่อย แต่ว่าถูกสร้างมาเพื่อลดอาการปวดเมื่อยโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้ เพราะสรรพคุณของกระดูกเสือคือ เป็นยาบำรุงกำลัง เสริมสร้างมวลกระดูก และป้องกันกระดูกเสื่อม ดังนั้นเมื่อรับประทานสมุนไพรกระดูกเสือเข้าไปจึงทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง และรักษาอาการปวดเมื่อยจากอาการกระดูกเสื่อมได้4. อบเชยจีน อบเชยจีนเป็นสมุนไพรที่มีรสเผ็ดอมหวาน ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำรุงธาตุไฟ รวมทั้งบำรุงอวัยวะต่างๆ ที่สำคัญอย่างตับ ม้าม ไตได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณในการลดอาการปวดหลัง ปวดเอวจากอาการไตหย่อน และแก้ลมอัมพฤกษ์ อัมพาตโดยเฉพาะ สำหรับใครที่มีปัญหาปวดหลัง ปวดเมื่อย อย่าลืมนำสมุนไพรจีนแก้ปวดเมื่อยอย่างอบเชยจีนมาใช้กันด้วยนะค่ะ5. หนิวซี เป็นสมุนไพรจีนอีกชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย และบำรุงอวัยวะที่สำคัญอย่างตับและไต นอกจากนี้หนิวซียังมีฤทธิ์ในการช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย จึงสามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากอาการกระษัยได้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนิวซีเป็นสมุนไพรจีนแก้ปวดเมื่อยได้เห็นๆ แน่นอน6. หู่จื่อ หู่จื่อเป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณหลักในการบำรุงร่างกาย ทั้งบำรุงกำลัง บำรุงเลือด จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งยาอายุวัฒนะที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยรักษาอาการปวดหลัง ปวดเอวได้ดี ทำให้ร่างกายแข็งแรงทั้งภายในและภายนอก7. ตังกุย สมุนไพรจีนแก้ปวดเมื่อยชนิดนี้หลายคนน่าจะรู้จัก เพราะนิยมนำมาทำสมุนไพรบำรุงร่างกายกันอยู่บ่อยๆ เพราะ ตังกุยมีสรรพคุณในการบำรุงเลือดและระบบไหลเวียนโลหิต เพราะฉะนั้นตรงไหนที่มีอาการปวดจากอาการเลือดคั่งหรือฟกช้ำ ก็จะสามารถรักษาอาการนี้ได้ รวมไปถึงอาการปวดข้อ ปวดกระดูก นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตังกุยในการระงับอาการปวด หรือบวมที่เกิดจากการอักเสบได้อีกด้วยสมุนไพรจีนทั้ง 7 ชนิดนี้ นับว่ามีคุณสมบัติเด่นในการรักษาอาการปวดเมื่อย ดังนั้นใครก็ตามที่กำลังเผชิญกับปัญหาปวดเมื่อยอยู่ ก็ลองหาสมุนไพรจีนแก้ปวดเมื่อยเหล่านี้มารับประทานกันดู เพราะคุณอาจกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ปวดเมื่อยง่าย ไม่ต้องพึ่งยาอีกต่อไปทั้งนี้เรื่องการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายเป็นประจำก็มีส่วนช่วยให้ร่างกายของคุณแข็งแรงมากขึ้นด้วย ที่สำคัญถ้าคุณยังโหมงานหนักมากเกินกำลังก็เป็นการยากที่คุณจะหายขาดจากอาการปวดเมื่อยบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสมุนไพรน่ารู้ 9 สรรพคุณ…ประโยชน์ของเต็กย้ง ตัวช่วยบำรุงโลหิต เสริมสร้างอายุวัฒนะ 10 สรรพคุณ...ประโยชน์ของฮั้วลักเซียม แหล่งรวมสุดยอดสมุนไพรรักษาโรค 15 สรรพคุณ...ประโยชน์ของ “ห่วยซัว” เป็นอาหารก็ได้ เป็นยาก็ดี 10 สรรพคุณ…ประโยชน์ของเจียวกู่หลาน “สมุนไพรแห่งชีวิตอมตะ”