free web tracker, fire_lady “หินปูน” ศัตรูตัวร้ายในช่องปาก…ควรกำจัดออกให้หมดสิ้น • สุขภาพดี

"หินปูน" ศัตรูตัวร้ายในช่องปาก...ควรกำจัดออกให้หมดสิ้น

หินปูน คือ-วิธีกำจัด

ทุกครั้งหลังจากที่เราแปรงฟัน เรามักจะคิดว่าปากและฟันของเราสะอาดแล้ว  แต่จริงๆ แล้วคราบแบคทีเรียอาจยังสะสมอยู่ตามร่องเหงือกและร่องฟันของเราได้ เมื่อนานๆ ไปก็จะกลายเป็น “คราบหินปูน” ที่เราแปรงเท่าไรก็ไม่ออกแข็งติดร่องเหงือกร่องฟัน แทนที่ฟันจะสะอาด 100 % กลับรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะมีคราบหินปูนอยู่เต็มไปหมด ดังนั้นวันนี้เราจึงควรทำความรู้จักกับเจ้าหินปูนตัวร้าย และวิธีกำจัดกันดีกว่า

หินปูนคืออะไร?

หินปูน คือคราบแบคทีเรียซึ่งมีลักษณะเป็นฟิล์มใสๆ ที่สะสมเกาะตัวกันจนแข็งตามร่องเหงือกและร่องฟัน สามารถมองเห็นได้ง่าย หินปูนนอกจากจะเป็นอันตรายต่อเหงือกและฟันแล้วนั้น หินปูนยังมีผลต่อความสวยงามของฟันด้วย เพราะหินปูนจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองหรือน้ำตาลเกาะอยู่ที่ร่องเหงือกและฟัน ซึ่งสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

หินปูนอันตรายอย่างไร?

หลายคนอาจสงสัยว่าหินปูนมีอันตรายด้วยเหรอ คิดว่าแค่ดีก็ทำให้ฟันดูไม่สวยงาม แต่จริงๆ แล้วหินปูนยังมีอันตรายอื่นๆ อีกต่อช่องปากของเรา ดังนั้นวันนี้เราจึงนำอันตรายของหินปูนมาฝากกัน

1. เกิดอาการเลือดออกขณะแปรงฟัน หลายครั้งที่เราต้องแปรงฟันแรง ๆ ขึ้น เพราะคิดว่าจะเอาคราบสีเหลืองๆ น้ำตาลๆ นั้นออกไปได้ แต่เปล่าเลยถ้าคราบเหล่านั้นคือหินปูน ก็จะไม่สามารถเอาออกด้วยการแปรงฟันได้ ดังนั้นการแปรงฟันที่แรงๆ ไม่สามารถเอาคราบหินปูนออกไปได้ แถมทำให้เลือดออกอีกต่างหาก

2. เกิดอาการเหงือกบวม ผลจากการแปรงฟันที่รุนแรง เพื่อหวังว่าจะเอาคราบหินปูนที่ติดอยู่ให้หมดไป นอกจากหินปูนจะไม่ออก แล้วเกิดอาการเลือดออกขณะแปรงฟัน ยังมีอาการเหงือกบวมตามมาด้วย เพราะแรงกดในขณะแปรงฟันจะทำให้เหงือกเกิดอาการอักเสบแล้วบวม อาจถึงขั้นเป็นแผลซึ่งอาจส่งผลต่อการรับประทานน้ำและอาหารได้

3. ฟันมีสีเหลือง เนื่องจากคราบหินปูนที่มาเกาะร่องเหงือกร่องฟันของเรานั้น เป็นแคลเซียม จุลินทรีย์ และแบคทีเรียผสมกัน จึงเกิดการตกตะกอนเป็นสีเหลืองน้ำตาลเกาะอยู่ทั้งด้านนอกและด้านใน ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพของเรา ทำให้เราสูญเสียความมั่นใจ

4. มีกลิ่นปาก เรื่องของการมีกลิ่นปากเป็นเรื่องที่ใครก็ไม่ต้องการให้เกิดขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่าการที่มีคราบหินปูนนั้นก็ส่งผลให้เรามีกลิ่นปากได้ เพราะหินปูนเป็นแบคทีเรียที่สะสมอยู่ ดังนั้นจึงส่งผลให้เรามีกลิ่นปากได้

5. เกิดอาการเหงือกร่น เมื่อเราปล่อยให้คราบหินปูนเกาะตัวไปเรื่อย ๆ บริเวณร่องเหงือกและร่องฟันของเรา หินปูนก็จะดันเหงือกของเราให้ร่นลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นเราจึงเกิดอาการเหงือกร่นลงมาได้

6. เกิดอาการฟันโยก ฟันห่าง ถ้าหินปูนได้ดันเหงือกของเราร่นลงมาเรื่อย ๆ จนมีอาการเหงือกร่น จะทำให้เกิดอาการฟันโยก ฟันห่างตามมาได้ เพราะเหงือกของเราจะทำหน้าที่ในการยึดฟันไว้ได้น้อย จึงทำให้ฟันโยกและล้มได้ง่าย นอกจากนี้หินปูนที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะดันฟันด้านข้างที่อยู่ชิดๆ กัน ให้ห่างจากกัน ดังนั้นจึงเกิดปัญหาฟันห่างนั่นเอง

7. ฟันผุ เป็นอาการที่หลายคนต้องทนทุกข์ทรมานด้วยความรุนแรงของอาการปวด ซึ่งหินปูนอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำมาซึ่งอาการฟันผุ เพราะเชื้อจุลินทรีย์ที่ย่อยอาหารแล้วปล่อยสารที่เป็นกรดออกมา กรดนั้นจะกัดกร่อนผิวเคลือบฟันให้เป็นร่อง เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปนานๆ และจะทำให้ผิวฟันเป็นรู ซึ่งเรียกกันว่าฟันผุ

8. เกิดอาการเหงือกอักเสบ การแปรงฟันไม่สามารถทำความสะอาดได้ 100 % ย่อมมีเชื้อแบคทีเรียและเชื้อจุลินทรีย์หลงเหลืออยู่ ซึ่งเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดจะปล่อยสารพิษออกมาทำลายเนื้อเยื่อเหงือก ซึ่งทำให้เกิดอาการเหงือกอักเสบได้

9. เกิดโรคปริทนต์ คราบหินปูนถ้าเกิดสะสมไปนานๆ โดยที่เราไม่ได้กำจัดออก อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคปริทนต์ได้ เพราะคราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่ตามหินปูนจะกำจัดได้ยากกว่าคราบจุลินทรีย์ที่เกาะตามผิวฟัน ดังนั้นเราจะกำจัดคราบจุลินทรีย์ออกไม่ได้ถ้าไม่กำจัดคราบหินปูนออกก่อน

4 วิธีกำจัดคราบหินปูน

1. การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ มักมีความสำคัญและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างถาวรมากกว่าการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ การลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดหินปูนนับว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด เพราะจะทำให้เราไม่มีคราบหินปูนที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายๆ เช่น การไม่สูบบุหรี่ ไม่รับประทานอาหารที่ส่วนผสมของน้ำตาลมาก และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ดังนั้นหากสามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดหินปูนพวกนี้ได้ ก็จะทำให้ไม่มีคราบหินปูนสะสมที่ฟันอีกต่อไป

2. การดูแลสุขภาพในช่องปากด้วยการแปรงฟัน การแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังมื้ออาหารด้วยขนแปรงที่อ่อนนุ่มและยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เป็นการดูแลสุขภาพในช่องปากที่เราทุกควรทำเป็นประจำ รวมทั้งการใช้ไหมขัดฟันขัดตามซอกฟัน วิธีการทั้งสองอย่างนี้ก็จะสามารถช่วยลดการสะสมของคราบหินปูนได้

3. ขัดด้วยเปลือกหมากสด วิธีการนำเปลือกหมากสดมาใช้ในการขัดฟันนั้นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยการนำผลหมากมาผ่าครึ่ง จากนั้นใช้มีดแกะเม็ดของหมากออก แล้วนำเปลือกหมากด้านในซึ่งมีลักษณะเป็นสีขาว ๆ มาขัดถูฟันเป็นประจำทุกวัน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถลดคราบหินปูนที่เกาะอยู่ตามร่องเหงือกร่องฟันให้หลุดออกไปได้

4. การพบทันตแพทย์ หากมีคราบหินปูนสะสมอยู่ตามร่องเหงือกร่องฟันในปริมาณที่มาก จนส่งผลให้ฟันเหลืองหรือเกิดอาการฟันผุได้ ห้ามใช้ไม้จิ้มฟันขูดออกเองโดยเด็ดขาด เพราะการใช้ไม้จิ้มฟันไม่สามารถขูดหินปูนออกได้แถมยังอาจก่อให้เกิดอาการเลือดออกตามไรฟันหรือแผลที่เหงือกและแผลในช่องปากได้ ดังนั้นการไปพบทันตแพทย์จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด

การขูดหินปูน...ทางเลือกของการกำจัดคราบหินปูน

การขูดหินปูนให้หมดจริงๆ นั้น อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร จะใช้เวลามากน้อยหรือจะต้องทำกี่ครั้งนั้นขึ้นอยู่กับความมากน้อยของหินปูนที่สะสมอยู่ตามร่องเหงือกและร่องฟัน ยิ่งสะสมมากสะสมนานหินปูนก็จะยิ่งมีความแข็ง จึงต้องใช้เวลานานตามไปด้วย

หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน ทันตแพทย์จะทำการตรวจอีกครั้งว่าเหงือกและฟันกลับสู่สภาพเดิมหรือไม่ ยังมีอาการเลือดออกตามไรฟันหรือไม่ หากอาการยังไม่ดีขึ้นหรือไม่หายแพทย์จะวินิจฉัยและทำการรักษาขั้นต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผลการรักษาที่เกิดขึ้นขึ้นอยู่กับความร่วมมือของผู้ป่วยด้วย เพราะหากไม่ใส่ใจดูแลรักษาความสะอาดและไม่มีความสม่ำเสมอ อาการเหล่านี้ก็ไม่หาย หรือหายไปแล้วก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้

เด็กขูดหินปูนได้หรือไม่?

การขูดหินปูนสามารถทำได้ทุกช่วงวัย แม้แต่เด็กที่มีฟันน้ำนมก็สามารถทำได้ ในช่วงแรกๆ ของการขูดหินปูน ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจและทำความสะอาด ภายในระยะเวลา 2 – 3 เดือน หากพบว่าผู้ป่วยไม่มีอาการความผิดปกติใดๆ ทันตแพทย์ก็จะนัดผู้ป่วยมาขูดหินปูนภายใน 5 – 6 เดือน ตามปกติ

ขูดหินปูนบ่อยๆ ดีไหม?

การขูดหินปูนบ่อยๆ อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้บ้างภายหลังจากการขูด หรืออาจมีอาการเจ็บเหงือกตามมา แต่การดูแลรักษาที่ถูกต้องก็จะทำให้อาการเหล่านี้หายไป เพราะหากไม่ขูดหินปูนปล่อยไว้นานๆ อาการอันตรายอย่าง เลือดออกขณะแปรงฟัน เหงือกบวม มีกลิ่นปาก ฟันโยก ฟันห่างก็จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งการรักษาอาจจะเป็นไปได้ยาก ต้องใช้ความร่วมมือจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและผู้ป่วยเอง รวมทั้งใช้วิธีการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม

ดังนั้นอย่ามองว่า "หินปูน" เป็นเรื่องที่ไม่ได้อันตรายอะไรแล้วจึงปล่อยไว้ไม่สนใจทำการขูดหินปูนออก เพราะผลที่ตามมามีไม่น้อยเลยทีเดียว การดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะคนเราใช้ปากทั้งในการรับประทานอาหารและการติดต่อสื่อสาร หากสุขภาพในช่องปากไม่ดีแล้วทั้งสองอย่างนี้จะดีได้อย่างไร เรื่องใกล้ตัวแบบนี้ คุณเองเท่านั้นที่จะลงมือทำเองได้ดีที่สุด