ผัก ผลไม้ วิตามิน อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ June 23, 2016 Share 28 Tweet Pin 0 13 สรรพคุณ...ประโยชน์ของอะโวคาโด แหล่งไขมันดี ต้านสารพัดโรค "อะโวคาโด" ชื่อของผลไม้ชนิดหนึ่งที่หากได้ลองกินครั้งหนึ่งแล้วอาจจะไม่อยากกินอีกเป็นครั้งที่สอง หรือว่าอีกตลอดไป เพราะเป็นผลไม้ที่ไม่มีรสหวานเสียเลย มีก็แต่รสชาติมันๆ ซึ่งนั่นเป็นเพราะว่าเนื้อของอะโวคาโดมีปริมาณไขมันสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น อืม...เริ่มจะรู้สึกไม่น่าสนใจแล้วใช่ไหม เพราะไขมันเยอะขนาดนี้กินไปก็อ้วนแย่นะสิ.... อ๊ะๆ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจกันไปก่อน ลองดูสรรพคุณ และประโยชน์ของอะโวคาโดก่อนดีไหม? เพราะถ้าไม่ดีจริงรับรองว่าเราไม่แนะนำแน่นอน ที่มาของอะโวคาโดอะโวคาโดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Lauraceae เป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองในประเทศเม็กซิโก สามารถปลูกได้ทั่วไปในพื้นที่เขตร้อนทั่วโลก ถูกนำมาปลูกในไทยครั้งแรกที่จังหวัดน่าน อะโวคาโดนิยมรับประทานกันมากในยุโรปและและแถบอเมริกา เนื่องจากนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด มีคุณค่าทางอาหารสูง มีประโยชน์ต่อร่างกาย อะโวคาโดมีลักษณะพิเศษคือจะสุกหลังการเก็บเกี่ยวลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของอะโวคาโดลำต้น เป็นไม้เนื้ออ่อน ไม่ผลัดใบ กิ่งเปราะหักง่าย ลำต้นตั้งตรงอวบใหญ่ เปลือกสีน้ำตาลแตกขรุขระใบ เป็นใบเดี่ยว ยาวรี ปลายใบแหลมโคนใบมน ขอบใบเรียบ มีเส้นกลางใบเห็นชัดเจนและมีเส้นที่เชื่อมจากกลางใบไปยังขอบใบหลายเส้น ผิวใบเป็นมันสีเข้มกว่าท้องใบเล็กน้อย ใบอ่อนสีแดงอมน้ำตาลดอก ดอกออกเป็นช่อ ประกอบไปด้วยดอกย่อยหลายดอก กลีบดอกสีเขียวอมเหลือง ด้านดอกสั้นแต่ก้านของช่อดอกยาว เป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศผล ผลเป็นผลเดี่ยว ลักษณะคล้ายกับลูกแพร เปลือกของอะโวคาโดมีหลายสี รวมทั้งผิวเปลือกอาจจะเรียบเป็นมันหรือขรุขระขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เนื้อด้านในสีเหลืองอ่อนจนถึงเหลืองเข้ม รับประทานได้ รสชาติมัน มีไขมันชนิดดีสูงมากเมล็ด เมล็ดอะโวคาโดมีขนาดใหญ่ มีเมล็ดเดียว อยู่ใจกลางผล ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเนื้อ รูปร่างอาจจะกลมแป้นหรือเรียวยาวก็ได้ มีเปลือกหุ้มเมล็ด 2 ชั้น ผิวเปลือกเรียบสีน้ำตาลสรรพคุณของอะโวคาโด...เพิ่มไขมันชนิดดี ลดไขมันชนิดร้ายแม้รสชาติของอะโวคาโดอาจไม่ค่อยอร่อยหรือถูกใจคนส่วนใหญ่นัก...แต่ความจริงที่ว่าอะโวคาโดมีสรรพคุณทางยาอยู่มาก จนเราอาจคิดไม่ถึงกันเลยทีเดียว...เริ่มจากการทำความเข้าใจเกี่ยวกับไขมันที่มีอยู่ในผลอะโวคาโดกันก่อนว่า...แท้จริงแล้วมันเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยลดไขมันชนิดร้าย (LDL-cholesterol) และเพิ่มไขมันชนิดดี (HDL-cholesterol) ในเลือด จึงส่งผลดีต่อผู้ที่เป็นโรคไขมันในเส้นเลือดสูงและโรคหัวใจอะโวคาโด ช่วยลดน้ำหนัก บำรุงผิวส่วนเรื่องความอ้วนยิ่งไม่ต้องกลัว แม้อะโวคาโดจะมีแคลอรีมาก แต่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลต่ำ ประกอบกับมีไฟเบอร์สูง และมีกรดโอเลอิก (Oleic Acid) ที่จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ลดความอยากกินอาหารว่างในระหว่างวัน อะโวคาโดจึงช่วยลดน้ำหนักมากกว่าที่จะทำให้อ้วน รวมทั้งมีคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วนสมบูรณ์และมีความจำเป็นต่อร่างกายอีกมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่สรรพคุณของอะโวคาโด สามารถดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากสารพัดโรคได้ นอกจากสรรพคุณทางยาแล้ว อะโวคาโดมีประโยชน์ในด้านด้านความงามอีกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากอะโวคาโดเปี่ยมด้วยวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงไม่แปลกใจที่ในแวดวงความงาม นำเอาอะโวคาโดมาสกัดเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ประทินผิว และเครื่องสำอางค์ต่างๆ มากมาย สูตรอะโวคาโดพอกหน้า1. นำอะโวคาโด 2 ผลมาล้างให้สะอาด เอาเม็ดออก ตักเนื้อออกใส่เครื่องปั่นโดยปั่นรวมกับน้ำผึ้งและน้ำมะนาวอย่างละ 1 ช้อนชา ปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน2. ล้างหน้าให้สะอาด ซับหน้าให้แห้งแล้วนำส่วนผสมที่ได้พอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาที เว้นบริเวณผิวส่วนที่บอบบางเช่น รอบริมฝีปากและดวงตา แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด3. เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์4. หลังเช็ดหน้า บำรุงด้วยครีมตามปกติ ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ใบหน้าเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน13 สรรพคุณของอะโวคาโด...ประโยชน์ในการรักษาโรค1 อะโวคาโดมีสรรพคุณช่วยลดน้ำหนักได้ เพราะอะโวคาโดมีทั้งไฟเบอร์และกรดโอเลอิกซึ่งเป็นไขมันที่จะทำปฏิกิริยาให้สมองรู้สึกว่าอิ่ม ถือเป็นตัวอย่างของไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ซึ่งอยู่ในผลไม้อย่างอะโวคาโด2 อะโวคาโดมีกรดโอเลอิก ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบประสาทและสมอง ช่วยบำรุงและทำให้การทำงานของสมองมีความรวดเร็ว ไม่เมื่อยล้าแม้สมองต้องทำงานหนัก อีกทั้งไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม 3 อะโวคาโดมีสรรพคุณลดไขมันชนิดร้าย โดยกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่มีอยู่ในอะโวคาโด ช่วยเพิ่มไขมันชนิดดี ลดไขมันชนิดร้าย และเมื่อระดับไขมันมีความสมดุล เหมาะสมต่อร่างกาย ก็จะส่งผลให้การทำงานของหลอดเลือดและหัวใจมีประสิทธิภาพนั่นเอง4 อะโวคาโดมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวาน เพราะไขมันในอะโวคาโดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวและละลายน้ำได้ จึงช่วยชะลอการย่อยอาหารทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นอย่างรวดเร็วหลังกินอาหาร ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงกินผลไม้ชนิดนี้ได้5 อะโวคาโดมีแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ตัวช่วยสำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระและป้องกันโรคเกี่ยวกับสายตา ซึ่งพบได้มากในอะโวคาโด และไขมันในอะโวคาโดยังดูดซึมแคโรทีนอยด์ในผักและผลไม้ต่างๆ ได้ดีมากด้วย ตัวอย่างเช่น หากนำอะโวคาโดมาทำสลัดผักหรือผลไม้ก็จะทำให้เราได้รับแคโรทีนอยด์จากผักหรือผลไม้เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น6 อะโวคาโดมีโปรตีนสูงกว่าผลไม้หลายชนิด และยังเป็นโปรตีนประเภทที่ย่อยง่าย เส้นใยมาก จึงส่งผลให้ระบบการขับถ่ายดี ไม่ต้องกังวลกับอาการท้องผูกเลย7 สรรพคุณของอะโวคาโดลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งได้ เพราะอะโวคาโดมีวิตามินอี ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายจากมลพิษรอบตัวทั้งจากภายในและภายนอก อีกทั้งมีลูทีนกับไขมันชนิดดีสูง จึงช่วยให้คุณสาวๆ ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่ผ่านการตั้งครรภ์มาแล้ว8 อะโวคาโดอุดมไปด้วยโฟเลต ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายเราต้องการในแต่ละวัน และมีความจำเป็นต่อหญิงตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยสร้างเนื้อเยื่อ เสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ด้วย9 อะโวคาโดมีวิตามินบี ที่ใช้เป็นยาช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ลดความถี่ในการเกิดอาการเหน็บชา และช่วยลดอาการอักเสบได้10 อะโวคาโดอุดมด้วยวิตามินซีสูง ซึ่งวิตามินซีที่มีมากในอะโวคาโดช่วยป้องกันโรคหวัด และอาการเลือดออกตามไรฟัน11 อะโวคาโดมีสรรพคุณบำรุงผิว เพราะในอะโวคาโดมีทั้งวิตามินบี 1 บี 2 บี 6 วิตามินอี วิตามินซี ไนอาซิน โพแทสเซียม กรดโฟลิก ฟอสฟอรัส เป็นต้น ซึ่งนอกจากมีประโยชน์ในการต้านโรคแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้เต่งตึง ลดริ้วรอย แลดูอ่อนกว่าวัย12 ประโยชน์ของอะโวคาโดเป็นน้ำมันดูดซึมเร็ว เนื่องจากน้ำมันจากอะโวคาโดสามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่าไขมันจากแหล่งอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจากถั่วเหลือง ข้าวโพด อัลมอนด์ หรือน้ำมันมะกอก13 ประโยชน์ของอะโวคาโดเพื่อบำรุงผม ถ้าเอาน้ำมันจากอะโวคาโดมาใช้นวดศีรษะจะช่วยบำรุงเส้นผม ให้มีน้ำหนัก ไม่แห้งฟู และช่วยเร่งการงอกของเส้นผมได้ดีทานอะโวคาโดอย่างไรให้ได้ประโยชน์ (อะโวคาโด ทำอะไรกินได้บ้าง?)อะโวคาโดมีเนื้อลักษณะคล้ายเนย รสชาติมัน ไขมันสูง หลายคนๆ อาจจะมองข้ามไปเพราะคิดว่าจะทำให้อ้วนได้แต่จริงๆ แล้วเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก ไม่ทำให้อ้วนเมื่อเทียบกับการรับประทานไขมันชนิดอื่นในปริมาณที่เท่ากันทั้งยังช่วยลดไขมันเลวในร่างกายได้อีกด้วย อะโวคาโดไม่นิยมรับประทานแบบดิบๆ เนื่องจากมีรสขม โดยอะโวคาโดจะสุกหลังเก็บเกี่ยวเมนูอาหารดีที่สามารถทำได้จากอะโวคาโดมีหลายเมนู เช่น รับประทานสดๆ โดยผ่าครึ่ง เอาเมล็ดออก ราดด้วยน้ำผึ้ง หรือหั่นเป็นลูกเต๋ารับประทานเป็นของหวานพร้อมกันกับนม ไอศกรีม เค้ก เป็นต้น นำมาปั่นเป็นสมูตตี้ร่วมกับผลอื่นๆ เพื่อดับกระหาย ช่วยให้ร่างกายสดชื่นผ่อนคลาย หรือนำมาปรุงอาหารแทนเนย รวมทั้งนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่น สลัดผักอะโวคาโด เป็นต้นวิธีทำน้ำอะโวคาโดส่วนผสมอะโวคาโดน้ำผึ้งน้ำมะนาวเกลือน้ำเปล่าผลไม้อื่นๆตามชอบ เช่น มะม่วง กีวี่ เป็นต้นวิธีทำ1. นำอะโวคาโดมาล้างให้สะอาด ผ่าครึ่ง เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ (หากจะปั่นรวมกับผลไม้ชนิดอื่นๆด้วย ให้หั่นผลไม้ชนิดนั้นๆให้เป็นชิ้นเล็กๆ เช่นกัน)2. นำไปปั่นให้ละเอียดพร้อมผลไม้ชนิดอื่นหากต้องการ แล้วแยกกากออกด้วยผ้าขาวบางให้เหลือแต่น้ำ หรือถ้ามีเครื่องปั่นผลไม้ผลแบบแยกกากก็สามารถแยกได้เลย3. ใส่น้ำผึ้ง มะนาว เกลือ แล้วชิมรส ปรุงรสเพิ่มตามใจชอบ4. ใส่น้ำแข็งก้อนลงไปในน้ำอะโวคาโดที่ได้ จะได้น้ำอะโวคาโดที่อร่อย หอมหวาน ชื่นใจ*หากดื่มน้ำผลไม้แบบไม่แยกกากจะได้คุณประโยชน์มากกว่า เนื่องจากกากคือไฟเบอร์ช่วยในเรื่องการขับถ่ายไม่น่าเชื่อว่า...ผลไม้รสจืดชืด มันเลี่ยนอย่างอะโวคาโด จะมีสรรพคุณทางยาและคุณค่าทางโภชนาการมากมายขนาดนี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะเห็นอะโวคาโดอยู่ในสลัดผัก สลัดผลไม้ สำหรับใครที่มองข้าม ไม่ชอบทานอะโวคาโด...เห็นทีต้องเปลี่ยนใจให้อะโวคาโดเข้ามาเป็นอีกหนึ่งสมาชิกสำคัญในการช่วยดูแลสุขภาพแล้วล่ะคะ เรียกว่า สรรพคุณและประโยชน์ของอโวคะโด ได้ใจคนรักสุขภาพไปเต็มๆบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ สรรพคุณ...ประโยชน์ของผลไม้ 14 สรรพคุณ...ประโยชน์ของส้ม หวานอมเปรี้ยว วิตามินซีสูง 11 สรรพคุณ…ประโยชน์ของเงาะ มีคุณค่า มากเกินตัว 10 สรรพคุณ…ประโยชน์ของแตงโม แคลอรีต่ำ ควบคุมน้ำหนัก 15 สรรพคุณ…ประโยชน์ของกล้วยน้ำว้า มากคุณค่า อายุยืน