ผัก ผลไม้ วิตามิน อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ September 12, 2018 Share 8 Tweet Pin 0 “มะเดื่อฝรั่ง” หรือลูก Fig สรรพคุณ-ประโยชน์ดีๆ ที่คนรักสุขภาพห้ามพลาดมะเดื่อฝรั่ง หรือ ลูกฟิก เป็นผลไม้ชนิดใหม่ที่เริ่มเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มผู้รักสุขภาพ ด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ไฟเบอร์สูง ช่วยรักษาโรคท้องผูกได้อย่างเด็ดดวง ใครที่อยากลองทานอะไรใหม่ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ สรรพคุณและประโยชน์ของมะเดื่อฝรั่งจัดเป็นทางเลือกที่ดีเลยค่ะ ที่มา ต้นกำเนิดของมะเดื่อฝรั่งมะเดื่อฝรั่ง (Fig) ชื่อวิทยาศาสตร์ Ficus carica L. อยู่ในวงศ์ Moraceae พบได้มากกว่า 1,000 ชนิด มะเดื่อฝรั่งเป็นมะเดื่อคนละชนิดกับมะเดื่อไทย ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศในโซนเอเชียตะวันตกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออก การกระจายพันธุ์พบได้ทั่วไปในประเทศเขตร้อนทั่วโลก ปัจจุบันพบได้มากในประเทศตุรกีและกรีก มะเดื่อฝรั่งนั้นมีขนาดผลใหญ่ รสชาติเปรี้ยวอมหวานกลิ่นหอมอร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง จึงเป็นที่นิยมรับประทานกันไปทั่วโลกมะเดื่อฝรั่งจัดเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ในประเทศไทยเองก็มีโครงการที่วิจัยและเพาะปลูกมานานกว่า 20 ปีโดยการสนับสนุนของโครงการหลวง จุดประสงค์ก็เพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวเขาทดแทนรายได้เดิมที่มาจากการปลูกฝิ่นลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของมะเดื่อฝรั่งลำต้น มีลักษณะเป็นไม้ทรงพุ่มขนาดกลาง สูงเฉลี่ย 3-10 เมตร เปลือกสีน้ำตาลอมเทา มีน้ำยางสีขาว ต้นมีปุ่มแตกออกมาเป็นกิ่งก้าน เนื้อไม้เป็นไม้เนื้ออ่อน จึงไม่เหมาะกับการเอานำมาบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์เท่าใดนักใบ มะเดื่อเป็นใบเลี้ยงคู่แต่แตกเป็นใบเดี่ยว ผิวใบหยาบขรุขระ แผ่นใบหนา ใบแผ่ออก ขอบใบหยักลึกคล้ายนิ้ว 3-7 หยัก ท้องใบมีขนปกคลุมดอก มีลักษณะคล้ายผล จริงๆแล้วเป็นดอกช่อ แต่เห็นเหมือนเป็นดอกเดี่ยวเพราะเป็นดอกย่อยเล็กๆ ที่เจริญรวมกัน แล้วกลีบรองดอกก็ห่อหุ้มดอกย่อยทั้งหมดเอาไว้ แต่ปลายดอกจะมีช่องเล็กอยู่ ด้านในมีดอกย่อยอยู่เป็นจำนวนมากผล ผลมะเดื่อมีลักษณะกลม ปลายผลบุบลงเล็กน้อย ด้านในกลวง แต่ไม่ใช่ผลจริง เนื่องจากไม่ได้เกิดมาจากการผสมเกสร แท้จริงแล้วคือส่วนของดอกที่ฐานรองดอกพัฒนามาห่อหุ้มเอาไว้นั่นเอง แต่ก็มีมะเดื่อบางสายพันธุ์ที่ผลเกิดมาจากการผสมเกสรเช่นกัน ส่วนผลที่แท้จริงคือเมล็ดเล็กๆ ที่อยู่ด้านใน ซึ่งใน ผลเทียม 1 ผลมีผลจริงมากถึง 1,000-1,500 ผลเลยทีเดียวมะเดื่อฝรั่งต่างจากมะเดื่อไทยอย่างไร?มะเดื่อมีหลายชนิด ลักษณะภายนอกจะคล้ายคลึงกันมาก สำหรับประเทศไทยเองก็พบมะเดื่อหลายสายพันธุ์ แต่พันธุ์ที่คนรู้จักกันมากที่สุดคือมะเดื่ออุทุมพร (มะเดื่อชุมพร) และมะเดื่อปล้อง แต่จะรู้จักกันจากตำรามากกว่าของจริง เพราะมักจะปรากฏอยู่ตามวรรณกรรมและพุทธประวัติ ความแตกต่างของมะเดื่อไทยกับมะเดื่อฝรั่งคือ ของไทยเราจะมีผลขนาดเล็กว่า ใบจะบาง ขอบใบหยักเล็กน้อย ผลกลมแป้น มีขนปกคลุม ด้านในผลมีเกสรอัดแน่นอยู่ จึงทำให้แมลงหวี่จำนวนมากชอบเข้าไปผสมเกสรอยู่ด้านใน เป็นผลทำให้คนไทยไม่ชอบทานมะเดื่อนั่นเองสรรพคุณดีๆ ประโยชน์ของมะเดื่อฝรั่ง1. สรรพคุณแก้ท้องผูก มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยใยอาหาร จากการศึกษาวิจัยโดยให้อาสาสมัครรับประทานมะเดื่อฝรั่งติดต่อกันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ ผลที่ได้คืออุจจาระนิ่มลง ขับถ่ายง่ายขึ้น บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นจากการท้องผูก ทำให้รู้สึกสบายท้อง2. ป้องกันมะเร็งลำไส้ เนื่องจากช่วยกระตุ้นการขับถ่าย จึงลดโอกาสการเป็นมะเร็งลำไส้ลง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดนิ่วอีกด้วย3. รักษาโรคเบาหวาน ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะมีน้ำตาลในเลือดสูง ต้องคอยรักษาสมดุลน้ำตาลในร่างกายอยู่เสมอ ในใบมะเดื่อฝรั่งจะมีสารเคมีชนิดหนึ่งที่จะไปส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลิน ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลทำได้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหากต้องการรักษาโรคเบาหวานด้วยการทานมะเดื่อฝรั่ง ควรรักษาควบคู่ไปกับวิธีแพทย์แผนปัจจุบันด้วยอยู่เสมอ4. มะเดื่อฝรั่งรักษาหูด การรักษาหูดด้วยยางมะเดื่อฝรั่งเป็นวิธีการรักษาหูดแบบดั้งเดิม มีการทดลองชิ้นหนึ่ง ได้ทำการทดลองโดยนำยางมะเดื่อฝรั่งมาทาบริเวณที่เป็นหูดนาน 6 เดือน พบว่าหูดลดขนาดลง หากรักษาร่วมกับวิธีทางการแพทย์ จะช่วยลดระยะเวลาการรักษาลงได้ ไม่มีผลข้างเคียงใด มีอัตราการกลับมาเป็นซ้ำต่ำมากๆ ปัจจุบันยังไม่สามารถอธิบายกลไกการออกฤทธิ์ได้ แต่ผลการรักษาถือว่าดีพอสมควร5. มะเดื่อฝรั่งต้านโรคมะเร็ง มะเดื่อฝรั่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น สารฟลาโวนอยด์ สารพอลีฟีนอล สารแอนโทไซยานิน ซึ่งต่างก็มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี สำหรับอนุมูลอิสระนี้เชื่อว่า เป็นเหตุที่ทำให้เซลล์เกิดความเสียหาย ทำให้เซลล์อักเสบซึ่งอาจจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา เช่น โรคมะเร็ง โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น หากรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงๆ ก้จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเหล่านี้ลงได้6. รักษาโรคผิวหนัง สมัยก่อนบางประเทศนำมามะเดื่อฝรั่งมาใช้รักษาโรคผิวหนังบางโรค เช่น กลาก เกลื้อน สะเก็ดเงิน ด่างขาว เป็นต้น รวมทั้งอาจจะช่วยบำรุงผิวพรรณได้ เพราะมีการครีมบำรุงหลายยี่ห้อที่มีส่วนผสมของมะเดื่อฝรั่ง ใช้แล้วช่วยในเรื่องการลดเลือนริ้วรอยได้ดี รอยรอยดำรอยแดงจากสิว ทำให้ผิวชุ่มชื่นและยืดหยุ่น7. บำรุงโลหิต มีธาตุโฟเลตและธาตุเหล็กสูง ช่วยเสริมสร้างการทำงานของเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจางประโยชน์ของแต่ละส่วนของมะเดื่อฝรั่งคุณค่าทางอาหารสูง มะเดื่อฝรั่งมีแร่ธาตุและวิตามินตามธรรมชาติสูง อุดมไปด้วยไฟเบอร์ มีวิตามินเอ วิตามินบี1และ 2 แคลเซียม ธาตุเหล็ก รวมไปถึงธาตุอาหารอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอล เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงติด 1 ใน 10 ของโลก จึงเหมาะสำหรับรับประทานเป็นอาหารว่างสำหรับคนรักสุขภาพปรุงรสอาหาร มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลธรรมชาติสูง จึงนำเปลือกหรือเนื้อมาใส่ในอาหารเพื่อเพิ่มความหวานแทนน้ำตาลได้นำมาแปรรูป โดยปกตินิยมนำมารับประทานแบบสด แต่ก็สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อีกหลากหลาย เช่น น้ำมะเดื่อฝรั่ง ไวน์ แยม มะเดื่อฝรั่งอบแห้ง มะเดื่อฝรั่งบรรจุกระป๋อง เป็นต้นยาง น้ำยางจากต้นมะเดื่อฝรั่งนำมาแปรรูปเป็นยางได้เหมือนๆ กับยางพารา แต่คุณภาพด้อยกว่ายางพาราเล็กน้อยย้อมสีผ้า เปลือกจากต้นมะเดื่อฝรั่งบางสายพันธุ์นำมาผลิตเป็นสีย้อมผ้าได้ผลิตกระดาษ เปลือกมะเดื่อฝรั่งนำมาทำกระดาษได้ เช่น ประเทศเม็กซิโกใช้เปลือกมันมาผลิตกระดาษอเมาท์ (amalt)ใช้เพื่อการแพทย์ น้ำยางจากเปลือกมะเดื่อฝรั่งมีสาร Ficin มีฤทธิ์ช่วยย่อยสลายโปรตีนข้อควรระวังในการทานมะเดื่อฝรั่ง1. มะเดื่อฝรั่งมีฤทธิ์เป็นยาระบาย หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสียได้2. ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ป่วยที่ต้องคอยควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ควรระมัดระวังหากจะทานมะเดื่อฝรั่ง เพราะอาจจะทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป3. ผู้ป่วยที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมะเดื่อฝรั่งอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อน เพราะถ้าน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจส่งผลเสียต่อร่างการได้4. มะเดื่อฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินเค ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว ผู้ป่วยคนใดกำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ไม่ควรทานมะเดื่อฝรั่ง5. มะเดื่อฝรั่งแบบดิบ มียางเยอะ หากรับประทานยางเข้าไปมากๆ อาจทำให้เลือดออกในทางเดินอาหาร6. ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ต้องหลักเลี่ยงการสัมผัสที่ใบหรือผลมะเดื่อฝรั่ง เพราะอาจจะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้7. ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ผลไม้ในกลุ่มขนุน น้อยหน่า อาจจะแพ้มะเดื่อฝรั่งได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนทานควรทดลองทานแค่เล็กน้อยก่อน ส่วนในรายที่ไม่แพ้ก็ไม่ควรทานมากเกินไป เพราะอาจจะไปกระตุ้นภูมิ ก่อให้เกิดการแพ้ได้8. การรับรับประทานใบหรือผลมะเดื่อฝรั่งในลักษณะเป็นยา ไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 1 เดือน9. เด็กเล็กไม่ควรทาน เพราะอาจจะท้องเสียได้10. สตรีตั้งครรภ์หรือสตรีให้นมบุตรทานได้ ค่อนข้างปลอดภัย ช่วยบำรุงครรภ์ได้เป็นอย่างดี เพราะอุดมไปด้วยโฟเลตและธาตุเหล็ก แต่ต้องทานในปริมาณที่พอเหมาะและไม่ทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เท่านั้น เพราะยังไม่มีการศึกษาวิจัยเรื่องความปลอดภัยที่ชัดเจน หากจะรับประทานในแง่ใช้เป็นยารักษาโรคเรียกได้ว่าสรรพคุณและโยชน์ของมะเดื่อฝรั่ง หรือลูกFig นั้นครบครัน ไม่ว่าจะบำรุงร่างกายหรือรักษาโรค จะทานเป็นผลสดหรือแปรรูปก็ได้ประโยชน์ เหมาะสำหรับเป็นทางเลือกใหม่ที่สายรักสุขภาพต้องไม่พลาด