เคล็ด(ไม่)ลับ เคล็ดลับสุขภาพ July 19, 2018 Share 0 Tweet Pin 0 21 วิธีลดถุงใต้ตาบวม-ถุงใต้ตาดำ...รักษายังไงให้ได้ผล?"ถุงใต้ตา" เป็นปัญหาที่คนส่วนใหญ่เคยประสบมา เพราะแค่ร้องไห้หรือพักผ่อนน้อย ถุงใต้ตาก็บวมได้โดยง่าย ซึ่งถุงใต้ตาแบบนี้เวลามันบวมแล้ว ไม่ได้ดูสวยน่ารักหรือทำให้ตาหวานแบบดอลลี่อายสไตล์สาวเกาหลีเลย แต่กลับทำให้หน้าดูโทรม หมองคล้ำ ดูสุขภาพไม่ดี...เหมือนคนที่อดหลับอดนอนอยู่ตลอดเวลา บางคนพอถุงใต้ตาปูด ทำให้ใต้ตาดำ ราวกับเป็นญาติกับหมีแพนด้าก็ไม่ปาน นับว่าเป็นปัญหาที่สร้างความหนักให้บรรดาสาวๆ มากเลยทีเดียว แต่ทว่า "ปัญหาถุงใต้ตา" สามารถแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์หรือความปกติในการทำงานของร่างกาย (ซึ่งกรณีต้องใช้วิธีทางการแพทย์รักษา) โดยวิธีลดถุงใต้มีหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ ...เริ่มจากลองสำรวจดูว่าตาปูดๆ ของเรามีสาเหตุมาจากอะไร เมื่อรู้แล้วไปดูกันค่ะว่าวิธีลดถุงใต้ตา ใต้ตาบวมนี้ได้อย่างไรบ้างปัญหา และสาเหตุของถุงใต้ตาบวมถุงใต้ตาบวม เป็นลักษณะเหมือนถุงหรือผิวหนังใต้ดวงตาที่บวมเป่งออกมา ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยปกติแล้วไม่ได้สร้างอันตรายใดๆ แต่ก็ส่งผลในด้านความมั่นใจของสาวๆ ไม่น้อยถุงใต้ตาบวมเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสูบบุหรี่ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด โรคภูมิแพ้ กรรมพันธุ์ และอีกสาเหตุสำคัญคืออายุที่มากขึ้น เนื่องจากผิวหนังบริเวณนี้บอบบางมาก เมื่อถึงวัยร่วงโรย ผิวจะสูญเสียความยืดหยุ่น กล้ามเนื้อใต้ดวงตาอ่อนแอลง ทำให้ไขมันและของเหลวรอบๆ ดวงตาไหลมารวมกันได้ง่าย จนทำให้มีอาการบวมอย่างเห็นได้ชัดชนิดของถุงใต้ตา ถุงใต้ตาแบ่งออกเป็น 2 ชนิดตามลักษณะ ดังนี้ 1. ถุงใต้ตาแท้ รอบๆ ดวงตาโดยทั่วไปแล้วจะมีถุงไขมัน 5 ถุงล้อมรอบคือเหนือเปลือกตาบน 2 ถุง ใต้เปลือกตาล่าง 3 ถุง (ถุงที่ทำให้ใต้ตาบวมคือถุงที่ 2 และ 3) ซึ่งปกติแล้วถุงไขมันนี้จะถูกกั้นเอาไว้ด้วยกล้ามเนื้อเปลือกตา ปัญหาถุงใต้ตาแท้จึงเกิดมาจากการที่กล้ามเนื้อเปลือกตาเสื่อมสภาพจนไม่อาจกั้นถุงไขมันไว้ได้ จนกระทั่งถุงไขมันนี้ไหลมารวมกันในที่สุด สาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อเปลือกตาเสื่อมเกิดจาก 3 สาเหตุหลักๆ คือ อายุ กรรมพันธุ์ และต่อมไร้ท่อที่ทำงานผิดปกติ2. ถุงใต้ตาเทียม ถุงใต้ตาชนิดนี้เกิดจากการมีของเหลวไปคั่งที่ใต้ตาล่างจนทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นบวม ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง เช่น การขยี้ตาบ่อยๆ การนอนดึก นอนน้อย การสูบบุหรี่ ดื่มสุราเป็นประจำ แพ้สารเคมี การใช้สายตาเพ่งหน้าจอมากเกินไป 4 วิธีรักษา ลดถุงใต้ตาแท้ 1. การผ่าตัด การผ่าตัดถุงใต้ตามี 2 วิธี วิธีแรกคือ การผ่าเอาถุงไขมันออก ขั้นตอนการผ่าตัดที่เริ่มที่วางยาสลบ จากนั้นเปิดแผลเล็กๆที่เปลือกตาล่างบริเวณเยื่อบุตา อาจจะทำด้วยมีดผ่าตัดหรือเลเซอร์ก็ได้ การเปิดแผลทำเพื่อเอาถุงไขมันออก ข้อดีของวิธีนี้คือเห็นผลชัดเจนและไม่เห็นรอยแผลเป็น เพราะเปิดแผลด้านใน หลังจากเอาออกไปแล้วอาจจะมีผลข้างเคียงคือ ร่องตาจะลึก แต่อาการถุงใต้บวมจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การถมไขมัน เป็นการผ่าตัดสมัยใหม่ที่ไม่เอาถุงไขมันออกไปทั้งถุง เพียงแค่ขยับที่หรือถ้าจะเอาออกก็เอาออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น วิธีการคือ เปิดแผลใต้ขอบตาล่างให้ชิดกับแนวขนตามากที่สุด จากนั้นเลาะไขมันถุงที่ 2 และ 3 แล้วขยับถุงไขมันเจ้าปัญหานี้ไปอยู่ที่ร่องลึกข้างตาแล้วยึดเอาไว้ จากนั้นยึดกล้ามเนื้อใต้ตากับหางตาเพื่อป้องกันตาปลิ้นหรือตาแหก หลังทำจะพบว่าผิวหนังใต้ดวงตาจะหย่อนคล้อยเล็กน้อย แพทย์จะทำการผ่าตัดเอาหนังส่วนเกินนี้ออกไป แล้วเย็บแผลให้เนียนสนิทที่สุด ซึ่งอาจจะมองไม่เห็นเลยถ้าไม่สังเกต การผ่าตัดถุงใต้ตานี้จะทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ใบหน้าดูเด็กลง ไม่เหนื่อยล้า ก่อนจะผ่าตัดแพทย์จะทำการซักประวัติคนไข้เพื่อดุว่าเหมาะสมที่จะรักษาด้วยวิธีการนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามหลังผ่าตัดแล้ว ผิวหนังใต้ดวงตาอาจจะไม่ตึงเปรี๊ยะเหมือนกับเวลาที่เราเอานิ้วดึง เพราะว่าแพทย์จะต้องเหลือผิวหนังเอาไว้เล็กน้อยเพื่อไม่ให้เกิดการดึงรั้งขึ้นนั่นเอง2. การใช้คลื่น Radio Frequency หรือคลื่นวิทยุในการลดถุงใต้ วิธีนี้ช่วยกระชับผิวหนังใต้ตา ช่วยลดขนาดถุงใต้ตาให้เล็กลง แต่ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาถุงใต้ตาหายขาดได้3. การฉีดสารเติมเต็ม วิธีนี้ไม่ใช่การรักษาโดยตรง แต่เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปที่ร่องตา เพื่อให้ร่องตาตื้นขึ้นจนถุงใต้ตาดูเล็กลง ซึ่งจริงๆ แล้วถุงใต้ตาก็ยังขนาดเท่าเดิมนั่นแหละ ดีไม่ดีอาจจะมองเห็นชัดขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นใครที่คิดจะใช้วิธีนี้รักษา ควรคิดให้ดีๆ ก่อน4. การใช้ยาละลายไขมัน เป็นอีกวิธีที่ใช้รักษาถุงใต้ตา แต่ไม่แนะนำเนื่องจากอาจจะมีผลข้างเคียงร้ายแรงจนถึงขั้นทำให้ตาบอดได้21 การรักษา ลดถุงใต้ตาเทียม 1.ใส่ใจท่านอน เลิกนอนตะแคงและนอนคว่ำ แล้วหันมานอนหงายแทน รวมทั้งหาหมอนที่ความสูงพอดีๆ มาหนุนสักใบ เพราะถ้านอนคว่ำ นอนตะแครงเมื่อรวมกับการนอนไม่หนุนหมอน แรงดึงดูดของโลกจะทำให้ของเหลวรอบๆ ดวงตาไหลมาอยู่รวมกันที่ใต้ตา จนกลายสภาพเป็นถุงใต้ตาบวมๆ นั่นเอง2. ทานเกลือให้น้อยลง การทานเกลือหรืออาหารที่มีส่วนประกอบของโซเดียมมากๆ จะทำให้ร่างกายบวมน้ำ ส่วนที่บวมที่สุดจนเห็นได้ชัดคือใบหน้า ซึ่งก็รวมไปถึงถุงใต้ตาด้วยนั่นเอง ดังนั้นทานเกลือให้น้อยลง งดทานอาหารสำเร็จรูปพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอก ลูกชิ้นก่อนนอน ถ้าวันไหนทานเกลือเข้าไปเยอะๆ ก็ให้ดื่มตามมากๆ ร่างกายจะได้ขับโซเดียมออกไปได้ไวขึ้น3. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ภูมิแพ้กำเริบ ถ้าคุณเป็นโรคภูมิแพ้ จะสังเกตได้ว่าเมื่อโรคกำเริบ ถุงใต้ตามักจะมาเยี่ยมเยียนด้วย ดังนั้นหากไม่อยากตาบวมเป่งให้หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้แพ้ เช่น ไม่ทานอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ถ้าแพ้อากาศก็ทานยาแก้แพ้ เป็นต้น4. เลิกสูบบุหรี่ สารเคมีในบุหรี่มีส่วนในการทำร้ายผิวหนังอย่างมาก ผิวหนังบริเวณดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางจึงถูกทำร้ายได้ง่ายกว่าส่วนอื่น นอกจากจะทำให้เกิดถุงใต้ตาได้ง่ายแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้นเลิกสูบบุหรี่กันดีกว่า5. เลิกดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะดึงน้ำในร่างกายออกมา ซึ่งมีส่วนทำให้น้ำคั่งอยู่บริเวณถุงใต้ตา เพราะฉะนั้นดื่มให้น้อยหรือเลิกดื่มไปเลยดีที่สุด ถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ให้ดื่มน้ำก่อนนอนอย่างสม่ำเสมอและอย่าลืมทาครีมสำหรับบำรุงผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะทุกวันก่อนนอน6. ทาครีมกันแดด ครีมกันแดดเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเพราะแสงแดดเป็นตัวการที่ทำร้ายผิวให้แก่ก่อนวัยได้ เนื่องจากกระตุ้นการเกิดริ้วรอยและยังทำให้เกิดถุงใต้ตาได้โดยง่าย ก่อนออกไปเผชิญกับแสงแดดควรทาครีมกันแดดทุกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้แดดทำร้ายผิวโดยตรง หรือจะสวมแว่นกันแดด หมวก และกางร่มเพื่อป้องกันอีกขั้นก็ได้7. ล้างเครื่องสำอางก่อนเข้านอน สาวๆ ที่ชอบแต่งหน้า ต้องล้างเครื่องสำอางออกให้สะอาดหมดจด เพราะเครื่องสำอางที่ตกค้างนั้น ทำให้ผิวหน้าระคายเคือง กระตุ้นให้เกิดสิวและถุงใต้ตาได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ห้ามลืมล้างเครื่องสำอางก่อนนอนเด็ดขาด8. การประคบเย็น ถ้าถุงใต้ตาของคุณมีสาเหตุจากการบวม การประคบเย็นสามารถช่วยได้ ซึ่งก็มีหลายวิธี เช่น นำแตงกวาหั่นแว่นไปแช่เย็นมาประคบ หรือจะเป็นช้อนสแตนเลสแช่เย็นก็ได้ หรือถ้าใครชอบดื่มชา ถุงชาที่ชงแล้วนำไปแช่เย็นแล้วเอามาประคบก็ได้เช่นกัน ความเย็นจะช่วยลดอาการบวม ช่วยผ่อนคลายผิวหนังจากความเหนื่อยล้า แต่สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังในเรื่องการทำความสะอาด เพราะถ้าสิ่งที่นำมาประคบไม่สะอาด อาจจะสร้างความระคายเคืองและทำให้บวมมากกว่าเดิม9. ไม่ใช้ความรุนแรงกับผิวรอบดวงตา ห้ามขยี้ตา ถูตาหรือล้างหน้าแรงๆ บริเวณดวงตา เพราะจะทำให้ใต้ตาบวมได้ง่ายขึ้น10. ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ใครที่คิดว่าดื่มน้ำเยอะๆ แล้วจะทำให้บวมน้ำยิ่งกว่าเดิม คุณคิดผิดค่ะ เพราะว่าจริงๆ แล้ว น้ำช่วยลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาความชุ่มชื่น ทำให้ผิวแข็งแรง ไม่แห้งตึง ทำให้ผิวไม่ขาดน้ำ จึงช่วยลดอาการบวมได้เป็นอย่างดี11. ห้ามอดนอน นอนให้เร็วและนอนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เพราะถ้าคุณนอนไม่พอ ร่างกายก็เหมือนพักผ่อนไม่เต็มที่ การซ่อมแซมตัวเองทำได้ไม่ดีพอ ระบบเผาผลาญทำงานไม่สมบูรณ์ ถุงใต้ตาจะเข้ามาทักทายคุณทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ถ้าไม่อยากตื่นมาจะเอ๋กับถุงใต้ตาสุดน่าเกลียดทุกๆ เช้าแล้วละก็ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ12. ไม่ใช้สายตาเยอะเกินไป ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานหรือคนที่ต้องใช้โทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ควรให้เวลาดวงตาได้พักผ่อนทุกๆ 15 นาที ลดแสงที่จากจอให้สว่างน้อยลง ใส่แว่นตากรองแสงก็ช่วยได้มาก ไม่ขยี้ตาโดยไม่จำเป็น หากรู้สุกปวดหรือเมื่อยล้าดวงตา ให้นวดคลึงเบาๆ เพื่อบรรเทาอาการ13. อย่าร้องไห้ รู้ว่าความเสียใจมันห้ามกันยาก แต่ถ้าใครกำลังจะร้องไห้ให้นึกถึงถุงใต้ตาที่บวมๆ เอาไว้ เพราะว่ามันจะมาหาคุณอย่างแน่นอนเมื่อร้องไห้เสร็จ สำหรับวิธีห้ามไม่ให้ร้องไหนั้น เมื่อคุณรู้ตัวว่าจะร้องไห้แล้วให้เงยหน้า กระพริบตาเร็วๆ จะช่วยให้หยุดร้องได้ไวขึ้นค่ะ14. มันฝรั่ง ใครจะไปรู้ว่ามันฝรั่งช่วยลดถุงใต้ตาได้ เพียงแค่นำมันฝรั่งมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วพอกที่ดวงตาทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด มันฝรั่งจะช่วยลดอาการอักเสบของผิว15. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา ใครที่ประสบกับปัญหาถุงใต้ตาบวมอยู่บ่อยๆ ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาดีๆ ชักตัว ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมายทั้งแบบครีมและแบบเจล แต่ว่าแนะนำให้ใช้แบบเจลจะดีกว่า เนื่องจากช่วยบำรุงได้มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนำไปแช่ในตู้แช่เย็นธรรมดา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น เจลเย็นๆ จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผิวรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี ลดอาการอักเสบและบวม16. ว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้สดๆ นี่จัดเป็นเจลชั้นดีสำหรับบำรุงดวงตาเลยทีเดียว ซึ่งคุณสามารถนำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกออกนำน้ำจากวุ้นมานวดเบาบริเวณรอบดวงตาโดยเน้นใต้ตาจนซึมเข้าผิวหนังไปจนหมดหรือจะฝานว่านหางจระเข้เป็นชิ้นแบนยาวแล้วนำไปแช่เย็นประมาณ 20-30 นาทีแล้วเอามามาร์กที่ใต้ตาก็ได้เช่นกัน ว่านหางจระเข้อุดมไปด้วยสารอาหารผิวมากมาย ทั้งวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยบำรุงผิว กระชับผิว ทำให้ผิวสดใสไม่แห้งตึง จึงช่วยลดอาการบวมนั่นเอง17. มาร์กตา นอกจากครีมหรือเจลบำรุงผิวแล้ว ยังมีแผ่นมาร์กสำหรับดวงตา ซึ่งมีลักษณะคล้ายแผ่นเจลขนาดเล็ก สามารถเลือกซื้อได้ตามร้านขายเครื่องสำอางต่างๆ สามารถนำมาใช้มาร์กได้เลยหรือจะนำไปแช่เย็นก่อนก็ได้เช่นกัน แต่ระมัดเรื่องเรื่องสารเคมีด้วยล่ะ ถ้าเลือกไม่ดี แทนที่จะได้ผิวใต้ดวงตาที่สดใส อาจจะได้ถุงใต้ตาปูดๆ เพราะแพ้สารเคมีมาแทน18. แผ่นแปะใต้ตา เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนถุงใต้ตามาเป็นตาดอลลี่อายสไตล์เกาหลี อุปกรณ์นี้มีลักษณะเป็นเทปกาวใสๆ และยืดหยุ่น เมื่อติดแล้วจะทำให้ตาตุ่ยๆ เหมือนสาวเกาหลี แต่ระวังให้ดี ถ้าแปะไม่ดีถุงใต้ตาอาจจะใหญ่กว่าเดิม19. ใช้คอนซีลเลอร์ ในระหว่างหาวิธีกำจัดถุงใต้ตาปูดๆออกไป ก็สามารถปกปิดด้วยการใช้คอนซีลเลอร์ที่มีสีเดียวกับผิวทาที่ใต้ตาไปก่อนได้ เลือกสีให้ดีให้เหมาะสมกับสีผิว และอย่าลืมล้างให้สะอาดก่อนเข้านอนด้วยล่ะ20. นวดลดถุงใต้ตา กดที่ถุงใต้ตาเบาๆ ด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง วางนิ้วแนวนอน ปลายนิ้วอยู่บนเนินจมูก กดเบาๆ ทำซ้ำจนกว่าจะรู้สึกว่าถุงใต้ตาขนาดลดลง21. คลึงด้วยไข่ต้ม นำไข่เป็ดหรือไข่ไก่ก็ได้มาล้างให้สะอาด จากนั้นต้มให้สุก รอจนไข่อุ่นปานกลาง นำไข่มาคลึงเบาๆ ที่ถุงใต้ตา ทำซ้ำไปจนกว่าจะรู้สึกว่าถุงใต้ตาเล็กลง สำหรับวิธีลดถุงใต้ตานี้เป็นวิธีคล้ายๆ การประคบร้อน ซึ่งบางคนอาจจะใช้ได้ผลหรือบางคนอาจจะได้ผลถ้าใช้วิธีประคบเย็น ทดลองแล้วเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยประสบการณ์ส่วนตัวผู้เขียนเคยใช้วิธีนี้แล้วได้ผลดีค่ะสาวๆ คนไหนที่กำลังกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาถุงใต้ตาบวม ลองนำ 21 วิธีลดถุงใต้ตาเหล่านี้ไปใช้ดู รับรองว่าได้ผลแน่นอน ส่วนใครที่ยังไม่มีถุงใต้ตาก็ระมัดระวังและป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นจะดีกว่ามาคอยรักษาทีหลังค่ะ