free web tracker, fire_lady “กลิ่นปาก” ไม่ใช่เรื่องตลก…อย่าปล่อยไว้จนแก้ไขยาก • สุขภาพดี

กลิ่นปาก” ไม่ใช่เรื่องตลก...อย่าปล่อยไว้จนแก้ไขยาก

กลิ่นปากแรง ปากเหม็น

ปัญหาการมี กลิ่นปาก หรือ “ปากเหม็น” ถือเป็นปัญหาที่หลายคนอาจไม่รู้ตัว แต่ผู้ที่รับรู้ได้โดยตรงคือ คนใกล้ตัว ปัญหานี้นอกจากจะทำให้เสียความมั่นใจแล้วนั้น ยังอาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าคุณน่าจะเป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพในช่องปากด้วย เช่น โรคของเหงือก ฟัน ลิ้นไม่สะอาด โรคในช่องปาก และโรคระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้อาจจะประกอบการรับประทานอาหารแต่ละชนิดก็จะทำให้มีกลิ่นปากที่แตกต่างกันออกไป

วิธีการทดสอบกลิ่นปาก

วิธีการทดสอบกลิ่นปากนั้น หากคุณไม่กล้าที่จะปากกว้างๆ แล้วพ่นลมแรงๆ ให้คนตรงหน้าดมว่าเหม็นหรือไม่ คุณก็ควรที่จะทดสอบตนเองว่ามีกลิ่นปากหรือไม่ ด้วยวิธีการง่ายๆ 2 วิธี ดังนี้

วิธีที่ 1 สูดกลิ่นลมหายใจ

เราเองอาจไม่รู้ว่ามีกลิ่นปาก เนื่องจากเราคุ้นชินกับกลิ่นปากของตนเอง แต่หากเราลองทดสอบด้วยการสูดกลิ่นลมหายใจที่ออกมาทางปากจะช่วยให้เราทราบกลิ่นปากที่แท้จริงของเราว่าเป็นอย่างไร วิธีการคือ ให้เราใช้มือทั้งสองข้างป้องที่ปากและจมูก จากนั้นหายใจออกทางปากแรงๆ แล้วรีบสูดลมหายใจทางจมูกให้เต็มที่ กลิ่นที่คุณได้กลิ่นคือกลิ่นปากของคุณ ส่วนจะเหม็นหรือไม่นั้นก็ลองทดสอบกันดู

วิธีที่ 2 การเลีย

วิธีการเลียนี้เป็นการใช้น้ำลายเป็นตัวช่วยในการทดสอบกลิ่นปากของตนเอง แน่นอนว่าน้ำลายอยู่ในปาก หากแม้น้ำลายเหม็นปากก็เหม็นด้วยอย่างแน่นอน วิธีการคือ ให้คุณเลียที่ข้อมือของคุณ จากนั้นทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้น้ำลายที่ข้อมือแห้ง จากนั้นก็ลองดมที่ข้อมือดูว่ามีกลิ่นอย่างไร กลิ่นปากของคุณก็จะมีกลิ่นเดียวกับที่ข้อมือนั่นเอง

สาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก

การเกิดกลิ่นปากนั้นหลายคนอาจเข้าใจว่าเกิดมาจากภายในเท่านั้นแต่ความจริงแล้ว การเกิดกลิ่นปากมีสาเหตุการเกิดหลักอยู่ 2 สาเหตุ คือ สาเหตุภายในช่องปาก และสาเหตุภายนอกช่องปาก  และมีสาเหตุย่อยๆ อีกมากมายที่ก่อให้เกิดกลิ่นปาก

สาเหตุของกลิ่นปาก

สาเหตุภายในช่องปาก

1. การไม่รักษาสุขภาพในช่องปาก เช่น แปรงฟันไม่สะอาด โดยมีคราบแบคทีเรียหรือเศษอาหารติดอยู่ที่ฟัน ลิ้น หรือกระพุ้งแก้ม ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้

2. ฟันผุ อาการฟันผุถือว่าเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน เพราะเมื่อมีอาการฟันผุ ฟันของคุณก็จะมีรูที่สามารถทำให้เศษอาหารเข้าไปอุดอยู่ในนั้น เมื่ออาหารบูดเน่าก็จะส่งผลให้เกิดกลิ่นปากออกมา หรือคนที่มีอาการฟันผุที่รุนแรงจนทะลุโพรงประสาทฟันแล้วมีหนองที่ปลายรากฟัน หนองนี้ก็จะส่งผลมากให้เกิดกลิ่นที่รุนแรงมาก

3. เป็นโรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ โรคนี้เป็นอาการที่มีคราบหินปูนจำนวนมากเกาะอยู่ทำให้เหงือกไม่ยึดเกาะกับฟันจึงมีส่วนช่องว่างที่ทำให้เศษอาหารเข้าไปติดอยู่ได้ เมื่ออาหารเกิดบูดเน่าก็จะส่งกลิ่นออกมาทำให้เรามีกลิ่นปาก

4. แผลในช่องปาก ซึ่งแผลที่เราพบอาจมาจากการถอนฟันหรือการผ่าตัด ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นต้องรับประทานอาหารอ่อน ซึ่งอาหารอ่อนนั้นจะสามารถติดตามซอกฟันได้ง่ายกว่าอาหารทั่ว ๆ ไป จึงเกิดการหมักหมมและบูดเน่าส่งกลิ่นออกมาได้ นอกจากนี้เลือดที่ยังออกมาเล็กน้อยภายหลังการผ่าตัดจะเป็นอาหารชั้นดีของพวกแบคทีเรีย จึงทำให้เลือดนั้นมีกลิ่นเหม็นส่งผลให้เรามีกลิ่นปากได้

5. ใส่ฟันปลอมหรือเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวกับฟัน แน่นอนว่าการใส่เครื่องมือต่าง ๆ เหล่านี้หากไม่มีการดูแลรักษาที่ดีก็จะทำให้มีกลิ่นปากได้ เพราะเครื่องมือเหล่านี้มีความซับซ้อนทำให้เศษอาหารสามารถเข้าไปติดอยู่ได้ง่าย และที่สำคัญเมื่อเข้าไปอยู่ในปากก็ทำให้ทำความสะอาดช่องปากได้ยาก จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้

6. อาการลิ้นเป็นฝ้า เราจะสังเกตเห็นว่าในบางครั้งจะมีสีขาว ๆ ติดอยู่ที่บริเวณผิวด้านบนของลิ้น นั่นคือ ฝ้าขาวที่ติดอยู่ เกิดขึ้นเนื่องจากมีการสะสมของเศษอาหารและแบคทีเรียบนลิ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดกลิ่นปากนั่นเอง ดังนั้นนอกจากการทำความสะอาดฟันและเหงือกแล้วอย่าละเลยในเรื่องของลิ้นด้วย

7. น้ำลาย หน้าที่หนึ่งของน้ำลาย คือ การชำระล้างเศษอาหารที่อยู่ในปากให้หมด แต่หากเมื่อไรก็ตามที่คุณมีน้ำลายน้อย ข้นเหนียว ก็จะทำให้มีกลิ่นปากได้ เพราะชำระล้างเศษอาหารไม่หมด สังเกตได้จากเวลาที่เราตื่นนอนตอนเช้าจะพบว่าเรามีกลิ่นปาก เพราะตอนกลางคืนมีการไหลเวียนของน้ำลายน้อย ดังนั้นการแก้ปัญหานี้คือ ดื่มน้ำมากๆ และบ่อยๆ

สาเหตุภายนอกช่องปาก

1. โรคระบบทางเดินหายใจส่วนบน โรคที่มีส่วนให้เกิดกลิ่นปากมากที่สุด คือ ไซนัสอักเสบ ซึ่งเกิดอาการมีของเหลวหรือหนองอยู่ในโพรงอากาศของกระดูกใบหน้า โดยหนองนี้จะส่งผลทำให้มีกลิ่นเหม็นออกมาทางจมูกขณะที่หายใจและออกมาทางปากในขณะพูด

2. มะเร็งโพรงจมูก ถือว่าเป็นโรคที่มีความอันตรายในระดับหนึ่ง โรคนี้จะเป็นโรคที่มีอาการเป็นหนองในโพรงจมูกและสามารถไหลลงไปในคอเวลาที่ก้มศีรษะ ดังนั้นจึงส่งผลให้มีกลิ่นปากได้

3. ทอนซิลอักเสบ กลิ่นปากสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีอาการอักเสบในลำคอหรือต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง แต่สาเหตุนี้สามารถหายไปเองได้เมื่อคอหรือต่อมทอนซิลหายอักเสบ

4. โรคระบบทางเดินหายใจส่วนกลาง เช่น โรคปอดเรื้อรัง วัณโรคปอด และมะเร็งปอด ก็จะมีกลิ่นเหม็นออกมาทางลมหายใจและลมปากได้ นอกจากนี้ผู้ที่สูบบุหรี่นานๆ ก็ทำให้มีกลิ่นปากได้เช่นกัน

5. ระบบย่อยอาหาร ปัญหาของระบบย่อยอาหาร ไม่ว่าจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร แผลในกระเพาะอาหาร อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และท้องผูก เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดกลิ่นปากได้ทั้งสิ้น เพราะลำไส้ กระเพาะอาหาร หลอดอาหาร ไล่ขึ้นมาจนถึงปาก เป็นระบบย่อยอาหารซึ่งสามารถส่งผลถึงกันได้

6. รับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น หัวหอม กระเทียม เครื่องเทศ หรืออื่นๆ ที่มีกลิ่นแรง ส่งผลให้มีกลิ่นปากได้ แต่ก็สามารถที่จะหายไปได้เองเมื่อถูกดูดซึมไปหมดแล้ว แต่หากรับประทานติดต่อกันนานๆ กลิ่นปากก็จะอยู่นานต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

7. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ส่งผลให้เกิดกลิ่นปากได้ นอกจากการรับประทานยาบางชนิดก็กลับส่งผลให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน

13 วิธีดับกลิ่นปากแบบง่ายๆ แบบเอาอยู่

1. แปรงฟันทุกครั้งหลังมืออาหาร หรืออย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ที่สำคัญการแปรงฟันควรแปรงฟันอย่างถูกวิธี ก็จะสามารถช่วยลดการเกิดกลิ่นปากได้

2. ควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันฟันผุได้แล้ว ฟลูออไรด์ยังช่วยขจัดเศษอาหารและกำจัดเชื้อโรคออกให้หมดได้อีกด้วย

3. ต้องทำความสะอาดลิ้น ลิ้นถือว่าเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียมากกว่าเหงือกและฟันเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นการดูแลรักษาความสะอาดลิ้นด้วยการแปรงลิ้น หรือขูดลิ้นเบา เพื่อเอาฝ้าขาวๆ ออกวันละ 2 ครั้ง ก็จะสามารถช่วยลดการเกิดกลิ่นปากได้ นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มีกากก็จะสามารถช่วยถูลิ้นไปได้ในตัว

4. ใช้ไหมขัดฟันด้วย การแปรงฟันไม่ได้สามารถที่จะทำความสะอาดช่องปากได้อย่าง 100 % ยังคงมีเศษอาหารเล็ก ๆ หลงเหลืออยู่บ้างตามซอกฟัน ดังนั้นการใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง จะสามารถช่วยทำความสะอาดตามซอกเหงือกซอกฟัน จึงสามารถช่วยลดปัญหาการเกิดกลิ่นปากได้

5. ใช้น้ำเปล่าบ้วนปากบ้าง หากแม้ไม่สะดวกที่จะแปรงฟันในทุกหลังมื้ออาหาร การบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าก็สามารถพอที่จะช่วยนำพาเศษอาหารที่ติดอยู่ออกไปได้บ้าง แต่วิธีการนี้ต้องบอกก่อนว่าอาจไม่ใช่วิธีที่สามารถช่วยลดกลิ่นปากได้มากนัก

6. เลือกใช้น้ำยาบ้วนปาก การใช้น้ำบ้วนปากเสริมการแปรงฟันนั้นสามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้แต่ไม่ได้ลดการเกิดกลิ่นปาก ดังนั้นการใช้น้ำยาบ้วนปากจึงควรใช้เมื่อมีความจำเป็นเฉพาะหน้าเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ไม่ควรใช้เป็นประจำตลอดเวลา เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราในช่องปากและเสียสมดุลในปากไป

7. สเปรย์ระงับกลิ่นปาก การใช้สเปรย์ระงับกลิ่นปากเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะไม่ได้เป็นการทำความสะอาดช่องปากแต่อย่างไร คล้ายกับเป็นการปรับกลิ่นในปาก จึงได้ผลในระยะเวลาสั้นๆ สมควรใช้แค่ยามจำเป็นเท่านั้น

8. เคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอม วิธีนี้เป็นวิธีที่ใครหลายคนให้ความนิยม แต่ก็เป็นวิธีที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอีกเช่นกัน การเลือกเคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอมก็ควรเลือกสูตรที่ไม่มีน้ำตาลด้วย เพราะไม่เช่นนั้นนอกจากกลิ่นปากจะไม่ได้หายถาวร หรือปากก็ไม่ได้สะอาดแล้วยังเกิดอาการฟันผุตามมาอีกต่างหาก

9. เลือกใช้ยาสีฟันผสมเกลือ เพราะเกลือมีสรรพคุณในการช่วยระงับกลิ่นปากได้ ดังนั้นการเลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของเกลือก็จะช่วยแก้ปัญหากลิ่นปากได้ นอกจากนี้การอมน้ำเกลือแล้วกลั้วๆ คอ ก็สามารถช่วยได้เช่นเดียวกัน

10. รู้จักเปลี่ยนแปรง การเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 6 เดือน จะช่วยลดการเกิดปัญหากลิ่นปากได้ เพราะการใช้แปรงสีฟันเป็นเวลานานๆ จากที่เคยใช้ทำความสะอาดในช่องปากจะกลายเป็นการเอาแบคทีเรียที่สะสมอยู่ที่แปรงสีฟันเข้าไปในปากแทน และที่สำคัญประสิทธิภาพในการทำความสะอาดของแปรงสีฟันก็จะลดลงเมื่อใช้เป็นเวลานานๆ

11. อย่าปล่อยให้ปากแห้ง เพราะการปล่อยให้ปากแห้งจะทำให้ความเข้มขนของแบคทีเรียในช่องปากเพิ่,ขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดกลิ่นปากได้นั่นเอง

12. ดื่มน้ำมากๆ โดยปกติควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ซึ่งการดื่มน้ำจะสามารถช่วยชำระล้างแบคทีเรียให้ออกไปได้ และไม่กลิ่นปาก

13. ไปพบทันตแพทย์ด้วย การไปพบทันตแพทย์ไม่ใช่เพียงเพื่อไปรักษาปัญหาสุขภาพในช่องปาก แต่ยังเป็นการปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการป้องกันการเกิดปัญหาในช่องปากได้ โดยที่ไม่ต้องรอให้เป็นก่อน

9 สมุนไพรช่วยระงับกลิ่นปาก กลิ่นแรงแค่ไหนก็รับมือไหว

1. ใบฝรั่ง เป็นที่ทราบกันดีว่าสารคลอโรฟิลล์ในใบฝรั่งสามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้ดี ซึ่งวิธีการนำมาใช้ก็สามารถทำได้ 2 วิธี คือ นำใบฝรั่งสดๆ มาล้างให้สะอาด จากนั้นเคี้ยวไปสักพักจึงค่อยคายทิ้ง หรือนำใบฝรั่งมาหั่นเป็นฝอย แล้วนำไปคั่วให้พอเหลืองจากนั้นนำมาชงกับน้ำร้อน ใช้อมหรือบ้วนปากเป็นประจำจะช่วยระงับกลิ่นปากได้ดี

2. กานพลู ใช้ดอกตูมแห้งของกานพลูประมาณ 2 – 3 ดอก อมไว้ในปากสักพักแล้วจึงคายทิ้ง

สรรพคุณ ประโยชน์ของกานพลู

3. เมล็ดผักชี สามารถนำมาใช้เพื่อระงับกลิ่นปากได้ โดยการนำเมล็ดผักชีพอประมาณต้มในน้ำเดือดสัก 2 – 3 นาที กรองเอาแต่น้ำแล้วนำมาใช้บ้วนปาก

4. เมล็ดกระวาน การเคี้ยวหรืออมเมล็ดกระวานก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้ดี

5. ใบพาร์สลีย์ การเคี้ยวใบพาร์สลีย์หรือสมุนไพรที่มีคลอโรฟิลล์เข้นข้น เช่น ใบโหระพา ใบสะระแหน่ ก็สามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้

6. เปปเปอร์มินต์ สเปียร์มินต์ ก็สามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้

7. มะนาว นำน้ำมะนาวมาผสมกับน้ำอุ่นๆ ดื่มในช่วงเช้าหลังตื่นนอนสามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้

8. สมอไทย นำสมอไทยไปต้มกับน้ำ 1 แก้ว นำไปกรองแล้วนำน้ำที่ได้มาบ้วนปาก ไม่ใช่เพียงแค่สามารถระงับกลิ่นปากได้เท่านั้น แต่ยังสามารถรักษาแผลร้อนในได้ด้วย

9. น้ำมันมะพร้าว นำน้ำมันมะพร้าวมาอมแล้วกลั้วในปากและลำคอสักพักแล้วจึงบ้วนออก สามารถช่วยระงับกลิ่นปากได้

น้ำมันมะพร้าวลดความอ้วน

การมีกลิ่นปากหรือปากเหม็นนั้น แม้ไม่ใช่อาการที่ดูอันตรายมากนัก แต่ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าสุขภาพในส่วนใดส่วนหนึ่งของคุณเริ่มไม่ดี และยังทำลายความมั่นใจของตัวเองอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเมื่อคุณทดสอบตนเองแล้วว่าคุณมีกลิ่นปากก็อย่าปล่อยไว้ ควรรีบหาวิธีจัดการมันเพื่อไม่ให้รุนแรงมากขึ้นจนสร้างผลเสียต่อตัวคุณเองและคนรอบข้าง