free web tracker, fire_lady “มะเขือเทศ”สรรพคุณ-ประโยชน์ของมะเขือเทศ ตัวช่วยสำหรับผิวสวย • สุขภาพดี

"มะเขือเทศ" สรรพคุณ-ประโยชน์ของมะเขือเทศ ตัวช่วยสำหรับผิวสวย

สรรพคุณ ประโยชน์ของมะเขือเทศ

ก่อนจะไปรู้จักกับประโยชน์ดีๆ และสรรพคุณจาก “มะเขือเทศ” (Tomato) ต้องขอพูดถึงคำถามที่ว่า “ตกลงมะเขือเทศเป็นผักหรือผลไม้?” โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะเข้าใจว่ามะเขือเทศคือผัก เนื่องจากนิยมนำไปประกอบอาหาร และไม่มีรสหวานหรือเปรี้ยวแบบผลไม้ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ มะเขือเทศ คือ “ผลไม้” แต่จะเรียกว่าเป็นผักชนิดหนึ่งก็ไม่ถือว่าผิด เพราะในแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมการเรียกชื่อผักและผลไม้แตกต่างกัน ผักบางชนิดในแถบเอเชียถือว่าเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งของฝั่งยุโรปได้เหมือนกัน

มารู้จักพันธุ์มะเขือเทศ มีกี่ชนิดกันเถอะ

มะเขือเทศ เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ มีหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งมะเขือเทศจัดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการรับประทานไปอย่างแพร่หลายทั่วโลก เพราะมะเขือเทศนั้นอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งมีสรรพคุณทางยาและยังนำมาใช้ประโยชนในด้านการบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย

มะเขือเทศในไทยแบ่งได้ 2 ชนิดคือ ประเภทที่ใช้รับประทานสด และประเภทที่ใช้ส่งโรงงาน

1. ประเภทที่ใช้รับประทานสด มีทั้งแบบผลเล็กและใหญ่ โดยผลเล็กมักนิยมแบบสีชมพูมากกว่าแดง แบบผลโตคล้ายแอปเปิ้ล เมื่อผลยังอ่อนมีสีเขียว ผิวเรียบเนียน เปลือกไม่หนา แต่เนื้อหนาและแข็ง ในผลไม่กลวงและจำนวนช่องเยอะ สายพันธุ์ที่นิยมเช่น สีดามุกสดา สีดาห้างฉัตร มาสเตอร์ 3 แอล 22 เป็นต้น 

  • พันธุ์สีดา มก. (Porter KU.) มีลักษณะรูปร่างคล้ายพลัม ลูกเล็ก ผิวเรียบแข็ง เนื้อเยอะ สีออกชมพู
  • พันธุ์สีดา ผลมีลักษณะกลมคล้ายพลัม ผลสุกสีแดงอมส้มและผลดก
  • พันธุ์สีดาห้างฉัตร ผลเป็นรูปไข่ ผลอ่อนสีขาว ผลแก่สีแดงจัด
  • พันธุ์เเอล22 (L 22) รูปร่างคล้ายพลัม เปลือกบาง ผลดก เมื่อยังอ่อนมีสีขาว เมื่อสุกมีสีแดงอมส้ม

2. ประเภทที่ส่งโรงงาน เป็นมะเขือเทศที่หากสุกแล้วจะสุกพร้อมๆ กัน เมื่อสุกจะมีสีแดงจัดทั่วทั้งผล ผลแน่น เปลือกเหนียวและหนาเหมาะสำหรับการขนส่งตัวอย่างสายพันธุ์เช่น คิงคองมข. 0-2 ซานมาซาโนคาล เจ เป็นต้น

  • พันธุ์คิงคอง (King Kong) ขนาดผลใหญ่ รูปลักษณ์เป็นสี่เหลี่ยมชัดเจน ผิวเรียบแข็ง ผลค่อนข้างดก
  • พันธุ์ มข. 0-2 ผลมีรูปทรงคล้ายๆ สาลี่ ผิวเรียบแข็งสีแดง เนื้อเยอะ
  • พันธุ์ซานมาซาโนคาล เจ ผลค่อนข้างใหญ่ ออกเหลี่ยมๆ เปลือกแข็ง เนื้อหนา ผลสีแดงจัด

“ไลโคปีน” ในมะเขือเทศมีประโยชน์อย่างไร?

พักหลังมานี้ได้ยินชื่อ “ไลโคปีน” อยู่บ่อยๆ เนื่องด้วยผลการวิจัยทางการแพทย์ที่พบว่าไลโคปีนสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้ไลโคปีนยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานได้อีกด้วย ซึ่งเจ้าไลโคปีนที่ว่านี้มีมากใน “มะเขือเทศ” รองลงมาคือ แตงโม เกรปฟรุ๊ตพันธุ์สีชมพู ฝรั่งพันธุ์สีชมพู และมะละกอ

ไลโคปีนมีผลวิจัยทางการแพทย์ที่พบว่าสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งในช่องปาก มะเร็งตับอ่อน มะเร็งในลำไส้ และมะเร็งเต้านมได้

กินมะเขือเทศอย่างไร...ให้เพียงพอ?

แล้วถ้าอยากจะได้รับไลโคปีนอย่างเต็มที่...จะต้องกินมะเขือเทศมากแค่ไหน? คำถามนี้เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ ความจริงแล้วแค่เรากินมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน แค่ลูกเดียวก็เพียงพอแล้วเพราะมะเขือเทศเพียงลูกเล็กๆ ลูกเดียวก็มีไลโคปีนมากกว่าแตงโมลูกโตๆ เกือบสองเท่า แต่ที่เป็นเรื่องเข้าใจผิดก็คือ การกินมะเขือเทศดิบเท่านั้นจึงจะได้รับไลโคปีนแบบเต็มๆ ความเชื่อนี้เป็นเรื่องที่ผิด เพราะสารไลโคปีน มีความแตกต่างจากสารอาหารตัวอื่นๆ การกินมะเขือเทศที่ปรุงสุกจะได้รับไลโคปีนมากกว่าการกินมะเขือเทศดิบๆ เพราะเมื่อไลโคปีนโดนความร้อนจะทำให้สารจากไลโคปีนเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้มากกว่า นอกจากนั้นมะเขือเทศยังมีอีกหลายสรรพคุณที่น่าสนใจ

21 ประโยชน์และสรรพคุณของ “มะเขือเทศ”

1. มะเขือเทศมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา จากวิตามินอีในมะเขือเทศ

2. มะเขือเทศเป็นอาหารผิวชั้นดี ช่วยบำรุงให้ผิวไม่แห้งกร้าน เปล่งปลั่งแบบสุขภาพดี

3. มะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะหัวใจวาย

4. มะเขือเทศช่วยต้านโรคมะเร็งลำไส้ เนื่องจากมะเขือเทศช่วยขับอุจจาระ ลดอาการท้องผูก จึงลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ได้

5. มะเขือเทศช่วยในเรื่องของความจำ ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้

6. มะเขือเทศลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

7. มะเขือเทศลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งรังไข่

8. มะเขือเทศช่วยให้ขับถ่ายสะดวก และช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น

9. มะเขือเทศช่วยให้หลอดเลือดไม่แข็งตัว

10. มะเขือเทศช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดอาการเจ็บปวด

11. ประโยชน์ของมะเขือเทศช่วยลดการเกิดเชื้อราในร่มผ้าและช่องปาก

12. มะเขือเทศมีเบต้าแคโรทีนที่ทำให้ผิวสวยใสอมชมพู

13. มะเขือเทศมีสรรพคุณควบคุมความดันได้ โดยพบว่ามะเขือเทศถูกนำไปเป็นส่วนประกอบของยารักษาโรคความดัน

14. มะเขือเทศช่วยขับเบา / ขับปัสสาวะ

15. มะเขือเทศช่วยป้องกันผมหงอก โดยช่วยชะลอการเปลี่ยนสีผม นอกจากการทานเป็นประจำแล้ว สามารถนำมะเขือเทศมาหมักผมได้อีกด้วย

16. ประโยชน์ของมะเขือเทศรักษาสิวได้ ทำได้ง่ายๆ เพียงฝานมะเขือเทศบางๆ แล้วนำมาพอกหน้า หรือแปะบริเวณหน้า

17. มะเขือเทศช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้

18. มะเขือเทศใช้ขัดเครื่องเงินได้ โดยมีคุณสมบัติคล้ายกับมะขามเปียก ที่ช่วยให้เครื่องเงินใสแจ๋วเหมือนใหม่

19. เปลือกมะเขือเทศใช้ตกแต่งจานอาหารได้ โดยปอกเปลือกมะเขือเทศเป็นเส้นๆ นำมาม้วนเป็นรูปดอกกุหลาบได้อย่างสวยงาม

20. สรรพคุณของมะเขือเทศป้องกันหืดหอบได้ จากการวิจัยพบว่ามะเขือเทศช่วยร่างกายต่อสู้กับโรคหืดหอบได้ จึงเหมาะเป็นอาหารของผู้ป่วยโรคหืดหอบ

21. มะเขือเทศช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้

"มะเขือเทศ" คือสุดยอดอาหารผิว

ข้อดีของมะเขือเทศ นอกจากวิตามินและไลโคปีนที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว มะเขือเทศยังถือเป็นอาหารผิวชั้นดี เนื่องจากในมะเขือเทศมีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีน อีกทั้งยังอุดมไปด้วยความชุ่มชื้นที่ดีต่อผิวหนัง ทีเด็ดขั้นสุดของมะเขือเทศที่สมควรเรียกว่า “สุดยอดอาหารผิว” คือสรรพคุณในด้านของการเสริมสร้างภูมิต้านทาน อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ซึ่งมีผลทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ช่วยชะลอวัย ลดความเสื่อมของร่างกาย ช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกายอันมีผลทำให้สิวฝ้า กระ ลดลงได้ เรียกได้ว่ากินมะเขือเทศหนึ่งลูก จะส่งผลต่อผิวในทางที่ดีขึ้นได้มากมายทีเดียว

มะเขือเทศรักษาสิว

นอกจากไลโคปีนที่มีมากในมะเขือเทศ ยังมี AHA และวิตามินซีจำนวนมากเช่น โดยสารทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และผลิตเซลล์ใหม่อย่างอ่อนโยน ช่วยกระชับรูขุมขน ลดการเกิดสิวเสี้ยนได้เป็นอย่างดี ส่วนวิธีการนั้นแสนง่าย เพียงฝานมะเขือเทศบางแล้วนำมาวางแปะบนหน้า หรือจะคั้นน้ำมะเขือเทศแบบสดมาพอกหน้าก็ได้เช่น

 4 สูตรผิวสวยด้วย "มะเขือเทศ"

1. มาร์คหน้าด้วยมะเขือเทศ เพื่อผลัดเซลล์ผิว ลดสิวอักเสบ ลดรอยดำบนใบหน้าด้วย มะเขือเทศ + แตงกวา + ว่านหางจระเข้

2. ขัดผิวกายด้วยผงขมิ้นผสมเนื้อมะเขือเทศ จะช่วยให้ผิวที่แห้งแตกลายแลดูชุ่มชื้น เนียนใสขึ้น ขัดด้วยสูตรนี้เป็นประจำทุกวันก่อนอาบน้ำจะช่วยให้ผิวขาวใส ลดรอยดำได้

มะเขือเทศรักษาสิว

3. สูตรขัดผิวกายด้วยข้าวโอ๊ตผสมเนื้อมะเขือเทศ ขัดบริเวณข้อพับ และรอยดำจะทำให้ผิวใส รอยด้านดำจะนุ่มขึ้น

4. สูตรพอกหน้าด้วยเนื้อมะเขือเทศปั่นละเอียด ก่อนพอกให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นก่อนเพื่อเปิดผิวและรูขุมขน จะช่วยให้วิตามินเอจากมะเขือเทศเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดรอยสิวและผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใส

ทานมะเขือเทศแบบดิบ หรือสุก แบบไหนดีกว่ากัน?

การทานมะเขือเทศให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นขึ้นอยู่ผู้รับประทานว่าต้องการสารอาหารประเภทใด ถ้าหากอยากได้ไลโคปีนควรรับประทานแบบสุกจะดีกว่า เนื่องจากหากผ่านความร้อน ไลโคปีนจะหลุดออกมาจากเนื้อเยื่อมะเขือเทศง่าย ร่างกายจึงดูดซึมง่ายและนำไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และถ้าหากอยากให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดียิ่งขึ้นควรใช้น้ำมันในการปรุงเพราะไลโคปีนสามารถละลายได้ดีในไขมันนั่นเอง

ส่วนสาวๆ หากอยากได้วิตามินซีสูง ควรรับประทานมะเขือเทศแบบดิบๆ เพราะวิตามินซีจะถูกทำลายไปเกือบหมดถ้าสัมผัสกับความร้อนนานๆ

วิธีทำน้ำมะเขือเทศดื่มเองง่ายๆ

1. นำมะเขือเทศมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้น

2. นำมะเขือเทศใส่หม้อ ตั้งไฟโดยใช้ไฟแรงปานกลาง คนไปเรื่อยๆ จนสุก

3. นำมะเขือเทศที่สุกแล้วมากรองด้วยผ้าขาวบางโดยใช้ทัพพียีๆ

น้ำมะเขือเทศปั่น

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มดื่มน้ำมะเขือเทศแล้วทานยาก ควรผสมน้ำผลไม้สดลงไป เช่น น้ำส้มคั้น น้ำสัปปะรด เพื่อเจือจางรสชาติและกลิ่นของมะเขือเทศ จะทำให้ดื่มได้ง่ายขึ้น (ไม่ควรใส่เกลือเพิ่ม เนื่องจากในมะเขือเทศมีโซเดียมอยู่แล้ว)

ดื่มน้ำมะเขือเทศตอนไหนดี ได้ประโยชน์ที่สุด

เนื่องจากไลโคปีนนั้นละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้นการดื่มหลังอาหารทันที ไขมันในอาหารจะช่วยดูดซึมไลโคปีนได้ดียิ่งขึ้น หรือหากจะดื่มก่อนทานอาหารก็สามารถหยดน้ำมันลงไปเล็กน้อยเพื่อทำให้ไลโคปีนแตกตัวได้มากขึ้น

ข้อแนะนำในการดื่มน้ำมะเขือเทศ

ไม่ว่าอะไร ถ้ามากไปก็ไม่ดีทั้งนั้น มะเขือเทศก็เช่นกัน ถึงแม้มีสารอาหารมากมาย แต่การทานในปริมาณมากก็สามารถก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ เนื่องจากมะเขือเทศเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีและโพแทสเซียมสูง โดยวิตามินซีหากได้รับมากเกินไปอาจทำให้เป็นโรคนิ่วได้ ส่วนโพแทสเซียม สำหรับผู้ป่วยโรคไตถ้าได้รับโพแทสเซียมในปริมาณมาก ร่างกายจะขับโพแทสเซียมออกไปได้ไม่หมด อาการอาจจะแย่ลงได้ ดังนั้นปริมาณที่แนะนำให้ดื่มต่อวันคือ ไม่ควรเกิน 2 แก้ว ( 2 กล่องเล็กต่อวัน)

สรรพคุณและประโยชน์มากมายจาก “มะเขือเทศ” ทั้งบำรุงผิวให้สวยใส และช่วยยับยั้งโรคมะเร็งร้าย อีกทั้งยังมีสารอาหารมากมายที่ร่างกายต้องการ การกินมะเขือเทศทุกวันจึงถือว่าเป็นยาบำรุงร่างกายจากธรรมชาติ ที่อุดมไปด้วยสิ่งดีๆ มากมายที่จะทำให้สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสรรพคุณ...ประโยชน์ของผัก-ผลไม้