ผัก ผลไม้ วิตามิน อายุรวัฒน์เวชศาสตร์ July 18, 2016 Share 7 Tweet Pin 0 "มะเขือเทศ" สรรพคุณ-ประโยชน์ของมะเขือเทศ ตัวช่วยสำหรับผิวสวย ก่อนจะไปรู้จักกับประโยชน์ดีๆ และสรรพคุณจาก “มะเขือเทศ” (Tomato) ต้องขอพูดถึงคำถามที่ว่า “ตกลงมะเขือเทศเป็นผักหรือผลไม้?” โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะเข้าใจว่ามะเขือเทศคือผัก เนื่องจากนิยมนำไปประกอบอาหาร และไม่มีรสหวานหรือเปรี้ยวแบบผลไม้ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ มะเขือเทศ คือ “ผลไม้” แต่จะเรียกว่าเป็นผักชนิดหนึ่งก็ไม่ถือว่าผิด เพราะในแต่ละประเทศมีวัฒนธรรมการเรียกชื่อผักและผลไม้แตกต่างกัน ผักบางชนิดในแถบเอเชียถือว่าเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งของฝั่งยุโรปได้เหมือนกัน มารู้จักพันธุ์มะเขือเทศ มีกี่ชนิดกันเถอะมะเขือเทศ เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในวงศ์มะเขือ มีหลากหลายสายพันธุ์ซึ่งมะเขือเทศจัดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการรับประทานไปอย่างแพร่หลายทั่วโลก เพราะมะเขือเทศนั้นอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งมีสรรพคุณทางยาและยังนำมาใช้ประโยชนในด้านการบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วยมะเขือเทศในไทยแบ่งได้ 2 ชนิดคือ ประเภทที่ใช้รับประทานสด และประเภทที่ใช้ส่งโรงงาน1. ประเภทที่ใช้รับประทานสด มีทั้งแบบผลเล็กและใหญ่ โดยผลเล็กมักนิยมแบบสีชมพูมากกว่าแดง แบบผลโตคล้ายแอปเปิ้ล เมื่อผลยังอ่อนมีสีเขียว ผิวเรียบเนียน เปลือกไม่หนา แต่เนื้อหนาและแข็ง ในผลไม่กลวงและจำนวนช่องเยอะ สายพันธุ์ที่นิยมเช่น สีดามุกสดา สีดาห้างฉัตร มาสเตอร์ 3 แอล 22 เป็นต้น พันธุ์สีดา มก. (Porter KU.) มีลักษณะรูปร่างคล้ายพลัม ลูกเล็ก ผิวเรียบแข็ง เนื้อเยอะ สีออกชมพูพันธุ์สีดา ผลมีลักษณะกลมคล้ายพลัม ผลสุกสีแดงอมส้มและผลดกพันธุ์สีดาห้างฉัตร ผลเป็นรูปไข่ ผลอ่อนสีขาว ผลแก่สีแดงจัดพันธุ์เเอล22 (L 22) รูปร่างคล้ายพลัม เปลือกบาง ผลดก เมื่อยังอ่อนมีสีขาว เมื่อสุกมีสีแดงอมส้ม2. ประเภทที่ส่งโรงงาน เป็นมะเขือเทศที่หากสุกแล้วจะสุกพร้อมๆ กัน เมื่อสุกจะมีสีแดงจัดทั่วทั้งผล ผลแน่น เปลือกเหนียวและหนาเหมาะสำหรับการขนส่งตัวอย่างสายพันธุ์เช่น คิงคองมข. 0-2 ซานมาซาโนคาล เจ เป็นต้นพันธุ์คิงคอง (King Kong) ขนาดผลใหญ่ รูปลักษณ์เป็นสี่เหลี่ยมชัดเจน ผิวเรียบแข็ง ผลค่อนข้างดกพันธุ์ มข. 0-2 ผลมีรูปทรงคล้ายๆ สาลี่ ผิวเรียบแข็งสีแดง เนื้อเยอะพันธุ์ซานมาซาโนคาล เจ ผลค่อนข้างใหญ่ ออกเหลี่ยมๆ เปลือกแข็ง เนื้อหนา ผลสีแดงจัด“ไลโคปีน” ในมะเขือเทศมีประโยชน์อย่างไร?พักหลังมานี้ได้ยินชื่อ “ไลโคปีน” อยู่บ่อยๆ เนื่องด้วยผลการวิจัยทางการแพทย์ที่พบว่าไลโคปีนสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้ไลโคปีนยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานได้อีกด้วย ซึ่งเจ้าไลโคปีนที่ว่านี้มีมากใน “มะเขือเทศ” รองลงมาคือ แตงโม เกรปฟรุ๊ตพันธุ์สีชมพู ฝรั่งพันธุ์สีชมพู และมะละกอ ไลโคปีนมีผลวิจัยทางการแพทย์ที่พบว่าสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งในช่องปาก มะเร็งตับอ่อน มะเร็งในลำไส้ และมะเร็งเต้านมได้ กินมะเขือเทศอย่างไร...ให้เพียงพอ?แล้วถ้าอยากจะได้รับไลโคปีนอย่างเต็มที่...จะต้องกินมะเขือเทศมากแค่ไหน? คำถามนี้เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ ความจริงแล้วแค่เรากินมะเขือเทศเป็นประจำทุกวัน แค่ลูกเดียวก็เพียงพอแล้วเพราะมะเขือเทศเพียงลูกเล็กๆ ลูกเดียวก็มีไลโคปีนมากกว่าแตงโมลูกโตๆ เกือบสองเท่า แต่ที่เป็นเรื่องเข้าใจผิดก็คือ การกินมะเขือเทศดิบเท่านั้นจึงจะได้รับไลโคปีนแบบเต็มๆ ความเชื่อนี้เป็นเรื่องที่ผิด เพราะสารไลโคปีน มีความแตกต่างจากสารอาหารตัวอื่นๆ การกินมะเขือเทศที่ปรุงสุกจะได้รับไลโคปีนมากกว่าการกินมะเขือเทศดิบๆ เพราะเมื่อไลโคปีนโดนความร้อนจะทำให้สารจากไลโคปีนเข้าสู่เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้มากกว่า นอกจากนั้นมะเขือเทศยังมีอีกหลายสรรพคุณที่น่าสนใจ21 ประโยชน์และสรรพคุณของ “มะเขือเทศ”1. มะเขือเทศมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตา จากวิตามินอีในมะเขือเทศ2. มะเขือเทศเป็นอาหารผิวชั้นดี ช่วยบำรุงให้ผิวไม่แห้งกร้าน เปล่งปลั่งแบบสุขภาพดี3. มะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะหัวใจวาย4. มะเขือเทศช่วยต้านโรคมะเร็งลำไส้ เนื่องจากมะเขือเทศช่วยขับอุจจาระ ลดอาการท้องผูก จึงลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ได้5. มะเขือเทศช่วยในเรื่องของความจำ ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้6. มะเขือเทศลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก7. มะเขือเทศลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งรังไข่8. มะเขือเทศช่วยให้ขับถ่ายสะดวก และช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น9. มะเขือเทศช่วยให้หลอดเลือดไม่แข็งตัว10. มะเขือเทศช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดอาการเจ็บปวด11. ประโยชน์ของมะเขือเทศช่วยลดการเกิดเชื้อราในร่มผ้าและช่องปาก12. มะเขือเทศมีเบต้าแคโรทีนที่ทำให้ผิวสวยใสอมชมพู13. มะเขือเทศมีสรรพคุณควบคุมความดันได้ โดยพบว่ามะเขือเทศถูกนำไปเป็นส่วนประกอบของยารักษาโรคความดัน14. มะเขือเทศช่วยขับเบา / ขับปัสสาวะ15. มะเขือเทศช่วยป้องกันผมหงอก โดยช่วยชะลอการเปลี่ยนสีผม นอกจากการทานเป็นประจำแล้ว สามารถนำมะเขือเทศมาหมักผมได้อีกด้วย16. ประโยชน์ของมะเขือเทศรักษาสิวได้ ทำได้ง่ายๆ เพียงฝานมะเขือเทศบางๆ แล้วนำมาพอกหน้า หรือแปะบริเวณหน้า17. มะเขือเทศช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้18. มะเขือเทศใช้ขัดเครื่องเงินได้ โดยมีคุณสมบัติคล้ายกับมะขามเปียก ที่ช่วยให้เครื่องเงินใสแจ๋วเหมือนใหม่19. เปลือกมะเขือเทศใช้ตกแต่งจานอาหารได้ โดยปอกเปลือกมะเขือเทศเป็นเส้นๆ นำมาม้วนเป็นรูปดอกกุหลาบได้อย่างสวยงาม20. สรรพคุณของมะเขือเทศป้องกันหืดหอบได้ จากการวิจัยพบว่ามะเขือเทศช่วยร่างกายต่อสู้กับโรคหืดหอบได้ จึงเหมาะเป็นอาหารของผู้ป่วยโรคหืดหอบ21. มะเขือเทศช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้"มะเขือเทศ" คือสุดยอดอาหารผิวข้อดีของมะเขือเทศ นอกจากวิตามินและไลโคปีนที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว มะเขือเทศยังถือเป็นอาหารผิวชั้นดี เนื่องจากในมะเขือเทศมีวิตามินซี และเบต้าแคโรทีน อีกทั้งยังอุดมไปด้วยความชุ่มชื้นที่ดีต่อผิวหนัง ทีเด็ดขั้นสุดของมะเขือเทศที่สมควรเรียกว่า “สุดยอดอาหารผิว” คือสรรพคุณในด้านของการเสริมสร้างภูมิต้านทาน อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ซึ่งมีผลทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ช่วยชะลอวัย ลดความเสื่อมของร่างกาย ช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกายอันมีผลทำให้สิวฝ้า กระ ลดลงได้ เรียกได้ว่ากินมะเขือเทศหนึ่งลูก จะส่งผลต่อผิวในทางที่ดีขึ้นได้มากมายทีเดียวมะเขือเทศรักษาสิวนอกจากไลโคปีนที่มีมากในมะเขือเทศ ยังมี AHA และวิตามินซีจำนวนมากเช่น โดยสารทั้งสองชนิดนี้มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และผลิตเซลล์ใหม่อย่างอ่อนโยน ช่วยกระชับรูขุมขน ลดการเกิดสิวเสี้ยนได้เป็นอย่างดี ส่วนวิธีการนั้นแสนง่าย เพียงฝานมะเขือเทศบางแล้วนำมาวางแปะบนหน้า หรือจะคั้นน้ำมะเขือเทศแบบสดมาพอกหน้าก็ได้เช่น 4 สูตรผิวสวยด้วย "มะเขือเทศ" 1. มาร์คหน้าด้วยมะเขือเทศ เพื่อผลัดเซลล์ผิว ลดสิวอักเสบ ลดรอยดำบนใบหน้าด้วย มะเขือเทศ + แตงกวา + ว่านหางจระเข้2. ขัดผิวกายด้วยผงขมิ้นผสมเนื้อมะเขือเทศ จะช่วยให้ผิวที่แห้งแตกลายแลดูชุ่มชื้น เนียนใสขึ้น ขัดด้วยสูตรนี้เป็นประจำทุกวันก่อนอาบน้ำจะช่วยให้ผิวขาวใส ลดรอยดำได้ 3. สูตรขัดผิวกายด้วยข้าวโอ๊ตผสมเนื้อมะเขือเทศ ขัดบริเวณข้อพับ และรอยดำจะทำให้ผิวใส รอยด้านดำจะนุ่มขึ้น4. สูตรพอกหน้าด้วยเนื้อมะเขือเทศปั่นละเอียด ก่อนพอกให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นก่อนเพื่อเปิดผิวและรูขุมขน จะช่วยให้วิตามินเอจากมะเขือเทศเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดรอยสิวและผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใสทานมะเขือเทศแบบดิบ หรือสุก แบบไหนดีกว่ากัน?การทานมะเขือเทศให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นขึ้นอยู่ผู้รับประทานว่าต้องการสารอาหารประเภทใด ถ้าหากอยากได้ไลโคปีนควรรับประทานแบบสุกจะดีกว่า เนื่องจากหากผ่านความร้อน ไลโคปีนจะหลุดออกมาจากเนื้อเยื่อมะเขือเทศง่าย ร่างกายจึงดูดซึมง่ายและนำไปใช้งานได้อย่างรวดเร็ว และถ้าหากอยากให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดียิ่งขึ้นควรใช้น้ำมันในการปรุงเพราะไลโคปีนสามารถละลายได้ดีในไขมันนั่นเองส่วนสาวๆ หากอยากได้วิตามินซีสูง ควรรับประทานมะเขือเทศแบบดิบๆ เพราะวิตามินซีจะถูกทำลายไปเกือบหมดถ้าสัมผัสกับความร้อนนานๆวิธีทำน้ำมะเขือเทศดื่มเองง่ายๆ1. นำมะเขือเทศมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้น2. นำมะเขือเทศใส่หม้อ ตั้งไฟโดยใช้ไฟแรงปานกลาง คนไปเรื่อยๆ จนสุก3. นำมะเขือเทศที่สุกแล้วมากรองด้วยผ้าขาวบางโดยใช้ทัพพียีๆสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มดื่มน้ำมะเขือเทศแล้วทานยาก ควรผสมน้ำผลไม้สดลงไป เช่น น้ำส้มคั้น น้ำสัปปะรด เพื่อเจือจางรสชาติและกลิ่นของมะเขือเทศ จะทำให้ดื่มได้ง่ายขึ้น (ไม่ควรใส่เกลือเพิ่ม เนื่องจากในมะเขือเทศมีโซเดียมอยู่แล้ว)ดื่มน้ำมะเขือเทศตอนไหนดี ได้ประโยชน์ที่สุดเนื่องจากไลโคปีนนั้นละลายได้ดีในไขมัน ดังนั้นการดื่มหลังอาหารทันที ไขมันในอาหารจะช่วยดูดซึมไลโคปีนได้ดียิ่งขึ้น หรือหากจะดื่มก่อนทานอาหารก็สามารถหยดน้ำมันลงไปเล็กน้อยเพื่อทำให้ไลโคปีนแตกตัวได้มากขึ้นข้อแนะนำในการดื่มน้ำมะเขือเทศไม่ว่าอะไร ถ้ามากไปก็ไม่ดีทั้งนั้น มะเขือเทศก็เช่นกัน ถึงแม้มีสารอาหารมากมาย แต่การทานในปริมาณมากก็สามารถก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ เนื่องจากมะเขือเทศเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีและโพแทสเซียมสูง โดยวิตามินซีหากได้รับมากเกินไปอาจทำให้เป็นโรคนิ่วได้ ส่วนโพแทสเซียม สำหรับผู้ป่วยโรคไตถ้าได้รับโพแทสเซียมในปริมาณมาก ร่างกายจะขับโพแทสเซียมออกไปได้ไม่หมด อาการอาจจะแย่ลงได้ ดังนั้นปริมาณที่แนะนำให้ดื่มต่อวันคือ ไม่ควรเกิน 2 แก้ว ( 2 กล่องเล็กต่อวัน)สรรพคุณและประโยชน์มากมายจาก “มะเขือเทศ” ทั้งบำรุงผิวให้สวยใส และช่วยยับยั้งโรคมะเร็งร้าย อีกทั้งยังมีสารอาหารมากมายที่ร่างกายต้องการ การกินมะเขือเทศทุกวันจึงถือว่าเป็นยาบำรุงร่างกายจากธรรมชาติ ที่อุดมไปด้วยสิ่งดีๆ มากมายที่จะทำให้สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวกับสรรพคุณ...ประโยชน์ของผัก-ผลไม้ 21 สรรพคุณ...ประโยชน์ของผักคะน้า ใบเขียวเข้ม เต็มไปด้วยสารอาหาร 13 สรรพคุณ…ประโยชน์ของต้นหอม มิตรแท้ของสุขภาพดี 19 สรรพคุณ…ประโยชน์ของแครอท สุดยอดผักเพื่อผิวสวย 24 สรรพคุณ…ประโยชน์ของมะนาว “ยาอายุวัฒนะ” ผลเล็กเปรี้ยวจี๊ด