free web tracker, fire_lady 3 สมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์…ช่วยขับยูริค บรรเทาอาการปวดข้อ • สุขภาพดี

สมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์...ช่วยขับยูริค บรรเทาอาการปวดข้อ ไม่ง้อยาแผนปัจจุบัน

สมุนไพรรักษาเกาต์

ใครที่เป็น "โรคเก๊าท์" จะรู้ดีว่าอาการปวดข้อกำเริบนั้นมันทรมานแค่ไหน เรียกว่าจะลุกก็โอ้ย จะนั่งก็โอ้ย ปวดแค่ 2-3 ข้อนี่แทบไม่อยากขยับตัวกันเลยทีเดียว ใครที่ปวดบ่อยๆ ก็ได้แต่พยายามหาวิธีบรรเทากันไป บางคนก็ต้องคอยทานยาพาราเซตามอลแก้ปวดอยู่บ่อยๆ ซึ่งการทานพาราฯติดต่อกันก็ไม่ดีต่อสุขภาพตับสักเท่าไร วันนี้เราจึงรวบรวมวิธีการบรรเทาอาการปวดด้วยสมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์มาฝากค่ะ ซึ่งทำตามได้ไม่ยาก ใครไม่อยากปวดเก๊าท์กันอีกต่อไป มาดูกันได้เลยค่ะ

โรคเก๊าท์ คือ?

โรคเก๊าท์คือโรคในกลุ่มอาการข้ออักเสบแบบเรื้อรัง โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวด บวมและอักเสบตามข้อ โรคนี้ที่พบได้บ่อยพอสมควรโดยเฉพาะกับผู้ที่มีอายุมากๆ ส่วนใหญ่พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ถ้าเป็นผู้หญิงมักจะเกิดกับผู้ที่หมดประจำเดือนไปแล้ว โรคเก๊าท์เป็นโรคที่ไม่อันตราย หากใส่ใจดูและและติดตามอาการอยู่เป็นประจำ สามารถควบคุมอาการไม่ให้กลับมากำเริบอีกได้

สาเหตุของการเกิดโรคเก๊าท์

สาเหตุหลักของโรคเก๊าท์มาจากการมีกรดยูริคสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไปจนตกผลึกแล้วไปสะสมอยู่ตามข้อ เมื่อสะสมนานๆ เข้าจึงทำให้ข้อบวม อักเสบและมีอาการเจ็บปวดตามมา ซึ่งสาเหตุที่ทำให้กรดยูริคตกค้างในเลือดสูงก็เพราะร่างกายขับออกไปได้น้อยกว่าที่ได้รับเข้ามา โดยปกติร่างกายจะมีแหล่งของกรดยูริค 2 แหล่งใหญ่คือ เกิดจากการสร้างของร่างกายเองและจากการรับเข้าไปโดยการทานอาหาร ในคนปกติกรดยูริคจะถูกกำจัดไปได้เกือบหมดโดยขับออกทางระบบทางเดินอาหาร 1/3 ส่วน และทางไตมากถึง 2/3  ส่วน ดังนั้นในผู้ป่วยโรคเก๊าท์มากกว่า 90% จึงจะพบว่ามีปัญหาเรื่องไม่สามารถขับกรดยูริคออกทางไตได้ ส่วนปัจจัยที่ทำให้ร่างกายมีกรดยูริคสะสมมากจนตกผลึก มีดังนี้

  • พันธุกรรม เกิดจากการขาดเอนไซม์บางชนิดหรือเอนไซม์บางชนิดทำหนักกว่าที่ควร หรือขาดยีนส์ที่ช่วยสลายกรดยูริค เป็นต้น จากประวัติครอบครัว พบว่าผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์มักมีสมาชิกเป้นโรคนี้เหมือนกัน
  • ทานอาหาร อาหารบางชนิดมีสารพิวรีนสูง ซึ่งในกระบวนการย่อยสลายสารนี้จะทำให้เกิดกรดยูริคขึ้น อาหารในกลุ่มนี้ เช่น สัตว์ปีกทุกประเภท ยอดผัก เครื่องในสัตว์ ซุปก้อน น้ำต้มกระดูก อาหารทุกชนิดที่หมักด้วยยีสต์ (ขนมปัง เบียร์) เป็นต้น
  • การดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ หรือแอลกอฮอล์อื่นๆทุกชนิด มีผลทำให้ไตลดการขับยูริค ทำให้หลังดื่มจะมีกรดยูริคสะสมอยู่ในเลือดสูงมาก
  • ไตผิดปกติ เช่น โรคไต ไตวาย ไตทำงานผิดปกติ ความผิดปกติเหล่านี้จะทำให้ไตไม่สามารถขับกรดยูริคออกจากร่างกายได้
  • การเจ็บป่วย มีโรคบางโรคที่ส่งผลให้มีกรดยูริคในร่างกายสูง เช่น โรคมะเร็ง โรคเลือด โรคอ้วน โรค ธาลัสซีเมีย โรคเบาหวาน เป็นต้น
  • ยารักษาโรค ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงคือ ทำให้ไตขับยูริคได้น้อยลง เช่น ยาแอสไพริน ยาเลโวโดปา เป็นต้น รวมทั้งการรักษาโรคมะเร็งด้วยการฉายแสงและเคมีบำบัดก็มีผลต่อการกำจัดยูริคด้วยเช่นกัน

สมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์

1. ใบยอ ใบยอนำมาใช้เมื่ออาการปวดกำเริบได้ โดยวิธีการนำใบยอสดที่ค่อนข้างแก่มาย่างไฟให้ร้อน รอจนอุ่นเล็กน้อย นำมาประคบบริเวณที่ปวด วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที แต่อย่าบีบหรือนวด เพราะจะทำให้ปวดมากกว่าเดิมไป ทำบ่อยๆ จะช่วยบรรเทาปวดลงได้ ไม่อันตราย ส่วนถ้าใครจะนำมารับประทานก็นำไปปรุงอาหาร เช่น ห่อหมก แกงรวม ห้ามทานแบบสดๆ เพราะว่าใบยอมีพิษ

2. ตะไคร้ใบเตย นำใบเตยและตะไคร้มาหั่นเป็นท่อนๆ โดยตะไคร้ต้องทุบๆ ให้แตกเล็กน้อย จากนั้นนำไปต้มให้เดือด จากนั้นลดไฟลง ปิดฝาแล้วต้มต่ออีก 15 นาทีโดยไม่ต้องเปิดฝาแล้วยกลง ทิ้งไว้ให้เย็น นำมาดื่มเป็นชาติดต่อกัน 1 สัปดาห์ จะช่วยขับกรดยูริคออกทางไตได้มากขึ้น จึงเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเก๊าท์ได้

3. มะเฟือง สูตรนี้เป็นสูตรสมุนไพรรักษาเก๊าท์พื้นบ้านที่ส่งต่อกันมา แค่นำมะเฟืองสุก 1 ผล น้ำผึ้งเล็กน้อยและน้ำเปล่าต้มสุก 2 แก้ว นำมาปั่นผสมกัน แล้วดื่มวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น ติดต่อกัน 5-6 วัน แต่มีข้อควรระวังคือ มะเฟืองมีกรดออกซาลิกสูง ผู้ป่วยโรคไตไม่ควรรับประทาน และไม่ควรทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ เพราะกรดออกซาลิกหากมีมาก จะเกาะตัวกับแคลเซียมและตกผลึกกลายเป็นนิ่วในไต ถ้าจะรับประทานมะเฟืองเป็นยา แนะนำให้ทานมะเฟืองหวานจะดีกว่ามะเฟืองเปรี้ยว เพราะมีกรดออกซาลิกน้อย กว่านั่นเอง

มะเฟือง-สมุนไพรรักษาโรคเกาต์

การดูแลตัวเองเบื้องต้นของผู้ป่วยโรคเก๊าท์

เป็นแนวทางการปฏิบัติที่จะช่วยควบคุมอาการและบรรเทาความเจ็บปวดเบื้องต้น หากปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะทำให้โรคไม่กำเริบหรือถ้ากำเริบก็ไม่รุนแรง

1. ดื่มน้ำให้มากๆ 2-3 ลิตรต่อวัน เน้นจิบหรือดื่มครั้งละแก้วทั้งวัน อย่าดื่มครั้งละมากๆ อาจทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษได้ การดื่มน้ำมากจะช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียได้ดี ช่วยให้ไตขับกรดยูริคออกมาได้มาก ลดการตกค้างสะสมจนก่อตัวเป็นตะกอน

2. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารพิวรีนสูง เช่น ยอดผัก เนื้อสัตว์ปีก น้ำต้มกระดูกสัตว์ หอย ชะดม สะเดา เห็ด สาหร่าย เป็นต้น

3. รับประทานอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตให้เพียงพอ เพื่อที่ร่างกายจะได้ใช้พลังงานจากน้ำตาลโดยที่ไม่ต้องไปเผาผลาญโปรตีนมาใช้ เนื่องจากขั้นตอนการเผาผลาญโปรตีนจะทำให้กรดยูริคสลายออกมาสะสมในเลือดมากขึ้น แต่การรับประทานอาหารในกลุ่มนี้ต้องใส่ใจมากพอสมควรเพราะถ้ารับประทานผิดและมากเกินไปก็อาจจะอ้วนได้ แนะนำให้ทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ถั่วเต็มเมล็ด ข้าวขัดสี ข้าวมันปู ข้าวกล้อง ข้าวสีนิล ธัญพืชชนิดต่างๆ รำข้าว จมูกข้าว เป็นต้น

4. หยุดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะไตจะได้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

5. หยุดบีบนวด หากมีอาการปวดมากๆ อย่าบีบนวดโดยเด็ดขาด เพราะจะยิ่งปวดและอาการแย่ลง ให้นำน้ำแข็งห่อผ้ามาประคบตรงข้อที่ปวด 15-20 นาที หรือถ้าไม่ชอบก็ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัดหรือแช่ไปในน้ำอุ่นเลยก็ได้ แล้วพยายามหลีกเลี่ยงการใช้งานนิ้วมือหรือข้อบริเวณที่ปวด

6. ไม่ซื้อยามาทานเอง เพราะยาบางตัวนั้นอาจทำให้โรคกลับมากำเริบได้

7. ทานผักและผลไม้มากๆ เพราะจะช่วยให้มีการปัสสาวะมากขึ้น ส่งผลให้กรดยูริคถูกขับมามากขึ้น แต่ต้องระวังไม่รับประทานผักที่มีสารพิวรีนสูง

8. ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี ในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ที่น้ำหนักเกิน ต้องลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง ห้ามอดอาหารโดยเด็ดขาด เพราะอาจมีการสลายกล้ามเนื้อมาใช้ จะทำให้กรดยูริคในเลือดสูงมากขึ้น อาการกลับมากำเริบได้

9. ไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการและผลการรักษาอยู่เสมอ ถึงแม้โรคเก๊าท์จะไม่ใช่โรคที่อันตราย แต่ว่าหากปล่อยทิ้งไว้เนิ่นนาน ก็อาจทำให้เกิดภาวะไตวายได้

เป็นอย่างไรกันบ้างกับสมุนไพรรักษาโรคเก๊าท์กับสูตรยาดีๆ ที่ทำตามได้ไม่ยากเลย ใครที่เป็นโรคเก๊าท์สามารถนำมาลองทำดูได้ แต่อย่าลืมว่าการใช้สมุนไพรเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งในการรักษาเท่านั้น หากอยากได้ผลดีและไม่อยากให้เก๊าท์กลับมากำเริบอีก ให้ดูแลตัวเองดูเสมอ ดื่มน้ำให้มากๆ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารพิวรีนสูงและติดตามอาการของโรคอยู่เป็นประจำ เท่านี้อาการปวดเก๊าท์ก็ไม่กลับมากวนใจคุณแล้วค่า