free web tracker, fire_lady 14 วิธีรักษากระ-ป้องกันกระ…ทำอย่างไรให้หน้าใส ไร้รอยกระ? • สุขภาพดี

14 วิธีรักษากระ-ป้องกันกระ...ทำอย่างไรให้หน้าใส ไร้รอยกระ?

วิธีรักษากระ จุดด่างดำ

สาวๆ กับความสวยความงามมักเป็นของคู่กันเสมอ ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าใครๆ ก็อยากมีผิวที่เนียนใสกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะสีผิวใดๆ ขอให้สีผิวสวยเรียบเนียนสม่ำเสมอก็เพียงพอ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะมีผิวแบบนี้โดยเฉพาะคนที่มีผิวขาวมากๆ แต่อาศัยอยู่ในประเทศที่อากาศร้อนจัดอย่างประเทศไทย อุปสรรคสำคัญสำหรับการมีใบหน้าเรียบเนียนก็คือ “กระ” นั่นเอง กระเป็นรอยด่างดำจุดๆ ตามใบหน้า ยิ่งถ้ามีมากก็ยิ่งทำให้หมดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น วันไหนอยากจะเปลือยผิวหน้าใสๆ บ้างก็กังวลกับบรรดากระน้อยๆ ที่เรียงกันอยู่อย่างเรียบร้อยบนหน้า เห็นแล้วน่าขัดใจยิ่งนัก สำหรับวันนี้ใครอยากกำจัดกระ รักษากระ ป้องกันกระ เรามีเคล็ดลับดีๆ กับ 14 วิธีรักษากระ เพื่อหน้าเกลี้ยงใส ไร้ร้อยกระ มาแนะนำค่ะ

กระ คือ? เกิดขึ้นได้อย่างไร?

"กระ" หรือ จุดด่างดำ ตามร่างกายที่พบมากบริเวณใบหน้า ลำคอ แขนหรือหน้าอก สาเหตุหลักเกิดจากการการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานๆ การทำผิวแทนบ่อยๆ รวมไปถึงกรรมพันธุ์ด้วย ที่กระมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเนื่องจากผิวหนังสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นมาเพื่อดูดซับรังสียูวี ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด กระพบได้ในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวสี โดยสามารถพบได้ตั้งแต่คนอายุน้อยๆ มีอัตราการพบมากที่สุดตั้งแต่อายุ 50 ขึ้นไป กระจะขยายใหญ่ขึ้นเมื่ออายุมากขึ้นหรือตากแดดบ่อยๆ การรักษากระโดยทั่วไปแล้วใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงต้องมีความอดทนสูงมากพอสมควรที่ต้องคอยดูแลรักษาผิวพรรณตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามต้องทำความเข้าใจก่อนว่า กระบางชนิดก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดถาวรได้ ทำได้แค่เพียงทำให้จางลงเท่านั้น

ชนิดของกระ

"กระ" สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะของกระได้แก่

1. กระตื้น เป็นจุดสีน้ำตาลอ่อน มีขนาดเล็กกว่า 0.5 cm รักษาได้ง่ายที่สุด จางลงได้เองถ้าหากหลีกเลียงการถูกแสงแดด

2. กระลึก มีสีน้ำตาลปนเทา เกิดที่ชั้นผิวหนังแท้ซึ่งอยู่ใต้ผิวหนังชั้นแรกเล็กน้อย ขนาดประมาณ 2-3 cm สามารถจางลงได้เช่นกัน ถ้าหากไม่โดนแดดนานๆ

3. กระแดด เป็นจุดสีน้ำตาลเรียงกัน มักพบในผู้สูงอายุ

4. กระเนื้อ มีลักษณะเป็นติ่งเล็กๆ สีน้ำตาลหรือดำ สามารถพบได้ทั่วทั้งร่างกาย ตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ หน้าอก หลังหรือแขน กระประเภทนี้ต้องรักษาด้วยการเลเซอร์เท่านั้น

ชนิดของกระ จุดด่างดำ

14 วิธีการรักษากระ แบบเคล็ดไม่ลับ

1. รักษากระด้วยมะนาว มะนาวมีกรด AHA จากธรรมชาติที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและช่วยทำลายสารเมลานินที่เกาะตัวกันแน่นที่ผิวหนังให้หลุดออก นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี จึงทำให้รอยกระจางลงอย่างรวดเร็ว และยังทำให้ผิวหนังในบริเวณนั้นขาวสว่างขึ้นด้วย ส่วนวิธีรักษากระด้วยน้ำมะนาวทำได้หลายวิธี เช่น

สมุนไพรรักษากระ จุดด่างดำ
  • แต้มน้ำมะนาวที่กระ หากเป็นกระแค่ไม่กี่จุด ควรบีบมะนาวใส่ถ้วย ใช้สำลีก้านชุบน้ำมะนาวจนชุ่ม จากนั้นนำมาแต้มบริเวณกระเป็นจุดๆ แต่ถ้าหากเป็นกระเยอะมากๆ ควรหั่นมะนาวเป็นแว่นบางๆ แล้วนำมาวางแปะบริเวณที่เป็นกระ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 เท่านั้น จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด วิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะอาจจะทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ วิธีนี้แนะนำให้ทำตอนกลางคืนก่อนเข้านอน เพราะผิวหนังบริเวณที่พอกด้วยน้ำมะนาวอาจจะบาง ไวต่อแดด หากตากแดดอีก อาจจะทำให้ผิวหน้าคล้ำยิ่งกว่าเดิม
  • มะนาวผสมน้ำผึ้งรักษากระ ผสมน้ำผึ้งกับมะนาวในอัตราส่วนที่ไม่เหลวมากจนเกินไป นำส่วนผสมที่ได้มาพอกให้ทั่วใบหน้า นวดเบาๆ เน้นในบริเวณที่เป็นกระ ทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างออก วิธีนี้จะอ่อนโยนกับผิวหน้ามากกว่าวิธีแรก เนื่องจากได้น้ำผึ้งมาช่วยปลอบประโลมผิว
  • มะนาว+น้ำผึ้ง+น้ำตาล นำส่วนผสมทั้ง 3 ชนิดมาผสมกันพอข้นๆ นำมาแต้มที่บริเวณกระด้วยสำลีก้าน ทิ้งไว้จนแห้งติดผิวหนัง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
  • 2. เอนไซม์ธรรมชาติช่วยรักษากระ ในผักผลไม้หลายชนิดมีเอนไซม์ตามธรรมชาติ เช่น เอนไซม์ปาปาอินโปรมิเอสในมะละกอ แอสปาลิกโปรมิเอสในมันฝรั่ง ซึ่งเอนไซม์เหล่านี้ช่วยเร่งปฏิกิริยาหรือย่อยโปรตีน (เม็ดสีเมลานิน) ซึ่งช่วยทำให้กระจางลงได้ เราสามารถนำผักผลไม้เหล่านี้มาช่วยลดรอยกระได้ เช่น

  • มะละกอ นำมะละกอสุกมาแกะเอาเม็ดออก จากนั้นนำไปปั่นจนละเอียด นำมาพอกหน้าบริเวณที่เป็นกระไว้ ทิ้งไว้จนแห้งแล้วล้างออก
  • มันฝรั่ง มันฝรั่งสามารถรักษาได้ทั้งฝ้าและกระ สำหรับกระ นำมันฝรั่งมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาปั่นรวมกับน้ำผึ้งพอข้นๆ จากนั้นนำมาพอกที่กระ ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก
  • สับปะรด คั้นน้ำสัปปะรดสดๆ โดยไม่ต้องผสมอะไรลงไป นำน้ำสัปปะรดที่ได้มาแต้มที่กระ หรือจะหั่นสัปปะรดเป็นชิ้นบางๆ แล้ววางทับไปที่กระเลยก็ได้ผลเช่นเดียวกัน ทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วล้างออก
  • หัวไชเท้า เป็นผักอันดับต้นๆ ที่อยากแนะนำสำหรับการใช้รักษากระและฝ้า  สำหรับวิธีนี้คือ นำหัวไชเท้าสดมาปอกเปือก จากนั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กแล้วปั่นรวมกับน้ำมะนาวเล็กน้อย ปั่นจนละเอียดแล้วนำส่วนผสมที่ได้มาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ส่วนใครที่ต้องการความสะดวกสามารถเปลี่ยนไปใช้สบู่สูตรหัวไชเท้าแทนก็ได้เช่นกัน ควรพอกสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ รับรองว่าคุณต้องตะลึงกับผลลัพธ์ที่ได้ผลอย่างแน่นอน
  • หัวหอม หั่นหัวหอมเป็นแว่นบางๆ นำแว่นหอมมาแปะในบริเวณที่เป็นกระ อาจจะแสบเล็กน้อยในช่วงแรก เมื่อทำบ่อยๆ จะชินไปเอง ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หากทำอย่างสม่ำเสมอกระจะจางลงในที่สุด
  • 3. โยเกิร์ตรักษากระ โยเกิร์ตมีกรดอ่อนๆ ที่ช่วยทำให้รอยด่างดำลดเลือนลงและยังมีเอนไซม์บางประเภทที่ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนเม็ดสีเมลานินได้ ส่วนวิธีการนั้นสามารถนำโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาพอกหน้าได้เลย หรือจะผสมพืชสมุนไพรบางชนิดลงไป เช่น แตงกวา ขมิ้น ว่านหางจระเข้ เป็นต้น พืชสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโยเกิร์ตให้ดีมากขึ้น เพราะสมุนไพรเหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ช่วยบำรุงผิวหน้าให้สว่าง กระจ่างใส

    4. ครีมบำรุงผิวรักษากระ เลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน เช่น ไวท์เทนนิ่ง วิตามินซี เป็นต้น หากวันไหนที่ขัดหรือพอกหน้า หลังล้างเสร็จเรียบร้อย อย่าลืมบำรุงผิวหน้าด้วยครีมที่มีมอยเจอร์ไรซ์เซอร์เข้มข้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้งจนเกินไป

    5. ครีมที่มีส่วนผสมของ AHA นอกจาก AHA จะพบได้ทั่วไปตามผลไม้รสเปรี้ยวแล้ว ก็มีการนำกรดผลไม้ชนิดนี้มาผสมในครีมบำรุงผิว การใช้ครีมประเภทนี้จะช่วยผลัดแซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวใสไวยิ่งขึ้น

    6. กรดวิตามินเอรักษากระ กรดวิตามินเอในปัจจุบันสามารถพบได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับรักษาสิว กรดนี้มีฤทธิ์ในการลอกเซลล์ผิวแบบอ่อนๆ จึงช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้กระจางลง เป็นวิธีที่ได้ผลดีอย่างชัดเจน ปลอดภัยแต่อาจจะใช้เวลานานเล็กน้อย

    7. ไฮโดรควิโนน ไฮโดรควิโนนมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินได้ การใช้ยาที่มีส่วนผสมของสารนี้เห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างรวดเร็ว แต่ว่าผลข้างเคียงก็มีเยอะมาก เช่น อาจจะเปลี่ยนโครงสร้างของเนื้อเยื่อสีผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนัง และด้วยความเสี่ยงที่เยอะนี้ ทำให้อย.ประกาศห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน ไม่สามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป มีเพียงแพทย์เท่านั้นที่จะเป็นผู้สั่งจ่ายได้ และยานี้ต้องมีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนแค่ 2% เท่านั้น ใครที่คิดจะใช้วิธีนี้ในการรักษากระควรศึกษาผลดีและผลข้างเคียงต่างๆ ก่อนตัดสินใจ

    8. เมโสเทอราพีรักษากระ เป็นวิธีการฉีดยาเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังลึกประมาณ 1-2 มิลลิเมตร เพื่อให้ตัวยากระจายเข้าไปจัดการกับผิวหนังบริเวณที่มีปัญหา การฉีดเมโสต้องทำซ้ำทุกๆ 1-2 อาทิตย์ ราคาสูงพอสมควร ประสิทธิภาพการรักษาสามารถทำให้รอยกระจางลงได้ แต่ไม่หายขาดถาวร

    9. การเลเซอร์รักษากระ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษากระ เลเซอร์คือการยิงลำแสงลงไปใต้ผิวหนังให้ถึงชั้นผิวด้านใน เพื่อกระตุ้นในเซลล์ซ่อมแซมตัวเอง เร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้กระจางลง เครื่องเลเซอร์ที่หลายยี่ห้อ หลายคุณภาพแล้วแต่ราคา ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจเลือกรักษาด้วยวิธีนี้ ขอให้มั่นใจว่า คุณได้รักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับเครื่องมือที่มีคุณภาพสมราคาจริงๆ

    เลเซอร์รักษากระ จุดด่างดำ

    10. การรักษากระด้วยเครื่อง IPL วิธีนี้มีกลไกการรักษาที่คล้ายคลึงกับการเลเซอร์ เครื่อง IPL คือเครื่องกำเนิดแสง โดยจะยิงแสงไปที่ผิวหนังที่เป็นกระมากๆ แสงจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนไปทำลายเมลามิน ทำให้กระจางและลดจำนวนลง การรักษาด้วยวิธีนี้ได้ผลดีน้อยกว่าเลเซอร์ อีกทั้งราคาค่อนข้างแพงและอาจมีผลข้างเคียงหลายอย่าง หากรักษากับผู้ที่ไม่มีความชำนาญ

    frexcel กำจัดกระ จุดด่างดำ

    11. การผ่าตัดด้วยความเย็นจัด เป็นการผ่าตัดรักษาฝ้าโดยใช้ไนโตรเจนเหลว แต่มีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถรักฝ้าได้ครบทุกจุด

    12. การกรอผิวรักษากระด้วยเกร็ดอัญมณี เป็นการเร่งกำจัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอก ช่วยให้กระจางลงอย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียคืออาจจะทำผิวระคายเคืองได้ หากไม่สามารถปรับระดับความแรงของเครื่องกรอได้อย่างเหมาะสม

    13. การลอกหน้ารักษากระ โดยใช้น้ำยาเคมีเพื่อลอกผิวหนังกำพร้าออกไป วิธีนี้ก็ต้องเลือกสถาบันความงามที่เชื่อถือได้ แพทย์ก็ต้องเป็นชำนาญการเช่นกัน ถ้าหากน้ำยาเคมีนั้นไร้คุณภาพหรืออันตราย อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงผิวหน้าได้

    14. การรักษากระด้วยเครื่องไอออนโต เครื่องไออนโตคือเครื่องมือที่ช่วยทำให้ยาหรือวิตามินที่ทาผิว ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับยาหรือวิตามินที่ใช้รักษากระ มักอยู่ในรูปแบบเจลเพราะซึมซาบได้ง่าย มีหลายชนิด เช่น วิตามินซี อาร์บูติน ลิโคไลซ์ วิธีนี้มีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย อาจทำให้ผิวระคายเคืองได้บ้าง แต่ว่าเป็นตัวเลือกที่เสริมประสิทธิภาพของยาที่ใช้รักษาได้ดีเยี่ยม

    วิธีการป้องกันการเกิดกระ

    เม็ดสีเมลามินเป็นกลไกที่ร่างกายเราสร้างขึ้นเพื่อปกป้องผิวหนังจากแสงแดด เพียงแต่ว่าเมื่อมีการผลิตมากไปก็จะทำให้สีผิวด่างดำ ไม่สม่ำเสมอ เป็นฝ้าหรือกระนั่นเอง ดังนั้นโปรดทำความเข้าใจว่าเราไม่สามารถยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินของร่างกายได้ ที่ทำได้คือกำจัดเมลานินที่มีมากเกินไปก็เท่านั้น ดังนั้นการป้องกันการเกิดกระจึงทำได้ยาก สิ่งที่ต้องทำคือหมั่นดูแลตัวเองเพื่อลดการสร้างเม็ดสีผิวใหม่ๆ ลดการขยายตัวตัวของกระและต้องทำควบคู่ไปกับการรักษา ดังนี้

    1. หลีกเลี่ยงแสงแดด ป้องกันตัวเองโดยหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจ้าเป็นเวลานานๆ หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายได้อย่างมิดชิด อาจจะใส่แว่นกันแดด หมวกปีก หรือกางร่มก็ได้ ก่อนออกต้องทาครีมกันแดดก่อน ครีมต้องมี Spf อย่างน้อย 30 ขึ้นและต้องผสม PA ด้วย เพราะจะได้ปกป้องผิวหนังได้จากทั้งรังสี UVA และ UVB ถ้าต้องออกกลางแดดนานๆ ต้องทาครีมกันแดดซ้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง

    2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดแรงๆ ในช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงช่วงสามโมงเย็น เพราะเป็นช่วงเวลาที่แดดจัดมาก

    3. ยาคุมกำเนิด บางประเภททำให้ผิวบาง ไวต่อแดดและเป็นกระได้มากขึ้น เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดทาน ใครที่ทานแล้วพบว่ามีกระเยอะและหนาขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนไปใช้ยาคุมกำเนิดประเภทอื่นแทน

    4. ครีมบำรุงผิว ทาครีมเป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอน กลางวันเลือกครีมที่มีส่วนผสมสำหรับรักษารอยกระ และอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน ก่อนนอนทาครีมบำรุงผิวสุตรสำหรับกลางคืน วันไหนหากมีการพอกหน้า ขัดหน้า ต้องบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรซ์เซอร์แบบเข้มข้นเพื่อป้องกันผิวแห้ง หลังทาครีมเสร็จควรนอนทันที ไม่เล่นโทรศัพท์หรืออยู่กับหน้าจอใดๆ เพราะผิวหน้าหลังขัดมักไวต่อแสง ถึงแม้จะเป็นแค่แสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม

    "กระ" เป็นสิ่งที่กำจัดให้หายไปถาวรได้ยาก เนื่องจากเป็นกลไกการป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งของร่างกาย ดังนั้นจึงไม่อยากให้สาวๆ กังวลอะไรมาก ควรทำความเข้าใจว่ากระที่จริงแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งร่างกาย รักษาได้แล้วก็สามารถกลับมาได้อีกถ้าหากมีปัจจัยที่เหมาะสม ดังนั้นการรักษากระที่ดีที่สุดคือ พยายามไม่ให้เป็นกระตั้งแต่แรก โดยพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลฟื้นฟูผิวและช่วยลดรอยจุดด่างดำได้ กระที่มีอยู่แล้วก็จะจางลง ทั้งยังช่วยลดการเกิดกระใหม่ๆ อีกด้วยค่ะ